Disable Preloader




ทริป 8 วัน ตะลุยหิมะ สะใจในญี่ปุ่น : ตอนที่ 3 - ก็แค่หมู่บ้านชาวนา แต่ใครๆ ก็ยังอยากมาที่ Shirakawa-go

เช้านี้เราต้องตื่นเช้ากันสักหน่อย เพราะต้องเตรียมไปขึ้นรถ Nohi Bus ในบริเวณ Kanazawa Station โดยรถจะออกในเวลา 08:40 น . และถึงชิราคาวาโกะ 白川郷 (Shirakawa-go) ในเวลา 10:05 น. หรือจะเรียกอีกอย่างว่า หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi Village) มีอายุกว่า 250 ปี ซึ่งยูเนสโก้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1995 ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) พอถึงเวลารถบัสก็เข้าเทียบชานชาลา ซึ่งเรายืนเข้าแถวรออยู่ก่อนแล้ว ก็ยื่นตั๋วให้คนขับรถดูก่อนขึ้นรถและนั่งตามที่นั่งที่ระบุไว้ ไม่นานนักรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกเดินทาง ซึ่งจะแล่นออกนอกเมือง สังเกตจากข้างทางจะเริ่มเห็นทิวเขา และพื้นที่ข้างทางเริ่มขาวโพลนไปด้วยหิมะ ทำให้ตื่นเต้นว่า เราน่าจะได้สัมผัสกับหิมะขาวโพลนที่หมู่บ้านอย่างแน่นอน

เมื่อเดินทางมาถึง เราก็รีบไปเข้าคิวรอรถบัสขนาดเล็กที่คอยให้บริการนำขึ้นไปยังจุดชมวิว ขอแนะนำให้ขึ้นไปจุดชมวิวด้านบนก่อน เพราะเรามากันแต่เช้า ซึ่งนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก เราก็สามารถใช้เวลาหามุมในการถ่ายภาพไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น ไม่จำเป็นต้องนั่งรถกลับลงมา แต่แนะนำให้เดินลงมาเรื่อยๆ ก็จะได้ซึมซับบรรยากาศหิมะหนานุ่มฟูตลอดทางเดิน ซึ่งเราอาจเดินออกไปเล่นหิมะได้

มาทำความรู้จักกับหมู่บ้านแห่งนี้กันก่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศมุ่งมั่นตั้งใจจะมาเยือน บรรยากาศของที่นี่มีความเป็นหมู่บ้านชาวนาเก่าแก่ที่อนุรักษ์สิ่งก่อสร้างแบบดั้งเดิม อันเป็นมรดกของโลกเอาไว้ตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบัน

ชื่อเรียกเต็มๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า กัสโชซึคุริโอกิมาฉิ ชิราคาวาโกะ (Gasshō-zukuri 合掌造り Shirakawa-go) ภายในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปเสน่ห์และกลิ่นอายความดั้งเดิมอยู่ โดยจุดเด่นของที่นี่ก็คือบ้านทรงกัสโซ (Gassho) ที่มีความชันถึง 60 องศา คล้ายกับการพนมมือเข้าหากัน ซึ่งวัสดุในการสร้างบ้านนั้นล้วนนำมาจากธรรมชาติ ใช้ต้นหญ้าที่ปลูกในหมู่บ้านมามุมหลังคา ตัวบ้านจะไม่มีการตอกตะปูแต่อย่างใด และบางหลังก็มีอายุยาวนานกว่า 250 ปี และปัจจุบันนี้ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่ในหมู่บ้านด้วย

นอกจากการเที่ยวชมช่วงกลางวัน ยังมีเทศกาลงานไฟฤดูหนาวของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Winter Light-up) ที่ปีหนึ่งจะมีเปิดไฟอยู่ 6 วัน ซึ่งต้องจองล่วงหน้าข้ามปี แต่พวกเราไม่ได้วางแผนทริปนี้นาน จึงไม่ได้กะมาชมไฟดังกล่าว ซึ่งจะจัดขึ้นในวันมะรืน (วันอาทิตย์) และจะปิดพื้นที่ตั้งแต่ 4 โมงเย็น ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีบัตรเข้ามา เราจึงวางแผนมาที่หมู่บ้านนี้ในวันศุกร์ เพื่อไม่ให้ตรงกับวันที่งานไฟฤดูหนาวดังกล่าว โดยเดินทางทางหมู่บ้านนี้จาก เมืองคานาซาวะ (Kanazawa) แทนที่จะเดินทางจากเมือง ฮิดะ-ทาคายามา (Hida-Takayama)

ถือว่าได้มาเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้ในช่วงที่หิมะฟูก็ฟินเต็มที่แล้ว ซึ่งเมืองหลายปีก่อนเคยเดินทางมาหมู่บ้านแห่งนี้ช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งไม่มีหิมะ กดที่นี่เพื่อดู (+) ชิราคาวาโกะ ก็แค่หมู่บ้านชาวนา แต่ใครๆ ก็อยากมาเยือน จึงตั้งใจว่ายังไงก็ต้องกลับมาช่วงหิมะฟูๆ ให้ได้

ฟินกับหิมะแค่ไหน ถามเธอดู ถามเขาดู สนุกสนานลืมวัยกันเลย

แนะนำให้เลือกความละเอียด 1080p60HD บน YouTube เพื่อภาพที่คมชัดที่สุด

แต่ทว่าปัจจุบันกับภาวะโลกร้อน ทำให้หิมะตกน้อยลง หิมะตกแล้วเว้นช่วง ทำให้หิมะละลายอย่างรวดเร็วทั้งที่อยู่ในฤดูหนาวก็ตาม และที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังมีกล้องเว็บแคม (Web Cam) เพื่อให้ดูภาพสดได้ง่ายๆ ทำให้ทราบถึงสภาพของอากาศ หิมะกำลังตก และดูปริมาณหิมะรอบหมู่บ้านได้ โดยดูจากที่นี่ Shirakawago Live Camera

