เช้าวันที่สองของทริป หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม เราก็เดินไปสถานี Shin-Osaka ซึ่งห่างจากโรงแรมประมาณ 300 เมตร ในวันนี้เราจะไปเที่ยวในเมืองเกียวโต (Kyoto) จะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่กำลังพีคพอดี ก็หวังว่าจะได้เจอใบไม้แดงอย่างเต็มที่กัน ซึ่งในวันนี้เราเริ่มใช้ Kansai Wide Area Pass เป็นวันแรก และต้องใช้ติดต่อกัน 5 วัน โดยเดินทางด้วยรถไฟไปยัง Kyoto
รถไฟที่วิ่งนั้น จะมีอยู่ 3 ประเภทคือ รถไฟด่วนแบบใหม่ (New Rapid) รถไฟด่วน (Rapid) และรถไฟท้องถิ่น (Local) ซึ่งแนะนำให้ขึ้นแบบที่เร็วที่สุดก็คือ รถไฟด่วนแบบใหม่จะดีที่สุด แต่เราต้องขึ้นขบวนที่เป็นแบบไม่ได้จองที่นั่ง (Non-Reserved Seat) ที่ชานชาลานั้น ให้ต่อแถวเพื่อรอขึ้นตรงบริเวณที่มีสัญลักษณ์ △ สีฟ้า และ มีอักษรเขียนว่า 新快速 (ชินไคโซะคุ แปลว่า รถไฟด่วนแบบใหม่) ส่วนตัวอักษรที่เขียนว่า 快速 (ไคโซะคุ แปลว่า รถไฟด่วน)
นั่งรถไฟประมาณ 25 นาที ก็เดินทางมาถึงสถานี Kyoto แต่เรายังต้องไปเปลี่ยนอีกขบวน เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานี Saga Arashiyama อีกราว 16 นาที พอเดินทางมาถึงสถานีและเดินออกมาก็เจอคนยืนต่อแถวอะไรกัน แต่คิวก็ไม่ได้ยาวมาก ก็เลยสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่า ต่อคิวเพื่อรอซื้อตั๋วยืน (Stand) ก็แอบดีใจ ซึ่งถอดใจมาก่อนแล้วว่า คงอดนั่งรถไฟ Sagano Romantic Train ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะไม่มีวิธีการจองล่วงหน้าผ่าน Web และเต็มเร็วมาก ขายหมดตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2561 เพราะมีบริษัททัวร์ในญี่ปุ่นจองไว้ก่อนแล้ว
สำหรับโบกี้เปิดโล่ง Car No.5 ("The Rich" Car) จะเปิดขาย 8.35 น. ของแต่ละวันที่สถานี ซึ่งเราพักที่ Osaka คงไม่คิดจะมาต่อคิวซื้อแต่เช้าอย่างแน่นอน ดังนั้น มีการเปิดขายตั๋วยืน ซึ่งเสริมในแต่ละรอบ แต่ละโบกี้ถือว่าดีมาก ซึ่งไม่ได้ขายจำนวนมากจนแน่นขบวน ก็เลยได้ตั๋วมาแบบโชคช่วยเกินคาด เพราะถอดใจไปก่อนแล้วว่าอดนั่งแน่นอน
เราเลือกรอบรถไฟ 14:01 น. เพราะเราจะได้มีเวลาเดินเที่ยวแถบ Arashiyama กันก่อน แล้วค่อยเดินย้อนกลับกลับมาขึ้นรถไฟ Sagano Romantic Train ที่สถานี Saga Torokko ซึ่งอยู่ติดกับสถานี Saga Arashiyama
ภายในสถานี Saga Torokko ยังมีพิพิธภัณฑ์รถไฟ ซึ่งมีขบวนรถไฟโบราณอยู่ 3 ขบวนด้วย ถูกใจคนรักรถไฟอย่างเรา ซึ่งเคยมีโอกาสไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์รถไฟที่เมืองไซตามะ (Saitama) ขนาดใหญ่มาแล้วและชอบมาก
จากนั้น เราก็เริ่มเตินเที่ยวในบริเวณ อราชิยามะ (Arashiyama) อยู่ทางตะวันตกของเกียวโต โดยเริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยเฮอัน (794-1185) ซึ่งจะมีวัด, ศาลเจ้า และสวนสวยๆ อยู่มากมาย ซึ่งใบไม้เปลี่ยนสีกำลังสวยงามเต็มที่ เป็นบริเวณยอดนิยมในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสี และนี่ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งญี่ปุ่น (Nationally-designated Historic Site) ใน Cultural Properties of Japan หมวดของ Place of Scenic Beauty ที่ดูแลโดยกระทรวงวัฒนธรรมญี่ปุ่น
อากาศก็เย็นสบาย เดินไปแวะถ่ายภาพกันไป เดินไปเรื่อยๆ จนถึงสะพานโทเกทสึเคียว (Togetsu-kyo Bridge) หรือเรียกว่า "Moon Crossing Bridge" ซึ่งในวันนี้คนเยอะมากๆ เพิ่งทราบภายหลังว่า เป็นวันหยุด (วันแรงงาน) ของคนญี่ปุ่น ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเยอะมาก จนทำให้แน่นสะพาน ซึ่งพอเราเดินข้ามไป ต้องรีบเดินกลับ เพราะกลัวใช้เวลามากเกินไปกว่าจะกลับข้ามมาได้
พอเดินย้อนกลับมา ก็รีบเดินมาชมใบไม้แดงบริเวณสวนของวัด ซึ่งแดง ส้ม เหลือง ได้ใจจริงๆ สวยงามมาก โดยเฉพาะมีแดดอ่อนๆ ช่วยเพิ่มสีสันของใบได้อีกมาก
ยิ่งได้ท้องฟ้าสดใสเพิ่มอีก ยิ่งขับให้สีของใบไม้ยิ่งแดงเด่นขึ้นอีกมาก สวยงามมากจริงๆ ในบริเวณนี้จะมี วัดเทนริวจิ (Tenryuji, 天龍寺) ถือว่าเป็นหนึ่งในห้าวัดที่สำคัญที่สุดของนิกายเซน ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วย
และที่พลาดไม่ได้ คือ เส้นทางสายป่าไผ่แห่งอราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Groves) เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมอันเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสัญลักษณ์แห่งอราชิยาม่า เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินราว 3 กม. ที่ปกคลุมไปด้วยป่าไผ่สองข้างทางแทงกอเสียดฟ้า ไผ่ที่เขียวครึ้มงดงามประกอบลมที่โชยเอื่อยพร้อมกับกลิ่นไผ่อันน่าหลงใหลนั้น ทำให้การเดินชมป่าไผ่แห่งนี้สัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นได้เป็นอย่างดีทีเดียว แต่วันนี้คนเยอะมากๆ เราก็เดินกันประมาณ 300 เมตร ก็ต้องเดินย้อนกลับ เพราะเราจะต้องกลับมาขึ้นรถไฟเวลา 14:01 น.
