Disable Preloader




ชิล ชิล คิวชู : ตอนที่ 6 - แบบนี้ก็มีหรอ? เที่ยววังยุโรปในเมือง Arita ของญี่ปุ่น

  บันทึกการเดินทาง : 23/10/2559 | Takeoonsen Station > Arita Porcelain Park > Mifuneyama Rakuen > Hakata Station

หลังจากทานอาหารเช้ากันที่โรงแรม และเช็คเอ๊าท์จาก Takeo Central Hotel โดยฝากกระเป๋าเดินทางไว้ ก่อนจะขึ้นรถไฟในเวลา 08:39 น. เพื่อไปยังเมือง Arita ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาที เท่านั้น

เมืองแห่งนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจ และอยากมาตั้งแต่ทริปที่แล้ว แต่ทว่าเดินทางมาไกลสักหน่อยจึงไม่อยู่ในแผน ครั้งนี้เลยตั้งใจมาเก็บตก เพื่อมาตามหาวังในสไตล์ยุโรปในเกาะคิวชูกัน

เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Arita ก็นั่งรถ Taxi ราว 10 นาทีเพื่อต่อไปยัง Arita Porcelain Park หรือ Nonnoko No Sato หรือเยอรมันน้อยแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยจ่ายค่า Taxi เพียงพันกว่าเยน เพราะอยู่ไม่ไกลนัก ก็มาถึงจุดหมายกันแล้ว โดยเป็น Theme Park ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องลายครามอาริตะที่โด่งดัง และจำลองหมู่บ้านเยอรมัน

พอมาถึงก็ต้องร้อง ว้าว! นี่เรากำลังอยู่ในวังแห่งเทพนิยายหรอเนี่ย บรรยากาศเมฆฝนช่วยบิ้วให้เกิดบรรยากาศเช่นนั้น ซึ่งมีวังฤดูร้อนซวิงเงอร์ (Swinger) โดดเด่นเป็นสง่าในสวนแห่งนี้ ภายในมีพิพิธภัณฑ์เครื่องลายคราม (Porcelain Museum) ที่จัดแสดงเครื่องลายครามของ Arita ตลอดระยะเวลา 400 ปีที่ผลิตในเมืองนี้

Arita Porcelain Park แห่งนี้สร้างขึ้นในแหล่งของเครื่องเคลือบดินเผาอาริตะ-ยากิ Arita-yaki, ช่างปั้นดินเผาผู้ซึ่งหลงใหลในเครื่องปั้นดินเผาจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากยุโรปในยุคศตวรรษที่ 17

สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ที่สะกดผู้พบเห็นก็คือ สถาปัตยกรรมจำลองส่วนประตูมงกุฏ (Crown Gate) ของวัง Zwinger แห่งเมือง Dresden ประเทศ Germany ซึ่งบล๊อกเกอร์เองได้เคยไปเที่ยวมาแล้ว

และเคยเขียนเอนทรีไว้ที่ลิงค์นี้ ร้อนนัก ไปพักร้อน 2011 ตอนที่ 35 : เที่ยวชมพระราชวัง Zwinger แห่งเมือง Dresden สร้างขึ้นในราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยศิลปะแบบบารอก (Baroque)

ทริปนี้จึงขอมาชมว่าจำลองมาได้เหมือนกันหรือไม่ แต่ทว่า ไม่ได้จำลองเหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่นำส่วนต่างๆ มาประกอบกัน แต่ก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน

แต่บรรยากาศวันนี้ เมฆฝนลอยต่ำปกคลุมเทือกเขา สร้างบรรยากาศเป็นใจให้เหมือนภาพในเทพนิยาย มีเจ้าชายและเจ้าหญิง ในพระราชวัง Zwinger แห่งนี้

นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้มากมาย เพราะมีแวะมากันบ้าง ทำให้เราก็สนุกกับการถ่ายภาพได้อย่างคำฮิตที่ว่า "เอาที่สบายใจ!" กันเลยเชียว

