หลังจากจบทริปต้นเดือนธันวาคมปี 2561 ที่ได้ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น จึงคุยกันว่า "เราควรมองหาทริปตลุยหิมะท้าทายความหนาวต้นปี 2562 กันต่อเลย" ในเมื่อมีโปรตั๋วการบินไทย (TG) มาพอดีและความตั้งใจอยากไปเที่ยวหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) แบบมีหิมะขาวฟู จึงเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้และจัดแจงช่วยกันจองตั๋ว ถือโอกาสบันทึกรายละเอียดการจอง พร้อมบันทึกการเดินทางไว้ เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับใครๆ ที่อยากไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตนเอง ดังนั้น การวางแผนการเดินทางนั้นมีความสำคัญมาก ช่วยให้เราไม่พลาดสิ่งทีตั้งใจ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากอีกด้วย
ภูมิภาคและช่วงเวลาในการลุยหิมะ
ภูมิภาคโฮคุริคุ - เหตุผลที่เลือกไปเที่ยวชมยังภูมิภาคนี้ ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของเกาะฮอนชู (Honshu) เป็นที่ตั้งของจังหวัดโทยามะ (Toyama) ใกล้กับหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) และเมื่อ 5 ปีที่แล้วมีโอกาสมาเที่ยวหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งหิมะละลายหายหมด ทำให้ไม่ฟินอย่างที่หวัง ครั้งนี้เลยตั้งใจไปในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คิดว่ายังไงต้องได้เจอหิมะฟูอย่างแน่นอน แต่เรียกได้ว่าสภาวะโลกร้อน ทำให้ลุ้นเหงื่อตกไปเหมือนกันว่าอาจไม่ได้เจอหิมะก็ได้ เพราะดูจาก กดที่นี่เพื่อดู [Live Web Cam] ของหมู่บ้านแล้ว หิมะตกวันนี้ ไม่กี่วันหิมะละลายหายหมดทั้งที่เป็นช่วงฤดูหนาว ทำเอาถอดใจในตอนแรก
ระยะเวลา 8 วัน สำหรับทริปนี้ ดังนั้นหากเราใช้ Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass (ซึ่งใช้เดินทางแบบ 5 วัน ต่อเนื่องกัน) ซึ่งหมายถึง ทริปเราต้องวางแผนการเดินทางให้ดี เพื่อใช้ตั๋วรถไฟ JR ได้อย่างคุ้มค่า จึงตัดสินใจเลือกเดินทางเที่ยวไปตามเส้นทางของพาสนี้ ซึ่งต้องซื้อล่วงหน้าจากเมืองไทยในราคาใบละ 14,000 เยน หรือ 4,100 บาท (จาก HIS) โดยซื้อล่วงหน้า 1 เดือน เต็ม เนื่องจากเราต้องใช้พาสนี้ในการจองรถบัสของ Nohi Bus เพื่อนั่งไป-กลับ จากเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ไปยัง หมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ได้ฟรี! (ประหยัดค่ารถบัสไป-กลับ ได้ 3,700 เยน ต่อคน) ซึ่งต้องจองล่วงหน้าได้ 30 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าได้ที่นั่งแน่นอน โดยให้ทาง HIS จองออนไลน์โดยใช้พาสที่ซื้อด้วยเลย เสียค่าบริการ 300 บาท แทนการใช้โทรศัพท์ทางไกลไปจองกับเจ้าหน้าที่ Nohi Bus เองโดยตรง ซึ่งอยากแนะนำว่าใช้บริการจองออนไลน์แบบนี้มั่นใจกว่า และได้เลขอ้างอิง Booking Number ชัดเจนพร้อมเอกสาร
ที่สำคัญคือ รถบัสเต็มเร็วมาก แม้ว่าจะมีหลายเที่ยวแต่ละวัน แต่เราก็อยากเดินทางไปเที่ยวเช้า 08:40 น. และกลับในเที่ยวเย็น 17:50 น. จะได้มีเวลาเที่ยวเต็มวันในหมู่บ้าน ซึ่งมีจุดถ่ายภาพและเดินเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน ดูตารางเวลาได้จาก กดที่นี่ [Japan Bus Online]
บินด้วยสายการบินอะไรดี?
สายการบินไทย TG ออกโปรมาเอาใจหากบิน 4 คน พอดี ซึ่งถือเป็นสายการบินแบบ Full Service และบินตรงในราคา 16,995 บาท ต่อคน ซึ่งถือว่าไม่ถูกไม่แพง แต่บินลง Osaka และบินกลับจาก Nagoya แทนก็ถือว่า โอเค!
