Disable Preloader




ทริป 10 วัน คันไซ ใบไม้แดง : ตอนที่ 7 - ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีพีคสุดๆ ที่ เกียวโต (Kyoto)

เช้าวันที่ 7 ของทริป หลังจากรับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์เต็มอิ่มกันโรงแรม เราก็เริ่มออกเดินทางไปยังเกียวโต (Kyoto) ด้วยรถไฟซึ่งยังเหลืออีกหนึ่งวัน ที่เรายังสามารถใช้ Kansai Wide Area Pass ได้ ซึ่งถือว่าคุ้มมากๆ สำหรับทริปนี้ ที่เราใช้พาสเดินทางไกลเหนือสุดของเกียวโตมาแล้ว แต่สำหรับวันนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวยังใจกลางเมืองเกียวโต ไปตามหาจุดที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่กำลังสวยสุดๆ หรือเรียกง่ายๆ ว่า "พีคสุดๆ"

ซึ่งเมื่อคืนได้พยายามหาข้อมูลจากกลุ่ม facebook ที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นว่า มีใครเข้ามาอัพเดทสถานะความสวยของการชมใบไม้เปลี่ยนสีกันบ้าง ก็ได้ข้อมูลล่าสุดและตั้งเป้าหมายที่ต้องมาชมที่ วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) Tofukuji (東福寺, Tōfukuji) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเกียวโตเป็นจุดหมายแรก พอมาถึงก็เดินไปซื้อบัตรเพื่อเข้าไปชมบริเวณสวน ซึ่งถือว่าคนไม่เยอะมาก ยังพอเดินไปเรื่อยๆ ได้สบายๆ แต่ทว่า สีสันสวยงามไปทั้งสวน โดยเฉพาะสีแดง สีแสด และสีเหลือง อีกทั้งมีแดดเบาๆ ช่วยเร่งให้สีสันสดใส เหมาะในการถ่ายรูปอย่างดี

วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นวัดเซ็นขนาดใหญ่ที่โด่งดังมากๆ เรื่องการเป็นจุดชมใบไม้แดงที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1236 โดยตระกูลฟูจิวาระ (Fujiwara clan)

แนะนำให้เลือกความละเอียด 1080p60HD บน YouTube เพื่อภาพที่คมชัดที่สุด

มุมที่สำคัญในการถ่ายภาพ คือ สะพานทสึเทนเคียว (Tsutenkyo Brodge) ที่โอบล้อมด้วยใบไม้แดง

เรียกได้ว่า ธรรมชาติได้รับการรวบรวมความสวยงามของสีสันไว้อย่างดี ในการจัดวางต้นเมเปิ้ล (Maple) เต็มพื้นที่สวน ด้วยฝีมือคนญี่ปุ่นมาไว้รวมกัน และที่สำคัญ คือ สภาพอากาศที่ช่วยให้เปลี่ยนสีพร้อมกัน ทำให้เป็นภาพที่สวยงาม ตรึงตราตรึงใจจริงๆ เมื่อได้เห็น

การเดินทางจาก Kyoto Station โดยสารรถไฟ JR Nara Line หรือ Keihan Main Line ลงที่สถานี Tofukuji Station ใช้เวลา 2 นาที ค่าใช้จ่าย 140 เยน จากนั้นเดินต่ออีก 10 นาที ก็มาถึงหน้าวัดแห่งนี้ และซื้อตั๋วราคา 400 เยน (สำหรับ Hojo และ สวน) แต่ยังสามารถซื้อตั๋ว 400 เยน (สำหรับ Tsutenkyo Bridge และ Kaisando Hall) แต่เราเลือกชมเฉพาะบริเวณสวน และภายนอกของอาคารต่างๆ ของวัด เพราะเรายังมีแผนไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในจุดอื่นๆ ของเกียวโตอีกในวันนี้

หากลองถ่ายซูมใกล้ๆ จะเห็นใบไม้หลากสีสัน ที่ถักทอเหมือนเป็นผ้าสีสวยสดผืนใหญ่ไปทั้งบริเวณสวนแห่งนี้ จึงเป็น "จุดชมใบไม้แดงยอดนิยมในเกียวโต" อย่างแท้จริง

ในภาพจะมองเห็น จะมีลำธารเล็กๆ ชื่อว่า "เซนเกียวคุคัน" (Sengyokukan Stream) ที่ลอดผ่านทั้งสะพานกาอุนเคียว และสะพานทสึเท็นเคียว ซึ่งสามารถเดินวนภายในสวนและกลับออกใกล้กับประตูทางเข้า

ได้เจอกับหนูน้อยน่ารัก เป็นนายแบบรุ่นจิ๋วอีกด้วย และก็ได้เวลาเดินออกจากบริเวณสวน เพื่อมาแวะจิบชาร้อน แกล้มขนมหวาน นั่งพักขากันสักหน่อย

