Disable Preloader




Huis Ten Bosch ทุ่งทิวลิปและหมู่บ้านฮอลแลนด์ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ตอนที่ 1

ภาพมวลดอกทิวลิปกับสถาปัตยกรรมยุโรปเช่นนี้ หลายคนคงนึกว่า นี่มันยุโรป หรือ ฮอลแลนด์ อย่างแน่นอน แต่ทว่าสถานที่แห่งนี้ คือ Huis Ten Bosch (ฮูสเทนบอช) ตั้งอยู่บนเกาะคิวชู (Kyushu) หรือ เกาะใต้ของประะเทศญี่ปุ่นนี่เอง

เมื่อเดินทางมาถึงเมือง Sasebo ของจังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) ในตอนบ่าย พวกเราก็เช็คอินเก็บสัมภาระที่โรงแรม Nikko Huis Ten Bosch ซึ่งอยู่ติดกับสถานทีแห่งนี้

สามารถมองเห็นได้จากหน้าต่างของโรงแรม และก็ได้เวลาเข้าไปท่องเที่ยวในสถานที่แห่งนี้กัน

เคยได้ชมรายการท่องเที่ยวที่พามายังสถานที่แห่งนี้ ก็เลยปักหมุดตั้งใจว่าจะหาโอกาสมาท่องเที่ยวซักครั้ง เพราะน่าจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบยุโรป แม้ว่าจะมีบริการ Google Street View ก็ยังไม่สามารถให้เรารับรู้ถึงบรรยากาศ อากาศหนาวจากลมทะเล สีสันของดอกไม้เมืองหนาวได้ครบ

ไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิด กำลังอวดโฉมในช่วงฤดูใบไม้ผลิของเดือนมีนาคมได้อย่างสวยงาม

เมื่อผ่านเข้ามาด้านใน ก็ได้เห็นสัญลักษณ์กังหันน้ำ และดอกทิวลิป ซึ่งล้วนแต่ทำให้นึกถึงประเทศฮอลแลนด์ทั้งสิ้น

เชื่อว่าผู้อ่านคงจะมีคำถามในใจแล้วว่า ทำไมต้องจำลองบรรยากาศฮอลแลนด์มาไว้ที่นี่?

Huis Ten Bosch ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 25 มีนาคม ค.ศ. 1992 ในจังหวัดนางาซากิ บนเกาะคิวชู อันเนื่องมาจากในสมัยเอโดะที่ประเทศญี่ปุ่นได้ปิดประเทศนั้น มีเพียงท่าเรือของนางาซากิ ซึ่งเป็นแห่งเดียวที่ถูกเปิดต้อนรับสู่การค้ากับนานาประเทศ โดยการมาถึงของเรือ De Liefde จากประเทศฮอลแลนด์ในปี ค.ศ. 1600 เป็นจุดเริ่มต้นของความรุ่งเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากของจังหวัดนางาซากิ

จึงได้มีการรวบรวมความสามารถของกลุ่มบุคคลแขนงต่างๆ ทั้งวิศวกร, สถาปนิก และนักสิ่งแวดล้อม ในการรังสรรค์รีสอร์ทฮูสเทนบอชแห่งนี้ขึ้นมา ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลฮอลแลนด์ และบริษัทต่างๆ ของญี่ปุ่นอีกด้วย

ฮูสเทนบอช จึงเป็นรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุครบรอบ 20 ปี เมื่อปี ค.ศ. 2012 บนพื้นที่ขนาด 1,520,000 ตร.ม.

ฮูสเทนบอช ใช้เวลากว่า 5 ปี ในการสร้างรีสอร์ทแห่งนี้ ซึ่งมีขั้นตอนต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้จากวิธีของชาวฮอลแลนด์ในการปลูกพืช การเลือกดินและการปรับปรุงคุณภาพดินอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถปลูกพืชให้สามารถคงอยู่ได้ตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ยังมีการขุดคลองเพื่อนำน้ำจากอ่าว Omura ให้วิ่งผ่านรอบเมือง เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของความเป็นฮูสเทนบอชให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการรักษาระบบนิเวศน์ให้เป็นไปตามระบบสากล คือ การใช้อิฐที่เป้นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำน้ำที่ใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อใช้ในห้องน้ำ และการปรับปรุงคุณภาพของต้นไม้อย่างตลอด โดยอาศัยเทคโนโลยีและความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