เมื่อถึงเวลาขึ้นรถไฟ เราก็มาต่อแถวขึ้นรถไฟกัน เตรียมมุมสำหรับยืนถ่ายภาพข้างทาง เก้าอี้ไม้ ดูเก่าแก่คลาสิคดี ไม่นานนักรถไฟก็เริ่มขยับ ก็เริ่มเห็นสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีและน้ำสีฟ้าของแม่น้ำ Hozugawa ซึ่งมองเห็นการล่องเรือแม่น้ำโฮะซึ (Hozu-gawa River Boat Ride) ที่ล่องผ่านแก่งหินตามลำน้ำชมหุบเขาและธรรมชาติอันงดงาม กลับมาขึ้นฝั่งยังอะราชิยาม่าบริเวณแถบสะพานโทเกทสึเคียว (Togetsu-kyo Bridge)
ด้วยรถไฟแบบเปิดหน่าต่าง วิ่งท่ามกลางธรรมชาติช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามตั้งแต่ Torokko Saga Station ไปจนถึง สถานีคาเมะโอกะ Kameoka Station เป็นระยะทาง 7.3 km ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
ลองชมแบบคลิปวิดีโอดูบ้าง ได้บรรยากาศเหมือนได้ไปท่องเที่ยวด้วยกัน แนะนำให้เลือกความละเอียด 1080p60HD บน YouTube เพื่อภาพที่คมชัดที่สุด
เก็บความประทับใจไว้เต็มอิ่ม และเดินเท้าไปยังสถานี Umahori เพื่อนั่งรถไฟกลับเข้ามาที่สถานี Kyoto และเดินทางกันต่อ เพื่อไปชมใบไม้แดงยอดนิยมในเกียวโต จุดต่อไป
ระหว่างทางเดิน แวะพักจิบกาแฟสักครู่ เพื่อวางแผนไปเที่ยวกันต่อในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งเราก็ตัดสินใตเลือกไปเที่ยวที่วัดเออิคันโดะ Eikando Zenrin-ji (永観堂) ซึ่งได้ข้อมูลจาก Facebook Fan Page ต่างๆ ว่ากำลังสวยงาม แต่ก็เดินทางด้วยรถไฟ ไปต่อด้วยรถ Taxi กัน โดยลุ้นว่าจะไปทัน 17:00 น. ก่อนปิดให้ชมสวนหรือไม่
แต่เราก็มาถึง 17:00 น. พอดี ซึ่งอดเข้าชมตามระเบียบ เจอมีคนอีกจำนวนหลายร้อย ที่ต่อคิววนขดไปมาหลายตลบ เพื่อรอเข้าชมสวนในเวลากลางคืน ซึ่งจะเปิดไฟส่องและจะสวยไปอีกแบบ แต่เราก็ไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะชมในเวลากลางคืน ซึ่งต้องซื้อตั๋วล่วงหน้า ก็เลยต้องเดินย้อนกลับออกมาแบบผิดหวังเล็กน้อย ไปนั่งหม่ำขนมครกใส้ปลาหมึกยักษ์ Takoyaki (たこ焼き) กันแทนดีกว่า
พอหม่ำเสร็จ นั่งพักขา พอเดินย้อนกลับมา ก็ถือโอกาสเก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืนหน้าทางเข้าวัดได้ชมสีสันใบไม้แดงในอีกบรรยากาศ ก่อนนั่งรถ Taxi ไปบริเวณ Gion (祇園) กิออน ย่านเกอิชาแห่งเกียวโต เพื่อเลือกหาร้านอาหารค่ำสำหรับคืนนี้
ไปลงตัวที่ร้านบุฟเฟต์ชาบู ช่วยคลายหนาวได้อย่างดี ก่อนนั่งรถไฟกลับจาก Kyoto มายังสถานี Shin-Osaka และพักผ่อนก่อนเดินทางไกลในเช้าวันรุ่งขึ้นนี้ไปยัง Kinosaki Onsen ไว้มาติดตามกันต่อนะ
Camera : Samsung Galaxy S7/S6, Lumix TZ90, GoPro Hero7 Black