วัดนี้ยังมีความสัมพันธ์กับวัด 2 แห่งใน นารา (Nara) คือ วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) และ วัดโคฟุกุจิ (Kofukuji Temple) ภายในวัดเองก็มีสิ่งที่น่าสนใจหลายส่วน เช่น ประตูซานม่อน ความสูง 22 เมตร ที่สร้างเป็นแบบเซ็นโบราณ ด้านหลังประตู คือ ห้องโถงหลักฮอนโด (Hondo) ที่ได้มีการบูรณะเมื่อปี ค.ศ. 1934 รอบๆบริเวณนั้น มีอาคารต่างๆของวัดในช่วงต้นสมัยมูโรมาชิ (ค.ศ. 1333-1573) และสถาปัตยกรรมแบบเซ็นไม่ว่าจะเป็น ห้องสวดมนต์ (Zendo) หอระฆั ง(Shoro) ห้องอาบน้ำ (Yokushitsu) และห้องน้ำ (Tosu)

จากนั้น เราก็นั่ง Taxi ไปยัง ถนนสายนักปราชญ์ (Philosopher’s Path, 哲学の道 Tetsugaku-no-michi) กันต่อ ซึ่งได้ข้อมูลว่าเหมาะสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงนี้พอดี ได้ชื่อว่าเป็น "จุดชมซากุระสุดสวยในเมืองเกียวโต ภูมิภาคคันไซ" แต่ทว่าช่วงนี้คงไม่มีดอกซากุระ

ทางเดินเท้าเล็กๆ ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เลียบคลองบิวาโกะใสสะอาดที่มีจุดเริ่มต้นจากบริเวณหน้า วัดกินคะคุจิ ไปจนสุดทางที่ วัดนันเซ็นจิ ที่มาของชื่อ “ถนนสายนักปราชญ์” นี้ได้มาจาก ในอดีตนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในช่วงศตวรรษที่ 20 ชื่อ นิชิดะ คิทาโร่ (Nishida Kitaro) ที่เป็นนักปราชญ์แห่งยุคที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของญี่ปุ่น ซึ่งท่านได้ใช้เส้นทางนี้เดินทางไปกลับอยู่เป็นประจำ ในการไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกียวโต และมักจะมาเดินสงบจิตใจที่นี่เพื่อให้เกิดสมาธิ

รีบเดินกันต่อ เพื่อตรงไปยัง วัดกินคะคุจิ (วัดเงิน) – Ginkakuji Temple หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "วัดเงินแห่งเกียวโต" โดยเป็นวัดวัดในนิกายเซนถูกสร้างขึ้นโดย โชกุนอาชิคากะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ที่ถูกยกให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งเมืองเกียวโต และที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1994 จากองค์การยูเนสโก (UNESCO)

ที่มาของชื่อก็น่าจะมาจากการที่มีวัดทองเป็นต้นแบบการสร้างวัดแห่งนี้ด้วย แรกเริ่มเดิมทีนั้นที่วัดแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อต้องการให้เป็นยามที่พำนักในบั้นปลายชีวิตหลังเกษียณอายุของ ท่านโชกุนอาชิคากะ โยชิมา ต่อมาภายหลังจากการที่ ท่านโชกุนอาชิคากะ เสียชีวิต บ้านของท่านก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินในปัจจุบัน

ซึ่งต้นแบบอย่างวัดทองนั้น จริงๆก็ถูกสร้างมาเพื่อเป็นที่พักของปู่ของเขาในช่วงเกษียณอายุเช่นเดียวกัน นอกจากวัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่แสดงออกถึงความเชื่อและศรัทธาของคนรุ่นก่อนๆ ที่สร้างไว้ให้เราได้เห็นสถาปัตยกรรมที่งดงามต่างๆ แล้วนั้น ที่นี่ยังนับว่าดังเรื่องเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าดูน่าชมและสวยไม่แพ้ที่ไหนๆ ในเมืองเกียวโตเลยก็ว่าได้

เดินเที่ยวท่ามกลางฝนปรอยๆ จนกระทั่งวัดปิดในเวลา 17:00 น. และเริ่มมืดอย่างรวดเร็วในปลายเดือนพฤศจิกายน เราก็เริ่มหิว ร่างกายต้องการ ข้าวหมูทอดทงคัดสึ (Ton Katsu) จึงเรียกรถ Taxi มาลงที่ศาลเจ้ายาซากะ (八坂神社) เข้าไปเดินถ่ายภาพ และเดินกันต่อเพื่อมาขึ้นรถไฟที่สถานี Gion-Shijo Station ไปโผล่ที่สถานีรถไฟเกียวโต Kyoto Station

อิ่มหนำสำราญกันในบริเวณภายในสถานีเกียวโต ถือว่ามาเดินย่อยหมูทอดท่ามกลางอากาศหนาว และบรรยากาศเตรียมฉลองคริสต์มาสและต้อนรับปีใหม่ ก่อนนั่งรถไฟกลับไปยังสถานี Shin-Osaka และกลับเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนก่อนเดินทางต่อในพรุ่งนี้เช้า ไว้มาติดตามบันทึกการเดินทางกันต่อนะ

Camera : Samsung Galaxy S7/S6, Lumix TZ90, GoPro Hero7 Black

www.taweesak.in.th