Disable Preloader




ทริป 8 วัน ตะลุยหิมะ สะใจในญี่ปุ่น : ตอนที่ 6 - มาเดินตลาดเช้าใน Hida Takayama ก่อนนั่งรถไฟไปเมืองกบเกโระที่ Gero Onsen

หลังจากรับประทานอาหารเช้าในโรงแรมแล้ว เราก็เช็คเอ๊าท์ที่โรงแรม แต่ก็ขอฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่โรงแรม ก่อนเดินไปเที่ยวยัง ตลาดเช้าทาคายาม่า (Takayama Morning Market / 高山朝市) ภาษาญี่ปุ่นนั้นเรียกว่า Takayama Asaichi ซึ่งเป็นตลาดเช้า 1 ใน 2 แห่งของเมือง Takayama แห่งนี้ จึงเราเลือกไปที่ตลาดริมแม่น้ำมิยากาวะ (Miyagawa River) และอีกแห่ง คือ ตลาดเช้าจินยะมาเอะ (Jinya-mae Morning Market / 陣屋前朝市)เป็นตลาดเช้าหน้าอาคาร สำนักงานว่าการเมืองโบราณของทาคายาม่า (Takayama Jinya) ซึ่งเคยไปมาเมื่อหลายปีก่อน

จากโรงแรมเราจะเดินผ่านร้านขายอาหารที่ปรุงเนื้อฮิดะ อย่างเช่น สเต็กเนื้อฮิดะ ที่ถือเป็นเมนูที่ห้ามพลาดหากมาเยือนเมืองนี้ ซึ่งเมื่อคืนถือโอกาสลิ้มรสไปแล้ว ซึ่งเนื้อมีความอร่อยสมคำร่ำลือ ชุ่มฉ่ำ และไม่เหนียวแต่นุ่มกำลังดี ซึ่งปกติเวลาอยู่เมืองไทย ก็จะไม่รับประทานเนื้อวัว แต่ถ้าเดินทางไปต่างประเทศ ก็ขอหม่ำบ้าง

เสน่ห์อีกอย่างของเมืองเก่า ฮิดะทาคายามะ (飛騨高山) แห่งนี้ คือ มีแม่น้ำมิยากาวะ ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้มีบ้านเรือนที่ขนานสองฝั่งแม่น้ำ รวมทั้ง สะพานข้ามแม่น้ำ อีกทั้งยังมีประติมากรรมแปลกๆ ซึ่งก็ไม่ทราบชื่อหรือความหมาย แต่ก็ขอเก็บบันทึกภาพไว้แล้วกัน

บรรยากาศก็ดูคึกคักท่ามกลางอากาศหนาว เดินไปซื้อขนมชิมกันไป ได้บรรยากาศและคนญี่ปุ่นก็น่ารัก เชิญชวนให้ชิมโน่นนี่ และเราชิมแล้วก็ต้องอุดหนุนกันไป ขนมปรุงกันใหม่ๆ สดๆ เป็นความประทับใจอีกด้วย

คนขายบางร้าน พอรู้ว่าเรามาจากเมืองไทย ก็ส่งภาษาไทยหากันทันที พร้อมหยิบยื่นขนมให้ลองชิมกัน เราก็อดตอบแทนด้วยการอุดหนุนเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ ก็ถือว่าได้มาซื้อสินค้าญี่ปุ่นแท้ๆ จากตลาดสดยามเช้า เมื่อเดินไปสุดทางของตลาด ก็จะเลี้ยวขวาและเดินต่อไปถึง ศาลเจ้าฮิดะ-โซชะ เป็นวัดที่สำคัญของเขตการปกครองฮิดะ (โซซะ) เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 930 โซชะถือว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งรวมเทพเจ้าทั้งหมดที่มีอยู่ในเขตการปกครองนี้ ศาลเจ้าฮิดะ-โซชะแห่งนี้ให้ความเคารพนับถือเทพเจ้าทั้ง 18 วัดของฮิดะ

ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1141 และเป็นศาลเจ้าให้ความปลอดภัยของคนในครอบครัว ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงสำหรับเทศกาล Sanno Matsuri ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14, 15 เมษายนในแต่ละปี เทศกาล Sanno Matsuri ที่รู้จักกันคือ "เทศกาลฤดูใบไม้ผลิของทาคายามะ" เป็นหนึ่งในสามเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับเทศกาล Gion Matsuri ในเกียวโต และ Chichibu Matsuri ในไซตามะ 

