หลังจากออกจากปราสาททองคินคาคุจิ (Kinkaku) ก็เดินทางกันต่อ เพื่อมาเที่ยวกันต่อที่เมืองเก่า ฮิดะ ทาคายามะ (Hida Takayama) ซึ่งถนนหนทางยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันยาวนาน ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปในอดีต
ระหว่างเส้นทางจะมองเห็นเทือกเขาที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายนแล้วก็ตาม ซึ่งทิวเขาแห่งนี้เราอาจเคยได้ยินชื่อเรียกว่า เจแปนแอลป์ (Japan Alps) มาก่อน ซึ่งในช่วงกลางเดือน เมษายน ถึง พฤษภาคม มักจะมีโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อไปชม กำแพงหิมะ โดยใช้เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route)
ก่อนเดินทางมาทริปนี้ก็ตัดสินใจเหมือนกันว่า จะเลือกโปรแกรมใดดี แต่ก็ตกลงใจไม่ได้เลือกไปชมกำแพงหิมะ โดยเลือกไปเที่ยวเมืองชิระคาวาโกะ แทนแล้วกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้โอกาสชม Japan Alps แทนแล้วกัน แม้ว่าจะเคยไปเห็นเทือกเขา Alps ระหว่างบินจาก Frankfurt ไปยัง Venice แบบที่มองผ่านจากหน้าต่างเครื่องบินได้ชัดเจน
มาบันทึกภาพเป็นที่ระลึกไว้นำกลับมาเปิดดู ภาพความงามจากธรรมชาติ
หลังจากขึ้นรถและเดินทางต่อไปไม่นานนัก พวกเราก็มาถึงเมืองทาคายะมะ (Takayama) กันแล้ว พอลงรถก็เห็นคนลากรถผ่านมา
เดินมาเล็กน้อยถึงสะพานแดง (Nakabashi) ซึ่งได้แดดแรงทำให้ยิ่งเห็นความสวยสดของสีแดง
เป็นที่น่าเสียดายที่ต้นซากุระที่เห็นในภาพนั้น ยังเป็นดอกตูมอยู่ ไม่เช่นนั้นจะเป็นภาพดอกซากุระบานสีชมพูในฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางเมือง Takayama ซึ่งสีสันของสะพานแดงนี้หากเป็นหน้าร้อนจะตัดกับสีเขียวของต้นไม้ หรือตัดกับหิมะสีขาวในฤดูหนาว และเป็นสะพานหนึ่งที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
พวกเราเดินตามกันมา เพื่อเข้าไปเที่ยวชมยังศาลเจ้า Takayama ถูกตั้งขึ้นจากผู้สำเร็จราชการในสมัยเอโดะ แวะชิมแอปเปิ้ลหวานกรอบ ปอกกันสดๆ ด้วยเครื่องปอกแอปเปิ้ลที่ใช้มือหมุน จากคุณป้าที่หยิบยื่นให้ในบริเวณตลาดเช้า แต่ยังไม่ทันได้อุดหนุนเพราะต้องรีบเข้าไปชมภายในศาลเจ้าและคฤหาสน์เดิม
ในศตวรรษที่ 18 ด้วยการบริหารเขตพื้นที่ฮิดะ ที่นี่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติทางป่าไม้ สินทรัพย์ในดิน อีกทั้งใต้ดินยังมีแร่พวกเงินทองมากมายอีกด้วย ประชากรบริเวณนั้นนิยมปลูกข้าวและนำมาจ่ายภาษีในยุคสมัยนั้น
เดินเข้ามาบริเวณข้างใน ก็ได้พบกับดอกไม้สีเหลืองไร้ใบ ขอถ่ายภาพไว้ซักภาพ
เดินเข้ามาภายในจะเป็นคฤหาสน์ในอดีตเลยนั้นเคยเป็นบ้านพ่อค้าในเมือง Takayamaka และในปัจจุบันนั้นถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของที่นี่
ในปี ค.ศ. 1875 เมืองทาคายะมะแห่งนี้ เคยเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ และสถานที่นี้ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ 4 ปีหลังจากนั้น ด้วยฝีมือของช่างไม้ประจำท้องถิ่น ที่ยังคงรูปบ้านในแบบสถาปัตยกรรมเดิม เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของ Takayama ในยุคสมัยเอโดะ
ห้องต่างๆ รวมถึง สุขาโบราณ อีกด้วย
