Disable Preloader




ทริป 10 วัน คันไซ ใบไม้แดง : เที่ยวหนึ่งวันจากเขา Mt.Rokko ไปเมือง Kobe

ตื่นนอนเช้านี้ ก็เดินไปแช่ออนเซ็นน้ำแร่สีทองภายในโรงแรม ก่อนแต่งตัวลงมารับประทานอาหารเช้ากัน ซึ่งอาหารเช้าวันนี้มีความหลากหลายแบบบุฟเฟ่ต์ หม่ำกันเต็มที่ด้วยความอร่อยและตุนไว้ในพุง เพราะวันนี้เราต้องเดินทางกันด้วยยานพาหนะทั้งรถกระเช้า รถเมล์ และรถราง ตามเส้นทางข้ามภูเขาร๊อคโค Mount Rokko (六甲山, Rokkōsan) ไปถึงเมืองโกเบ (Kobe) ในช่วงเย็น ซึ่งเราจะแวะเที่ยวตลอดเส้นทาง เพราะมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

หลังจากเช็คเอ๊าท์จากโรงแรม Kanpo no Yado Arima แล้ว ก็ถือโอกาสบันทึกภาพหน้าโรงแรมท่ามกลางแดดยามเช้าที่สดใส ก่อนเดินเท้าไปประมาณ 300 เมตร เพื่อไปยังสถานีรถกระเช้า (Rokko Arima Ropeway Station)

ไม่นานนัก เราก็เดินมาถึงสถานีรถกระเช้าที่เชื่อมระหว่างเมืองน้ำแร่ Arima Onsen กับเขาร๊อคโค (Mt.Rokko) ซึ่งมีความสูงสุดที่ 931 เมตร ซึ่งเราก็ซื้อ Rokkosan Tourist Pass ตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึงสถานบิน แต่ทว่าพาสนั้น ไม่ได้รวมค่ากระเช้าแห่งนี้

เราจึงต้องซื้อตั๋วเพิ่มใบละ 1,010 เยน ซึ่ง Rokkosan Tourist Pass นั้นจะครอบคลุมการเดินทางรถเมล์ Rokko Sanjo Bus ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บนเขา และเดินทางจาก สถานีรถกระเช้า Rokko Cable มาถึงสถานี Rokko Sanjo เพื่อนั่งรถ Rokko Cable Car มายังสถานี Shita เรียกได้ว่าคุ้มค่า 1,000 เยน แน่นอนสำหรับพาสนี้ และพาสนี้ยังใช้เป็นส่วนลดในการเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้อีกด้วย อย่าลืมแสดงพาสเวลาซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ

มาชมบันทึกการเดินทางตลอดทั้งวันแบบ VLOG ดูบ้างนะ

กระเช้าเคลื่อนตัวผ่านผืนป่าที่อยู๋ด้านล่าง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ก็แอบคาดหวังจะได้เห็นต้นไม้ในป่า เปลี่ยนสีสันสวยงาม แต่ทว่ายังเปลี่ยนสีไม่มากนักอย่างน่าเสียดาย ซึ่งการเดินทางด้วยกระเช้านี้ถือเป็นการเดินทางรวดเร็วที่สุดหากจะไปยังเมืองน้ำแร่ Arima Onsen

แต่ถ้าใครวางแผนเที่ยวด้วยวิธีนี้ ก็เผื่อเวลาอย่างน้อยครึ่งวันเลย เที่ยวตามเส้นทางบนเขาร๊อคโคแห่งนี้ ซึ่งอาจเดินทางเช้าจากเมืองอะริมะ (Arima) ไปยังเมืองโกเบ (Kobe) ในช่วงบ่ายๆ หรือสลับเดินทางจากอีกฝั่งก็ได้จาก Kobe มายัง Arima เช่นกัน

หลังจากลงจากรถกระเช้า เราก็เดินเท้ามาเที่ยวในจุดแรก คือ Rokko Shidare Observation Deck ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างแบบโครงเหล็ก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Hiroshi Sambuichi ซึ่งโดดเด่นเรื่องการใช้วัสดุที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

ตัวโครงมีลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยมซ้อนกันเป็นตาข่าย ในยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟส่องสว่าง ซึ่งแสงไฟที่ได้จะมาจากกังหันลมและแผงโซลาร์เซลที่ติดตั้งอยู่ใกล้ๆ อย่างนี้นี่เอง

นางแบบ นายแบบ ก็ถ่ายแบบกันไม่เกรงใจแสงแดด เย้ยฟ้า ท้าลมกันไป

ก่อนเดินเข้าไปภายใน Rokko Shidare นั้นสร้างด้วยไม้ฮิโนกิ (Hinoki) ซึ่งเป็นไม้จากสนประเภทหนึ่ง ซึ่งเจริญอยู่ในภูเขาสูงเขตอบอุ่นทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น

แทนที่เราจะใช้บริการรถเมล์ Rokko Sanjo Bus แต่ก็ต้องรอเวลาที่ป้ายรถเมล์ แต่เราก็ใช้การเดินเท้าไปเรื่อยๆ ในช่วงแรก เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะกันไม่ไกลนัก ก็เดินมาถึงจุดชมวิว Rokko Garden Terrace ถือเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของเขาร๊อคโค

ภายในบริเวณมีทั้งร้านอาหาร กาแฟ ร้านขายของที่ระลึก สวนดอกไม้ ซึ่งจุดนี้เองเมืองมองลงไปจะเห็นวิวของเมืองโกเบ (Kobe) ได้กว้างไกลสุดสายตา จึงถือโอกาสนั่งชมวิวจิบกาแฟ แกล้มขนมหวาน ซึ่งจุดนี้ยังเป็นจุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดหนึ่งในสามของญี่ปุ่นอีกด้วย (อีกสองแห่ง คือ ฮาโกดาเตะ (Hokodate) จังหวัดฮอกไกโด และ ภูเขา Inasa จังหวัดนางาซากิ ซึ่งบล๊อกเกอร์ได้เคยไปทั้งสองแห่งดังกล่าวแล้วอีกด้วย เรียกได้ว่าวันนี้เช็คอินได้ครบทั้ง 3 แห่งแล้ว เย้!)

จากนั้น เราก็รอรถบัสจากป้ายรถเมล์ R07 Rokko Garden Terrace เพื่อเดินทางต่อไปยัง R04 Rokko International Musical Box Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีที่สุดยิ่งใหญ่ ทึ่งที่สามารถรวบรวมมาไว้ที่แห่งนี้ และเสียดายที่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพภายในห้องแสดงกล่องดนตรี

ลองนึกภาพตามว่ากล่องดนตรีที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับโรงละครขนาดกลาง ที่ใช้ลมในการขับเคลื่อนกลไกเพื่อเล่นเครื่องดนตรีและมีหุ่นที่ร่ายรำประกอบเพลงได้อย่างตื่นตาตื่นใจมาก ซึ่งสร้างในอเมริกาและยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ซึ่งเป็นของเก่าแก่และหายากมาก และที่น่าทึ่งคือกลไลชองกล่องดนตรีนั้น มีความซับซ้อนจนทำให้กล่องดนตรีสามารถเล่นเสียงเลียนแบบเครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้นพร้อมกัน ราวกับการฟังวงออเครสตร้าเล่นอยู่ตรงหน้าแบบมีคนเล่นอยู่จริง

มีกล่องดนตรีทรงเปียโน ที่เพียงไขลานนิดหน่อยก็บรรเลงเพลงของโมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) ได้อย่างอัศจรรย์ หรือกล่องตนตรีที่คล้ายเครื่องเล่นแผ่นเสียง โดยใช้แผ่นโลหะเจาะรูใส่ลงไป ก็สามารถเล่นออกมาเป็นเพลงได้ ซึ่งที่นี่จะจัดรอบแสดงคอนเสิร์ทกล่องดนตรีแต่ละชิ้นเป็นรอบๆ หากใครอยากฟังให้ครบ คงต้องอยู่หลายชั่วโมงเพื่อรอชมแต่ละรอบ