ชิงช้าสวรรค์สีขาว (White Ferris Wheel) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี

เดินไป หนาวไป เนื่องจาก Huis Ten Bosch แห่งนี้ติดกับอ่าว Omura ซึ่งได้รับลมทะเลพัดตลอด

มองเห็นมุมพักขา นั่งชิล พร้อมมโนไปว่า ขับเรือยอร์ชส่วนตัวมานั่งกินสตรอเบอรี่หวานฉ่ำ ที่ซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองนางาซากิ หลังจากทานข้าวกับทงคัตซึ (หมูชุบแป้งทอด) ร้านดังเมื่อตอนเที่ยง สำหรับใครที่ซื้อมาทาน ขอบอกว่าไม่ต้องล้าง ทานได้ทันที เพราะการควบคุมคุณภาพและความสะอาด เขายอดเยี่ยมอยู่แล้ว

ได้พลังจากผลไม้ชุ่มฉ่ำ ก็ได้พลังงานในการก้าวเดินต่อไป มามองหารองเท้าไม้ (Klomp) สักคู่ หรือภาษาอังกฤษจะเรียกว่า "Crogs"

อาจสงสัยว่า ทำไมรองเท้าไม้จึงได้รับความนิยมใช้โดย ชาวนา, ชาวประมง และ คนที่ทำงานโรงงาน ก็เพราะสามารถให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว อีกทั้งยังปกป้องเท้าของของมีคมต่างๆ ได้

เจอแล้ว ปราสาท (Stad House) ซึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การมาชมการแสดง 3D Projection  Mapping ในช่วงหัวค่ำ โดยจะฉายไปยังตัวปราสาทที่เห็น ไว้จะนำมาฝากในเอนทรีถัดไป

ขอถ่ายภาพที่ระทึก .. เอ๊ย! ที่ระลึก ไว้ก่อน แช๊ะ!

แต่ระหว่างที่ยังไม่ถึงค่ำ ยังมีเวลาไปชมความงามบริเวณ Amsterdam City กันก่อน

นั่นคือ การเที่ยวชมการประดับดอกไม้ สีสันสวยงาม

รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในยุโรป มากกว่ากำลังเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น

บรรยากาศของความหนาวเย็น ฟ้าสวยใส ดอกไม้หลากสี

มือแทบไม่หยุดกดชัตเตอร์ รัวๆ

แต่ช่วงการจัดดอกทิวลิปจะอยู่ในช่วงเดือน มีนาคม ถึงประมาณกลางเดือนเมษายน เท่านั้น

จากนั้น ก็จะหมุนเวียนการจัดดอกไม้อื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับฤดูกาล อย่างช่วงเดือนมิถุนายน ก็เป็นเทศกาล ดอกอาจิไซ (ดอกไฮเดรนเยีย) นั่นเอง

แต่สำหรับสถาปัตยกรรมแบบนี้

จะมีดอกไม้อื่นใด จะเทียบได้กับดอกทิวลิป ก็หาไม่!

ด้วยสีสันที่หลากหลาย สะท้อนความงามได้ดีในภาพถ่าย

ถูกใจผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน

ยิ่งเดี๋ยวนี้ พอนึกถึงการท่องเที่ยวต่างประเทศ เชื่อว่า ประเทศญี่ปุ่น น่าจะเป็นจุดหมายแรกของทุกคนอย่างแน่นอน

ด้วยอาหารที่อร่อย อากาศที่สดชื่น และบ้านเมืองเป็นระเบียบ ซึ่งนอกเหนือจากความสุขที่ได้ไปเยือน แต่เชื่อว่าได้ซึมซับและนำวิถีบางอย่างกลับมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากให้นำ "วินัย" กลับมาประยุกต์ใช้กัน

เพราะการทำอะไรที่มีระเบียบ แบบแผน กติกาในสังคม ก็จะช่วยแก้ปัญหาหลายๆ อย่างของเราได้ไปโดยไม่รู้ตัว

ยังไม่สามารถปิดเอนทรีได้ในตอนเดียว ซึ่งต้องมาติดตามชมในเอนทรีต่อไป ยิ่งได้บรรยากาศความงามยามพลบค่ำ

รับรองว่า มาสถานที่แห่งนี้ที่เดียว ก็ได้ซึมซับบรรยากาศยุโรปได้จริงๆ

อ้างอิง : Huis Ten Bosch (ภาษาไทย)

แผนที่ : Huis Ten Bosch Guide Map