เมืองที่จะเดินทางไป และโรงแรมที่พัก
หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็ได้เวลาวางแผนหลักๆ เมืองที่ควรแวะเที่ยวตลอดเส้นทางรถไฟ ซึ่งก็วางแผนเริ่มตั้งแต่บินลงสนามบินคันไซ (KIX) และนั่งรถด่วน HARUKA ตรงไปที่เมืองเกียวโต (Kyoto) และนอนใกล้สถานีรถไฟ เพราะเราจะเริ่มต้นเดินทางด้วยพาสตั้งแต่เช้าไปตามเมืองต่างๆ ที่เห็นในแผนการเดินทางข้างบน แนวทางที่เลือกพัก คือ โรงแรมที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ราคาดี มีออนเซ็นในโรงแรม
มาเริ่มเที่ยวกันได้เลย โดยขอแนะนำจุดหมายเด่นๆ กันก่อน ไว้ค่อยมาติดตามบันทึกการเดินทางในแค่ละวัน และท่องเที่ยวไปด้วยกันนะ
เมืองคานาซาวะ (Kanazawa) 金沢市
จุดหมายแรกของทริปนี้ ด้วยความตั้งใจที่จะมาเที่ยว สวนเค็นโระคุเอ็น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาชมในช่วงที่มีหิมะขาวโพลน ซึ่งก็ลุ้นอย่างมากว่าจะได้เจอหิมะหรือไม่ ซึ่งได้ดูกล้อง กดที่นี่ Live Web Cam ของสวนแห่งนี้ตลอด 2 สัปดาห์ก่อนเดินทางมา ก็ไม่มีทีท่าของหิมะตกเลยแต่โชคดีที่คืนก่อนเดินทางมาถึง ได้ข่าวจากทีวีว่า มีหิมะตกหนักในแถบนี้ ซึ่งนั่งรถไฟจากเมืองเกียวโต (Kyoto) ผ่านจังหวัดฟูคุอิ (FuKui) ก็ได้เจอหิมะขาวโพลนตลอดทาง ก็ทำให้มั่นใจว่าจะได้เจอหิมะที่เมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ซึ่งเจอหิมะใหม่ๆ ที่เพิ่งตกคลุมพุ่มไม้ข้างสถานีรถไฟขาวไปหมด หลังจากนำกระเป๋าไปฝากที่โรงแรม APA Hotel Kanazawa-Ekimae ซึ่งเราพักที่นี่ 2 คืน จะได้เที่ยวเมืองคานาซาวะอย่างเต็มที่ รวมทั้งเดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ จะได้ไม่ต้องลากกระเป๋าให้ยุ่งยาก และนั่งรถแท๊กซี่ตรงมาที่สวน พอลงจากรถก็เจอหิมะที่กำลังตกโปรยปราย ทำเอาดีใจหลังจากแอบอธิษฐานพระที่บ้านก่อนเดินทางว่า ขอให้เจอหิมะฟูที่สวนแห่งนี้ รู้สึกดีใจที่หิมะตกสวยงามจริงๆ ตามคำอธิษฐาน
ไม่เพียงแต่สวยสวยๆ แห่งนี้ เรายังไปเที่ยวสวนในปราสาทคานาซาวะ (Kanazawa-jō, 金沢城) ที่อยู่ใกล้ๆ กัน, ไปอิ่มอร่อยกันที่ ตลาดปลาโอมิโจ (Omicho Market, 近江町市場) ก่อนไปเที่ยวต่อที่ย่านโรงน้ำชา (Higashi Chaya, ひがし茶屋街)
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) 白川郷
จุดหมายที่ 2 ของทริป ก็คือ หมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ ท่ามกลางหิมะขาวโพลน เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังจริงๆ กับภาพความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า หิมะฟูหนานุ่ม บรรยากาศที่สวยที่สุดหากมาท่องเที่ยวในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเรามีเวลาถึง 6 ชั่วโมง ในการท่องเที่ยวในหมู่บ้านนี้ ไว้มาติดตามภาพถ่ายจุใจในมุมต่างๆ ของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ กับบ้านที่มีหลังคาทรงสูงแบบการพนมมือที่เรียกว่า “Gassho-Zukuri (合掌造り)” ซึ่งมีอายุเก่าแก่นับร้อยปี
เมืองเก่าฮิดะทาคายามะ (Hida Takayama) 高山市 飛騨