ภายในวัดมีเกี้ยวเข้าร่วมงานในเทศการคือการแสดง Karakuri คือเป็นเครื่องกลชนิดหนึ่งในการบังคับในการขับเคลื่อนตุ๊กตาหรือหุ่นเชิดใช้เชือกเชื่อมโยงกับพวกเขา สามารถมองเห็นหุ่นเคลื่อนไหวเหมือนอย่างมียังมีชีวิตชีวา Karakuri (การแสดงหุ่นเชิด) จะจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 และ 15 วันละครั้ง ประมาณ 50 นาที นอกจากนี้มีการลอยเรือโคมไฟในตอนกลางคืนวันที่ 14 เมษายนเทศกาลจะจัดขึ้นเพียงปีละครั้ง เป็นงานที่พลาดไม่ได้

เที่ยวกันเพลิดเพลินเต็มที่่ เราก็ต้องเดินย้อนกลับมาทางตลาดอีกครั้ง ได้กลิ่นหอมของเนื้อฮิดะย่าง เตะจมูกมาก ทำให้อดใจไม่ไหวขอลิ้มลองซักไม้ ก่อนเดินกลับมาที่โรงแรมเพื่อรับกระเป๋าที่ฝากไว้ เดินผ่าน แม่น้ำมิยากาวะ (Miyagawa River) มองเห็นฝูงปลาคาร์ฟ ที่กำลังว่ายอยู่เป็นฝูงใหญ่บ่งบอกถึงคุณภาพน้ำที่ใสสะอาด และปลาที่คุ้นเคยกับผู้คน ที่มาให้อาหาร โดยจะว่ายเข้ามาหาเป็นฝูงเช่นนี้

ซึ่งในวันนี้ เรายังสามารถใช้พาส Takayama Hokuriku Area Tourist Pass อีกแค่ 1 วัน เนื่องจากจะครบ 5 วันติดต่อกัน (5 consecutive days) ซึ่งเราจะนั่งรถไฟไปยังสถานี Gero Onsen ที่เมืองเกโระ (Gero) จังหวัด กิฟุ (Gifu) ซึ่งเราเคยได้ยินคำว่า "กบเคโระ" นั่นจะหมายถึง กบ นั่นเอง

ระหว่างทางก็มองเห็นบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ไม่นานนักราว 45 นาที เราก็เดินทางมาถึง Gero Onsen (下呂温泉) ได้ชื่อว่าเป็นออนเซ็น 1 ใน 3 แห่งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมกับ Arima Onsen และ Kusatsu Onsen ซึ่งมีโอกาสไปแช่ออนเซ็นทั้ง 2 แห่งนั้นแล้ว ยิ่งทำให้ต้องมาแช่ออนเซ็นที่เมืองนี้ให้ได้ แถมเราได้นั่งรถไฟขบวน JR Wide View Hida Ltd. Exp. ซึ่งเป็นหน้าต่างกระจกยาว ทำให้มองเห็นวิวได้กว้างขณะที่นั่งอยู่บนรถไฟ

เมื่อเดินทางมาถึง เราก็นั่งรถตู้ของโรงแรมที่ไปรอรับที่สถานีรถไฟ เพื่อข้ามสะพานและจะมาถึงโรงแรมโอกาวายะ (Ogawaya Hotel) ซึ่งจะมีออนเซ็นในโรงแรม อีกทั้งโรงแรมนี้ยังตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮิดะ (Hida River) เราก็ติดต่อกับโรงแรมและเช็คอินให้เรียบร้อย

ได้เวลาอาหารกลางวัน จึงเดินไปหาร้านอาหารซึ่งหายากพอสมควร อาจเพราะเป็นช่วงบ่ายที่ร้านอาหารจะปิดเพื่อรอเปิดช่วงเย็น ในที่สุดเราก็เลือกร้านและแบ่งเป็น 2 ร้าน เนื่องจากบางคนไม่รับประทานเนื้อวัว จึงไปทานร้านอื่นแทนแล้วนัดเวลากัน เพื่อไปเที่ยวกันต่อ ในภาพนี้จะเห็นอาคารสีขาว จะเป็นพิพิธภัณฑ์ออนเซ็น มีบริการออนเซ็นด้วย แต่เราเก็บไว้แช่ในโรงแรมคืนนี้ดีกว่า ซึ่งบ่ายวันนี้เราตั้งใจไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่รวบรวมบ้านสไตล์กัชโช่ (Gussho) อีกแห่ง ทำให้ทริปนี้เราได้เที่ยวชมบ้านสไตล์นี้ หรือเรียกง่ายๆ ว่า บ้านสไตล์ชิราคาวาโกะ ถึง 3 แห่ง