จากมุมมองภายนอกที่เห็นได้ว่า มีความกระทัดรัดดูไม่ยิ่งใหญ่อลังการอะไรมากนัก แต่ภายในกลับมีห้องต่างๆ ตามการใช้งาน และสามารถบอกเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแง่ของการทำหัตถกรรมพื้นบ้านของยุคสมัยนั้น ในบ้านยังมีมุมเกี่ยวกับความเป็นพุทธศาสนา คือจะมีแท่นบูชา พระพุทธ และรูปปั้นต่างๆ ที่นำมาออกแสดงให้เห็นถึงความเจริญทางด้านจิตใจ จึงทำให้ที่นี่ดูแล้วสบายเหมาะสำหรับผู้ที่ที่มีเวลาพักผ่อนสั้น โดยการนั่งจิบชาไปเพลินๆ และกินขนมเซมเบ้ไปด้วย
ชมดอกแมกโนเลีย กำลังผลิบานอยู่พอดี และได้เวลาเดินไปเที่ยวยัง Sanmachi Dori นับว่าเป็นเป็นที่คงภูมิทัศน์เก่าไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากว่าหลายๆ คนที่ได้ไปเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนหลุดเข้าไปอยู่สมัยเอโดะ
เมื่อเข้าไปจะเห็นว่าถนนเส้นนั้นมีตึกเก่าสองข้างทางที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนแบบเก่าที่มีระแนงไม้สีน้ำตาลสวยงาม ที่จะสามารถเดินดูไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้จักเบื่อกันเลยทีเดียว
มีคนลากรถแทนการใช้เครื่องยนต์ต่างๆ ซึ่งทำให้ไม่มีมลพิษทางอากาศและทางเสียงให้เสียบรรยากาศ
บรรยากาศบ้านเรือนที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นร้านขายสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกต่างๆ
หากอยากชิมสาเก ซึ่งจัดไว้ให้เราได้ชิมกันอย่างเพลิดเพลิน อาจเดินโซเซได้
ยังมีร้านกาแฟ และร้านขายขนมอย่าง ขนมเซมเบ้ อีกด้วย
ต้องขออุดหนุนกันซักหน่อย
อย่างร้านนี้ลูกชายกำลังย่างขนมเซมเบ้และคุณพ่อยืนอยู่ตรงนั้น นั่นหมายถึง ได้มีการรับสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้มีความมั่นใจได้แน่นอนว่า สถานที่แห่งนี้จะยังคงรักษาเอกลักษณ์อีกต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งต่างจากบ้านเราที่พอสถานที่เกิดโด่งดังขึ้นมา ก็จะมีนายทุนมากว้านซื้อ ทำให้มีโอกาสที่จะไม่ได้รักษาไว้อย่างต่อเนื่องได้ เพราะทุกอย่างจะมองที่กำไรเพียงอย่างเดียว
ท่อระบายน้ำใสแจ๋ว บ่งบอกถึงความสะอาด และมีภูมิทัศน์ที่ดีเยี่ยม
มีการจัดตกแต่งด้วยต้นไม้หน้าบ้าน ใครผ่านไปผ่านมา ก็อดบันทึกความงามไว้ไม่ได้ รวมทั้งขอเช็คอินไว้ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
ซึ่งเป็นช่องทางการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สถานที่แห่งนี้ได้อย่างดี
เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งได้ข่าวว่า เมืองทาคายามะแห่งนี้ ได้เปิดบริการ Free WIFI เพื่อให้ใช้งานได้ฟรีอีกด้วย แบบนี้ถูกใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทย เช็คอินและโพสต์กันสนุกสนานแน่นอน
ซึ่งเทคโนโลยี WIFI ที่ลงทุนไว้ ปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็น LTE (4G) กันหมดแล้ว ครั้นจะเลิกใช้ก็เหมือนจะทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ทว่านำมาเปิดให้ใช้บริการฟรีแบบนี้ ยังได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทาง
ชื่นชมแนวคิดและความละเอียดในการคิดของคนญี่ปุ่นจริงๆ
ได้เวลาออกจากย่านเมืองโบราณทาคายามะ เพื่อมารับประทานอาหารกัน และรถมาถึงร้านอาหารบริเวณนี้ ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ใกล้
ไม่มีอะไรแก้หนาวได้ดีไปกว่าอาหารร้อนๆ สำหรับเที่ยงวันนี้
เรียกได้ว่า ได้ความอบอุ่นและความอิ่มอร่อยอย่างเต็มที่ อีกทั้งอิ่มในอาหารตาจากความสวยงามของความพิถีพิถันของอาหารญี่ปุ่น
เต็มอิ่มความสนุก ความประทับใจในสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น ไว้มาติดตามกันต่ออีกนะ