จุดหมายที่ 3 ของทริปนี้ ซึ่งเคยเดินทางมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ไม่มีหิมะขาวโพลน มาครั้งที่ได้รับการต้อนรับด้วยหิมะที่ตกตั้งแต่ช่วงเย็นตลอดทั้งคืนถึงเช้า และถือโอกาสไปเที่ยวหมู่บ้านสไตล์กัสโช่อีกแห่ง คือ หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ Hida no Sato (Hida Folk Village, 飛騨の里) ถือโอกาสไปแปลงกายเป็นชาวนาหมู่บ้านแห่งนี้ได้ถ่ายรูปกัน และที่พลาดไม่ได้ก็คือ "เนื้อฮิดะ" จากวัวขนดำที่เลี้ยงเป็นอย่างดีในทุ่งหญ้าใกล้กับเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่นเลยทำให้วัวได้เนื้อที่ดีออกมาให้เรารับประทานกัน ได้รสสัมผัสความนุ่มชุ่มฉ่ำให้จดจำไปนาน
กระเช้าชินโฮตากะ (Shinhotaka Ropeway) クロスランゲージ
จุดหมายที่ 4 ของทริปนี้ ถือเป็นจุดหมายสำคัญและห้ามพลาดอีกด้วย ซึ่งเป็นกระเช้าแบบ 2 ชั้น ซึ่งเปิดบริการเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่น สามารถขึ้นไปชมวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือได้อย่าง 360 องศา และยังได้สัมผัสความหนาวอุณหภูมิ -15 องศาเซลเซียส และเดินเล่นในป่าสนท่ามกลางหิมะขาวโพลนและโปรยปรายได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย
และยังได้แช่ออนเซ็นกลางแจ้งที่ Hiruyu Onsen ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1560 และยังมองวิวภูเขาหิมะของ Norikuradake ที่สวยงาม และขอยกให้เป็นออนเซ็นที่ประทับใจที่สุด 1 ใน 3 แห่งที่ชอบมากที่สุด
เมืองเกโระ Gero Onsen (下呂温泉)
จุดหมายที่ 5 ของทริปนี้ คือ Gero Onsen ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็นหนึ่งในสามของญี่ปุ่น แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ หรือเรียกได้ว่าเป็นเมืองรองที่เป็นทางผ่านหากเดินทางระหว่างเมืองเก่าฮิดะทาคายามา (Hida Takayama) และเมืองนาโกยา (Nogoya) แต่ก็น่าท่องเที่ยวที่ไม่ควรมองข้าม และถือโอกาสไปเที่ยวหมู่บ้านสไตล์กัสโช่อีกแห่ง ให้ครบทั้ง 3 แห่งในทริปนี้ที่ Gero Onsen Gassho Village (Gassho Mura) อีกด้วย และก็ห้ามพลาดไปแช่ออนเซ็นกลางแจ้งริมแม่น้ำกันด้วย ที่คนในเมืองนี้เดินมา ก็ถอดเสื้อผ้าหย่อนกายลงน้ำโดยไม่แคร์สายตาใครๆ อีกด้วย ถือเป็นเรื่องปกติและเป็นวิถีชีวิตประจำวัน
เมืองนาโกย่า (Nagoya) 名古屋市
แม้ว่าจะมีเวลาอยู่ที่เมืองนาโกย่า แค่ประมาณวันครึ่ง แต่ทว่าได้แวะไปสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ช๊อปปิ้งจุใจที่ Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima ถือเป็น Outlet ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและช๊อปเพลินสุดๆ , พิพิธภัณฑ์เมจิมูระ (The Museum Meiji-mura) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่จัดแสดงอาคารโบราณในช่วงยุคเมจิกว่า 60 แห่งเอาไว้ด้วยกันในพื้นที่กว้างใหญ่ราวกับเป็นหมู่บ้านในอดีต และ ปราสาทอินุยามะ Inuyama Castle ซึ่งตัวปราสาทอินุยามะนั้นได้รักษาความดั้งเดิมจากในอดีตตั้งแต่ 500 ปีก่อนเอาไว้มาจนถึงปัจจุบัน จนถือเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่นและเป็นปราสาทจำนวนไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดและคงสภาพจากในอดีตได้ไว้มากที่สุด
ฝากไว้เป็นตัวอย่างแนวคิดในการจอง การวางแผนแส้นทาง และเสริฟออเดิฟกันก่อน ไว้มาติดตามชิมอาหารจานหลักในบันทึกการเดินทางในแต่ละวันต่อไป และขอให้สนุกกับการวางแผนการท่องเที่ยวกันนะ
Camera : Samsung Galaxy S7/S6, Lumix TZ90, GoPro Hero7 Black