เที่ยวกันเพลินก็เริ่มช่วงบ่ายแก่ๆ แล้วเราก็ต้องขึ้นรถเมล์จาก R04 มายังสถานีรถรางเคเบิ้ล R01 Rokko Cable Sanjo ซึ่งเดินทางด้วยระยะทาง 1.7 กิโลเมตร ด้วยรถราง Rokko Cable Car (六甲ケーブル) ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932

นั่งเพลินชมวิวป่าเปลี่ยนสีตลอดสองข้างทางไม่นานนัก ก็ลงมาถึงสถานี Rokko Cable Shita

มาสนุกสนานกับการใส่หมวก และถ่ายภาพกันไป เป็นความสนุกประทับใจเวลาไปเจอสถานที่ที่ยังคงเก็บรักษาความเก่าแก่ อนุรักษ์ของเก่าแก่ โดยบำรุงรักษาไว้ดังเดิมให้นานแสนนาน ก็ต้องชื่นชมอย่างมาก

อยู่ในช่วงปลายปีย่างเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส ก็ยังตกแต่งเพิ่มสีสันบรรยากาศสนุกสนานในการเก็บภาพความสุขไว้

จากนั้นเราก็เดินทางกันด้วย Taxi เพื่อตรงมายัง Kobe Harborland ซึ่งเป็นศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจรที่ตั้งติดกับอ่าวโกเบ (Kobe)神戸 ซึ่งมีทั้ง ห้างสรรพสินค้า ชิงช้าสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ รวมถึงร้านอาหารต่างๆ

แต่เราก็ขอมาถ่ายภาพคู่กับหอคอย Kobe Port Tower ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโกเบ ซึ่งหอคอยรูปทรงกล่องสีแดงสดแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1963 มีความสูง 108 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ริมอ่าว

ก่อนแสงจะมืด เราก็รีบบันทึกภาพสวยๆ กันเต็มที่ มองเห็นอาคารเหล็กสีขาวด้านหลังนั้น คือ Kobe Maritime Museum ซึ่งจัดแสดงประวัติของท่าเรือโกเบ นับตั้งแต่เริ่มสร้างในยุคที่ญี่ปุ่นยังไม่เปิดประเทศจนถึงปัจจุบัน รวมถึงโมเดลจำลองของเรือพาณิชย์ประเภทต่างๆ

มองไปอีกฝั่งจะเห็นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Mosaic ซึ่งเราจะเดินข้ามไปฝั่งนั้น เพื่อไปหาร้านอาหารอร่อยๆ เสริฟร้อนๆ แก้หนาวกัน

มาลงตัวกันที่ บุฟเฟต์ชาบู กัน เพิ่มพลังกันอย่างเต็มที่หลังจากเที่ยวเหนื่อยมาทั้งวัน จากนั้นก็เดินเล่นในห้างต่างๆ แถวนั้น จนกระทั้งห้ามปิดในราว 3 ทุ่ม

ก่อนเดินเท้าไปยังสถานีรถไฟ Shin-Kobe เพื่อเดินทางกลับไปสถานี Shin-Osaka ด้วยรถไฟชินคันเซ็น Shinkansen กันด้วยขบวนโนโซมิ (Nozomi) โดยใช้รถไฟชินคันเซ็น N700A Series ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 300 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เราเดินทางเพียง 12 นาที ก็เดินทางมาถึงสถานี Shin-Osaka กับระยะทาง 34.7 กิโลเมตร กับราคาตั๋ว 1,500 เยน

เรียกได้ว่า ทริปนี้เราเดินทางด้วยยานพาหนะหลากหลาย สนุกสนานกันแต่ละวันล่วงเลยมาถึงวันที่ 9 ของทริปกันแล้ว ไว้มาติดตามในตอนต่อไปซึ่งจะปิดทริป คันไซ ใบไม้แดง 2018 กันแล้วนะ

Camera : Samsung Galaxy S7/S6, Lumix TZ90, GoPro Hero7 Black

www.taweesak.in.th