ความจริงแล้วยังมีอีกหมู่บ้านหนึ่งชื่อ โกคายาม่า (Gokayama) ซึ่งจะเป็นบ้านสไตล์กัสโซ (Gassho) เช่นเดียวกัน แต่ทว่าช่วงฤดูหนาวแบบนี้ รถบัสนี้จะไม่จอดและการเดินทางในหมู่บ้านดังกล่าวจะยากกว่าเนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขาและอาจเป็นอันตรายได้ แต่ถ้าใครมาเที่ยวในช่วงฤดูอื่นๆ อาจแวะไปท่องเที่ยวกันได้อีกแห่งหนึ่ง

เวลาผ่านไปเร็วมากๆ ทั้งที่เรามีเวลาเที่ยวถึง 7 ชั่วโมงในหมูบ้านแห่งนี้ ไม่ทันไรก็บ่ายกว่าๆ แล้ว หลังจากจิบกาแฟ ชาเชียวและขนมสำหรับอาหารกลางวันแบบง่าย ไม่เสียเวลา เราก็ยังมีจุดหมายสำคัญ นั่นคือ จุดถ่ายภาพ "บ้านสามหลัง" ซึ่งต้องเดินเท้าต่อไปอีกโซนของหมู่บ้าน ซึ่งมีเพื่อนที่เดินทางมาก่อนหน้า ส่งพิกัด GPS จึงบันทึกเก็บไว้เพื่อไม่ให้หลงทิศทาง

ซึ่งเดินมาโซนนี้มีคนน้อยมาก เพราะนักท่องเที่ยวที่มากับทัวร์คงไม่มีเวลาเพียงพอในการเดินเที่ยวให้ครบคลุม ขนาดเรามีเวลาถึง 7 ชั่วโมง ยังเดินได้ไม่ทั่วเลย

หากใครอยากมาถ่ายแบบ ขอแนะนำจุดนี้เลยกับบรรยากาศขาวโพลน มีบัานสไตล์กัสโช่อยู่ไกลๆ เป็นฉากหลัง แนะนำร่มสีแสดและพร๊อบอื่นๆ สีสดๆ โดดเด่นเป็นสง่าเช่นนี้ สำหรับการเดินถ่ายภาพในบริเวณนี้ ต้องระมัดระวังเนื่องจากเป็นบริเวณท้องนา ซึ่งเดินไม่ดีอาจล้มทรุดลงในพื้นหิมะนุ่มได้ แนะนำให้เดินตามคันนาจะปลอดภัยกว่า

จากนั้นก็เดินย้อนกลับมา และต้องไม่พลาดมาเดินสะพานข้ามแม่น้ำโชงาวะ (Shogawa River) ซึ่งในขณะนี้กลายเห็นหิมะไปหมด ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางเข้าออกเส้นทางนี้กัน

จุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่ชิราคาวาโกะ ก็คือ บ้านเก่าแก่ประจำหมู่บ้านอย่าง Wada House หรือ Kanda House ที่ถือว่าเป็นบ้านทรงกัสโซ่แบบโบราณที่อนุรักษ์เอาไว้จวบจนปัจจุบันอันเป็นสมบัติของชาติ พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวิถีชีวิตการเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้าน ศาลเจ้า ร้านอาหารอร่อยๆ รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึก และถ้าใครวางแผนจะมานอนค้างในหมู่บ้านแห่งนี้ มีเกสต์เฮ้าส์เปิดให้เช่าด้วยเช่นกัน

เมื่อดูเวลาจากนาฬิกาซึ่งเราต้องไปรอขึ้นรถบัสขากลับจากหมู่บ้านนี้ เพื่อกลับไปยังเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ในเวลา 16:25 น. และถึง Kanazawa Station ในเวลา 17:50 น. ถือว่าใช้เวลาเที่ยววันนี้อย่างเต็มที่กันแล้ว

สำหรับใครที่ตั้งใจมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว แนะนำให้จอง Nohi Bus ล่วงหน้า 1 เดือน และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหากใช้พาส Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ในราคา 14,000 เยน (ใช้ได้ 5 วันติดต่อกัน) ซึ่งคุ้มค่ามากๆ เพื่อประกันความแน่ใจว่ามีที่นั่งรถบัส ไป-กลับ อย่างแน่นอน หากมาลุ้นจองที่ญี่ปุ่น จะมีความเสี่ยงที่รถเต็ม โดยเฉพาะเดินทางรอบเช้า และกลับรอบเย็น เพราะควรมีเวลาอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง ในหมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ 白川郷 (Shirakawa-go) เพื่อซึมซับบรรยากาศประทับใจเต็มอิ่ม สนุกสนามกับหิมะฟูหนานุ่ม

สำหรับวันนี้ยอมรับว่าเที่ยวสนุกและก็เหนื่อยมาก เหมาะอย่างยิ่งที่จะเติมพลัง เพื่อชดเชยด้วยบุฟเฟต์ชาบู ก่อนจะไปแช่ออนเซ็นในโรงแรม APA Hotel Kanazawa-Ekimae ที่เราพักถึง 2 คืน และเป็นโรงแรมที่อยากแนะนำหากใครมาเที่ยวเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ให้มาพักที่นี่ ราคาดี มีออนเซ็นดีเยี่ยม ไว้มาติดตามกันในตอนต่อไปนะ

Camera : Samsung Galaxy S7/S6, Lumix TZ90, GoPro Hero7 Black

www.taweesak.in.th