หลังจากรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรมแล้ว พวกเราก็เดินออกมาชมบรรยากาศแถว Yubatake หรือ รางไม้น้ำแร่ออนเซ็น กันอีก ซึ่งในเวลานี้บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกท่ามกลางอากาศหนาวเย็น จนพวกเราต้องพูดขึ้นว่า นี่หรือฤดูร้อนของญี่ปุ่น หนาวได้ใจจริงๆ ราว 16 องศาเซลเซียส ด้วยเพราะมีฝนตกช่วง 2-3 วันนี้พอดี
อีกอย่าง คือ เมือง Kusatsu แห่งนี้ ตั้งอยู่บนความสูงกว่า 1,200 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล จึงทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 7 °C แต่ก็สูงสุดถึง 30 °C ในฤดูร้อน และก็ลดต่ำลงถึง -14 °C ในฤดูหนาว ซึ่งช่วงเวลานี้ ถือว่าเป็นช่วงที่จะมีฝนตกในระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน
แต่ก็สามารถใส่ชุดยูกะตะจากโรงแรม เดินมาเที่ยว และถ่ายรูปกันได้อย่างสนุกสนาน
หรือจะแต่งตัวปกติ ก็ไม่ผิดแต่ประการใด .. บรรยากาศแปลกตา ไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้บ่อยนัก และผู้คนยังเดินเที่ยวอยู่อย่างคึกคัก
มองย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1876, นายแพทย์ Erwin Bälz ชาวเยอรมัน เดินทางมายังเมือง Kusatsu เป็นครั้งแรก ซึ่งบุคคลท่านนี้ถือเป็นบิดาแห่งแพทย์สมัยใหม่ในประเทศญี่ปุ่นและได้ศึกษา พร้อมทั้งแนะนำถึงประโยชน์และวิธีการใช้น้ำแร่ออนเซ็นในการรักษาโรคภัยในกับชาวเมืองแห่งนี้
และถือเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคสูง เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำร้อนที่มีคุณภาพของน้ำที่มีความเป็นกรด ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆถึงขนาดได้ชื่อว่าเป็น "น้ำแร่ยาของน้ำพุร้อนคุซัทสึ" น่าจะเป็นจุดที่เพิ่มความโด่งดังให้กับออนเซ็นแห่งนี้ นอกจากมีความเก่าแก่มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น
แม้จะไม่ได้เปลื้องชุดมุดแช่ทั้งตัว แต่การแช่เท้าก็ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีเช่นกัน ที่สำคัญช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายได้ด้วย
ไปยืนมองใกล้ๆ ที่รางไม้ สังเกตว่าน้ำมีความใสมากๆ และมองเห็นตะกอนออนเซ็นที่นอนก้นในรางไม้ Yu no hana (湯の花) เป็นสีขาวๆ
และทุกๆ 3 เดือนจะมีการปิดกั้นน้ำ เพื่อขูดเอากากออนเซ็นออกมา เพื่อใช้ทำผงออนเซ็น เรียกว่า "Yu no hana" (Hot Water Flower) ซึ่งก็คือ "ผงแร่" ซึ่งส่วนใหญ่จะมีประกอบของกำมะถัน สำหรับโรยในน้ำสำหรับแช่ร่างกายที่บ้านได้นั่นเอง