หมู่บ้านกัชโช เกโระออนเซ็น (Gero Onsen Gassho Village) มีบ้านเก่าของตระกูลโอโตะ ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติ มีบ้านทรงกัชโช 9 หลังที่เคลื่อนย้ายมาจากชิราคาวะโกะ ให้บรรยากาศแบบหมู่บ้านโบราณเหมือนกัน ชุมชน "หมู่บ้านกัชโช"ทรงกัชโช (หลังคาทรงจั่วสูงคล้ายกับการพนมมือ) ดังนั้น หากใครไม่อยากเดินทางไปถึง ชิราคาวาโกะ ก็ยังสามารถเห็นบ้านแบบเดียวกันที่นี่ได้เช่นกัน

ภายในตัวอาคารมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดงวิถีชีวิตในสมัยโบราณหรือกิจกรรมทดลองทำกระดาษญี่ปุ่นและเครื่องปั้นดินเผา เห็นคุณลุงกำลังนั่งทำงานฝีมืออยู่ และยังมีที่ถ่ายภาพสวยงามทั่วบริเวณ

แผนที่ภายในบริเวณหมู่บ้านกัชโช เกโระออนเซ็น (Gero Onsen Gassho Village)

บริเวณกว้างพอสมควร และเราก็เที่ยวชมกันกว่า 2 ชั่วโมง แต่ทว่าเรายังต้องแบ่งเวลากลับไปเดินเที่ยวในเมืองเกโระ (Gero) ก่อนจะมืดค่ำ

หลังจากเที่ยวชมทั่วแล้ว เราก็เดินออกจาก หมู่บ้านกัชโช เกโระออนเซ็น (Gero Onsen Gassho Village) และเดินมาตามทางไม่นานนักก็มาถึงบริเวณใจกลางเมือง

ซึ่งจะมีคลองเล็กและน้ำไหลผ่าน โดยจะมีประติมากรรม อยู่ตามสะพาน และที่ตั้งใจมาถ่ายภาพ ด้วยความงุนงงก็คือ ทำไมมีประติมากรรม ชาร์ลี แชปลิน (Charlie Chaplin) อยู่ด้วย

ค้นข้อมูลในเว็บได้ข้อมูลว่า ชาร์ลี แชปลิน ชอบจังหวัดกิฟุ (Gifu) แห่งนี้ แสดงว่าน่าจะเคยเดินทางมาเที่ยวแล้ว เราก็ถือโอกาสกระทบไหล่ดาราระดับโลกกันซักหน่อย บันทึกภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกัน

แต่สิ่งที่ห้ามพลาดหากเดินทางมาที่เมือง Gero Onsen แห่งนี้ จะต้องเดินมาแช่ออนเซ็นสาธารณะแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮิดะ (Hida River) เรียกได้ว่า คนในเมืองนี้เดินมาถึง ถอดเสื้อผ้าแล้วลงแช่ โดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร เพราะเป็นวิธีปกติ เราต่างหากที่เป็นคนต่างถิ่น แม้จะเคยแช่ออนเซ็นมากว่าร้อยบ่อ ก็ยังแอบเขินซะเอง

น่าเสียดายที่อากาศหนาวมากๆ ไม่เช่นนั้น จะเดินมาแช่กลางแจ้ง เย้ยฟ้าท้าดินซะหน่อย ในเวลากลางคืนมีการยิงพลุอีกด้วย โดยคืนนั้น ยังมองเห็นพลุได้ระหว่างแช่ออนเซ็นในโรงแรมโอกาวายะ (Ogawaya Hotel)

หลังจากแช่เท้าจนช่วงโพล้เพล้ เราก็เดินกลับมาที่โรงแรม เพื่อเปลี่ยนชุดยูกะตะ และลงไปรับประทานอาหารในโรงแรม ซึ่งเราจองที่พักแบบ Half-Board ซึ่งจะรวมอาหารค่ำด้วย และอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น

หลังจากอิ่มหนำสำราญ ก็เดินย่อยเล็กน้อยก่อนเตรียมตัวไปแช่ออนเซ็นภายในโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมีบ่อออนเซ็นหลายบ่อ ขนาดใหญ่ภายใน และมีบ่อที่มองวิวริมแม่น้ำฮิดะอีกด้วย ถือว่ามาเก็บสถิติการแช่ออนเซ็นชื่อดังอีกแห่งของประเทศญี่ปุ่น ไว้มาติดตามกันต่อในวันถัดไปนะ สำหรับตอนนี้ขอไปแช่ออนเซ็นให้สบายตัวก่อนเข้านอนเก็บแรงสำหรับเที่ยวในวันพรุ่งนี้ต่อไป

Camera : Samsung Galaxy S7/S6, Lumix TZ90, GoPro Hero7 Black

www.taweesak.in.th