เดินชมสวนโดยรอบๆ ฝนตกปรอยๆ และก็หยุดตกบ้าง อากาศสดชื่นจริงๆ

ได้หมด ... ถ้าสดชื่น ... อาจสงสัยว่าทำไมต้องสร้างรูปแบบของวัง Zwinger เพราะ พระเจ้าออกัสตัสที่ 2 แห่งโปแลนด์ เจ้านครรัฐแห่งแซกโซนี ผู้ทรงสั่งให้สร้างวังแห่งนี้ที่เยอรมัน ชื่นชอบเครื่องลายครามจากประเทศตะวันออกอย่างจนและญี่ปุ่นอย่างมาก ถึงขั้นเป็นผู้อุปถัมภ์การผลิตเครื่องลายครามในเยอรมันที่สร้างเลียนแบบเครื่องลายครามของอาริตะ

เรียกได้ว่า บันทึกภาพอย่างเต็มที่กันเลย ไม่มีใครในภาพเลยนอกจากเราคนเดียว บรรยากาศส่วนตัวจริงๆ

มาทำความรู้จักกับเมืองอาริตะ (Arita) กันซักหน่อย

ต้นกำเนิดของเซรามิกจากดินขาวของประเทศญี่ปุ่น เกิดขึ้นที่นี่ มองย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1616 เมื่อ "โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ" ได้สั่งถอนกองทัพออกจากประเทศเกาหลีหลังการรุกรานไม่เป็นผลสำเร็จ

ช่างปั้นหม้อมีนามว่า "ลีซัมเปียง" ได้รับมอบหมายให้ค้นหาแร่ที่เหมาะสมในการทำเครื่องเคลือบดินเผา (ดินขาว) บนเขาอิซุมิยามะ ในเขตซากา (Saga) ของภูมิภาคอาริตะ (Arita) จึงกล่าวได้ว่าบุคคลท่านนี้เป็นบุคคลแรกในญี่ปุ่นที่สามารถผลิตเครื่องเคลือบดินเผาได้สำเร็จ

ในช่วงยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) เครื่องเคลือบดินเผาถูกส่งออกจากอิมาริ ที่นี่จึงถูกเรียกว่า อิมาริยากิ แต่ตั้งแต่ยุคเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) เป็นต้นมาก็เป็นที่รับรู้ว่าเป็น อาริตะยากิ อาริตะโช พื้นที่ที่ ลีซัมเปียง ได้ริมเริ่มธุรกิจนี้ และกำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 400 ปี ของกิจการเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบดินเผา อย่างนี้นี่เอง

เนื่องจากเครื่องเคลือบดินเผาไม่เคยผลิตขึ้นในญี่ปุ่น เครื่องถ้วยชามต่างๆ ที่มีอยู่ในขณะนั้นล้วนเป็นสินค้านำเข้าคุณภาพสูงจากต่างประเทศ ซึ่งหมายถึงการใช้เครื่องเคลือบดินเผาจึงอยู่ในเฉพาะกลุ่มผู้มีอำนาจและร่ำรวยเท่านั้น

แต่ภายหลังการค้นพบของ "ลีซัมเปียง" จึงทำให้เครื่องเคลือบดินเผาสามารถผลิตขึ้นเองในประเทศและราคาจับต้องได้ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากได้สัมผัสความสุขจากการใช้เครื่องเคลือบดินเผาเป็นต้นมา

สำหรับภายใน Arita Porcelain Park มีสตูดิโอเครื่องปั้นดินเผาที่เปิดสอนวิธีทำเครื่องเซรามิกต่างๆ ซึ่งใครสนใยสามารถเข้าคลาสได้ใช้เวลา 30-60 นาที และยังร้านค้าขายของที่ระลึก จึงถือโอกาสซื้อถ้วยเล็กๆ ที่เขียนว่า Made in Arita กลับมาเป็นของฝาก และเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมาเยือนแหล่งเครื่องเคลือบดินเผาอันดับที่ 1 ของประเทศญี่ปุ่น จากนั้นก็นั่ง Taxi กลับมาที่สถานีรถไฟ Arita

นั่งรถไฟราว 15 นาที กลับมาที่สถานี Takeoonsen อีกครั้ง ก็ได้เวลาอาหารกลางวันในสถานีรถไฟและจิบกาแฟไปด้วย แต่สำหรับบ่ายวันนี้แดดเริ่มออก เราก็มีแผนไปเที่ยวยังสวนสวยๆ กัน