สำหรับเมือง Kusatsu แห่งนี้ มีออนเซ็นนับร้อยแห่ง รวมมีปริมาณของน้ำแร่ถึง 34,000 ลิตร ต่อนาที นับว่าปริมาณมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นจุดที่ทำให้ Kusatsu Onsen ติดอันดับที่ 1 ใน 3 หากมีการจัดอันดับไม่ว่าจะเวทีไหน
อีกทั้งยังอยู๋ใจกลางเมือง ทำให้เป็นศูนย์กลาง และศูนย์รวมร้านค้าต่างๆ โดยรอบ บรรยากาศดีเยี่ยม
เชื่อว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยต้องอยากไปเช็คอินเมืองนี้อย่างแน่นอน ซึ่งรายได้หลักของเมืองนี้ คือ การท่องเที่ยว คอยต้อนรับผู้มาเยือนจากที่ต่างๆ
ได้เวลากลับไปพักผ่อนที่โรงแรม ต้องขอบคุณเพื่อนที่ช่วยจัดทริปได้อย่างประทับใจ เพราะบอกไปว่า อยากมาที่เมืองนี้ เพราะได้ดูจากรายการ Say Hi เพื่อนก็จัดทริปให้ซะเลย
ไว้พรุ่งนี้เช้าจะเดินมาเก็บบรรยากาศยามเช้าดูบ้าง แต่ตอนนี้ขอกลับไปแช่ออนเซ็นต่อที่โรงแรมกันก่อน ซึ่งเมื่อบ่ายไปแช่ออนเซ็นกลางแจ้งในตอนที่แล้ว ที่มีชื่อว่า Ōtaki no yu (大滝の湯) แต่ฝนลงเม็ดทำให้แช่ยังไม่จุใจ คืนนี้จึงขอแช่ให้หนำใจ
บรรยากาศยามเช้า มีหมอกขาว และอากาศหนาว เหมาะอย่างยิ่งในการรับประทานข้าวโพดสดๆ ที่ซื้อเมื่อวานนี้่จากชาวสวนที่นำมาขายในราคา 100 เยน แต่กรอบอร่อยมาก เหมือนดื่มน้ำนมข้าวโพดสดๆ และจะไม่พลาดทานข้าวโพดสดหากกลับมาญี่ปุ่นอีกอย่างแน่นอน ... ทำเอาติดใจล่ะซิ ซึ่งถ้าที่บ้านเราคงไม่กล้าทานสดๆ แบบนี้
บรรยากาศยามเช้าที่เย็นสบาย
ผู้คนยังไม่มากมาย แต่ก็ได้เก็บภาพแบบเมืองสงบน่ารักได้อีกบรรยากาศ
แช่เท้าได้แบบส่วนตั๊ว .. ส่วนตัว
ตะเกียงนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของ Kusatsu Onsen แห่งนี้ เพราะอยู่คู่กันมาตั้งแต่ครั้งอดีต
เห็นน้ำใสๆ และสะท้อนเป็นสีฟ้าสวยงามมาก ทำให้นึกถึงบ่อน้ำร้อนที่เมืองเปปปุ (Beppu) อีกด้วย ไว้จะนำมาบันทึกการเดินทางไว้ด้วยต่อไป
หลายๆ คนเริ่มเตรียมตัวไปแช่ออนเซ็นกันแล้ว แต่สำหรับโรงแรมที่มีออนเซ็นในโรงแรม ก็สามารถแช่ได้สบายไม่ต้องไปใช้บริการโรงออนเซ็นสาธารณะ
เดินชมบรรยากาศรอบๆ Yubatake ตรงรั้วหินในภาพ จะมีป้ายชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงนับ 100 ท่าน ที่เคยเดินทางมาที่ Kusatsu Onsen แห่งนี้ ... ก่อนเดินกลับโรงแรม เพื่อไปแช่ออนเซ็นและรับประทานอาหารเช้ากัน
หากใครชื่นชอบการแช่ออนเซ็น ต้องบอกว่า ห้าม ... พลาดเมือง Kusatsu แห่งนี้
ขอกดไลค์ ... กดเลิฟ เลยเมืองนี้
ไว้จะหาโอกาสกลับมาอีกในช่วงฤดูหนาวดูบ้าง
ซึ่งเมือง Kusatsu แห่งนี้ ยังมี The Kusatsu International Ski Area (草津国際スキー場 Kusatsu Kokusai Sukijō) ได้ชื่อว่ามีหิมะคุณภาพดีเยี่ยมอีกด้วย
เก็บความประทับใจไว้กลับมาเยือนอีก ได้เวลานั่งรถบัสเพื่อไปต่อรถไฟกลับเข้าสู่กรุงโตเกียว ไว้กลับมาเที่ยวกันอีกนะ
ชมภาพสดจาก 「LIVECAMERA」 草津温泉「湯畑」湯滝前