ร้านนี้มีชื่อเสียงและเป็นแชมเปี้ยนข้าวกล่องรถไฟอีกด้วย

หลังจากอิ่มเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่ง Taxi มายังสวน Mifuneyama Rakuen ซึ่งเป็นสวนจัดแต่งขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เกือบ 5 แสนตารางเมตร

ตั้งอยู่เชิงเขา Mifune ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ของคฤหาสน์ส่วนตัวของไดเมียว Shigeyoshi Nabeshima สวนแห่งนี้สามารถมาเที่ยวชมได้ทุกฤดู ซึ่งคนญี่ปุ่นมักจะพาครอบครัวมาพักผ่อน เดินเล่น ชมดอกไม้ ใบไม้ที่ออกดอกผลัดใบหมุนเวียนตลอดทั้งปี

แต่ทว่าบล๊อกเกอร์อาจมาในช่วงที่ผิดจังหวะไปหน่อย เพราะใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีดังภาพในโบรชัวร์ ซึ่งต้องรออีกกว่า 1 เดือน

หากเป็นช่วง Spring ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน จะเริ่มความสดใสด้วย ซากุระจากนั้น กลางเดือนเมษายน จะเจอกับทุ่ง Azalea หรือ กุหลาบพันปี จำนวนหมื่นต้นตรงหน้านี้ พากันอวดสีสันสวยงาม แต่ทว่าวันนี้อวดใบเขียวชอุ่มมากๆ

แต่ก็ดีอย่างที่ช่วงนี้คนไม่พลุกพล่าน เพราะถ้าเป็นช่วงที่มาชมดอกไม้ ได้ข่าวว่ารถติดยาวเป็นกิโลเมตร

มาเที่ยวช่วงปลายฝน ก่อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ก็ได้อีกบรรยากาศที่กำลังสบาย อากาศดีแม้จะมีฝนตกบ้าง แต่ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ

พอจะเห็นดอก Azalea หรือ กุหลาบพันปี อยู่บ้าง ลองนึกถึงช่วงที่ออกดอกทั้งต้นหลากสีสัน เต็มไปทั่วบริเวณก็น่าจะสวยงามมากๆ

และในเดือนพฤษภาคมหากมาที่สวนแห่งนี้ จะได้ชมดอกวิสทีเรีย (Wisteria) ที่มีช่อดอกห้อยระย้าอย่างสวยงาม ก็ได้เดินผ่านแต่ก็ได้เห็นแต่กิ่งก้านและใบในช่วงนี้ แต่ก็ถือว่าได้มาเที่ยวชมสวนแห่งนี้แล้ว ครบตามแผนที่วางไว้ในทริปนี้

จากนั้นเราก็นั่ง Taxi จากสวนเพื่อกลับมายังโรงแรมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เพื่อลากกระเป๋าที่ฝากไว้ ไปรอขึ้นรถไฟซึ่งเราได้ทำการจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากพลาดรถไฟเที่ยวนี้

ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ซึ่งเราก็จะนั่งรถไฟกลับไปยังสถานี Hakata ใช้เวลา 67 นาที (ระยะทาง 81.9 km) นั่งชมวิวไปเพลินๆ

รถไฟขบวน Huis Ten Bosch 24 ก็มาตามนัด ซึ่งขบวนนี้วิ่งมาจาก Huis Ten Bosch สวนธีมพาร์กที่เคยไปเที่ยวชมความงดงามของไม้ดอกท่ามกลางบรรยากาศของประเทศเนเธอร์แลนด์มาแล้ว ลองกดไปชมภาพได้ที่นี่

  • Huis Ten Bosch ทุ่งทิวลิปและหมู่บ้านฮอลแลนด์ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ตอนที่ 1
  • Huis Ten Bosch ทุ่งทิวลิปและหมู่บ้านฮอลแลนด์ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ตอนที่ 2

    ไว้มาติดตามเที่ยวกันต่อนะ จะพาไปชมบรรยากาศค่ำคืนที่เมือง ฟุกุโอกะ กันต่อ สนุกกับการบันทึกภาพบรรยากาศด้วยโทรศัพท์มือถือกันต่อ

    Camera : Samsung Galaxy S6