Disable Preloader




บันทึกการเดินทาง วางแผนเที่ยวแม่ฮ่องสอน ตอนปลายหนาว # 3

ด้วยความตั้งใจที่อยากมาเที่ยวที่ บ้านรักไทย แห่งนี้ หลังจากที่ได้ชมภาพสายหมอกไหลไปบนท้องน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในใจกลางหมู่บ้าน จากภาพที่แชร์มาบนเฟซบุ๊ค ทำให้กระตุ้นต่อมอยากถ่ายภาพที่นี่มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รอจนกระทั่งปลายหนาวทำให้ต้องลุ้นว่าจะได้เห็นสายหมอกหรือไม่?

ก็ต้องมาลุ้นกันโดยตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ประมาณตีห้าครึ่ง ยอมเอาตัวหลุดออกจากผ้าห่มอุ่นๆ มาสัมผัสความหนาวของต้นเดือนมีนาคม ซึ่งต้องบอกว่าที่นี่ยังหนาวอยู่ ... ท้องฟ้าสีส้มหน่อยๆ บริเวณทิวเขา เป็นสัญญานเริ่มวันใหม่ และเริ่มภารกิจบันทึกภาพของวันนี้

รีบล้างหน้าล้างตา แปรงฟันอย่างรวดเร็ว ก่อนรีบนำกระเป๋าอุปกรณ์ขึ้นรถกัน เพื่อขับจากที่พักลงมาจอดริมถนน ภาพที่ได้เห็นเบื้องหน้าคือ สายหมอกขาว กับลมหนาวพัดเอื่อยๆ

ไม่เสียเที่ยวล่ะ ถือว่าเป้าหมายสำเร็จ

นั่งเล็งมุมภาพ ยืนหมุนไปมาเพื่อหามุมเหมาะ เพราะว่าเป็นความงามที่ธรรมชาติมอบให้

เป็นช่วงเวลาที่เชื่อว่า คนที่รักการถ่ายภาพ จะได้หลุดลอยไปอีกโลกแห่งความฝัน

ใจแอบอิจฉาชาวบ้านรักไทย ที่มีโอกาสได้ชมบรรยากาศแบบนี้ทุกเช้า

แสงธรรมชาติแบบนี้ ยิ่งสร้างความงามให้สถานที่แห่งนี้ ที่นี่เมืองไทย .. ไม่ไป ก้อไม่รู้ซินะ!

ยิ่งได้แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ ยิ่งทำให้เห็นสายหมอกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ข้อดีของการท่องเที่ยวช่วงนอกเทศกาล คือ ได้รับความเงียบสงบ ได้สัมผัสวิถีชีวิตปกติของผู้คน อยากเก็บภาพมุมไหนได้เต็มที่ เพราะสังเกตว่ามีนักท่องเที่ยวที่มาเก็บบันทึกภาพรวมกันไม่ถึง 10 คน

ถือโอกาสมาชมพระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบทิวเขา สาดแสงสีส้มไปละเลงสีหมอกให้เป็นสีแสด

ลองชมภาพความงามแบบชัดๆ กัน เป็นบรรยากาศที่ดูไม่เบื่อจริงๆ สังเกตว่ายิ่งแดดออก สายหมอกยิ่งเพิ่มมากขึ้น

บ้านรักไทย ตั้งอยู่ติดกับเขตชายแดนไทย – พม่า มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,800 เมตร ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีอากาศหนาวเย็นอยู่เกือบตลอดทั้งปี พื้นที่ตอนกลางของบ้านรักไทยมี “เขื่อนในหมอก” เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค – บริโภคที่สำคัญอีกด้วย

 

อย่างที่ทราบกันว่า ประชากรส่วนหนึ่งของบ้านรักไทยสืบเชื้อสายมาจากชาวจีนยูนนานที่อพยพย้ายถิ่นมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และบางส่วนก็มาจากครอบครัวของอดีต “กองกำลังทหารจีนคณะชาติ” ซึ่งเคยเข้ามาตั้งฐานที่มั่นอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ทำให้วิถีชีวิต และสถาปัตยกรรม มีกลิ่นอายความเป็นจีนอยู่มาก

และก็ต้องเป็นกำลังใจให้ช่วยกันรักษาวิถีชีวิตแบบนี้ ให้อยู่สืบต่อไปยาวนาน

ยอมรับว่า รู้สึกเสียดายในหลายๆ ชุมชนของบ้านเราที่พยายามปรับเปลี่ยนตัวเองจนแทบไม่เหลือแบบเดิม เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามา หรือนายทุนเข้ามา ซึ่งเป็นคนที่อยู่นอกชุมชน หวังแต่จะพัฒนาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยขาดสำนึกรักบ้านเกิด เพราะไม่ได้เติบโตมาในสถานที่นั้นๆ

ทั้งที่บางแห่งจะมีนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเฉพาะช่วงเทศกาลโดยเฉพาะช่วงปีใหม่ หลังจากนั้นก็กลับไปเงียบเหงาจึงขาดการดูแลต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เสียไปนั้น คือ วิถีชีวิตดั้งเดิม

จากนั้นเราก็ขับรถเข้าไปในหมู่บ้านและตลาด เพื่อไปชมวิถีชีวิตของชาวบ้านรักไทยกัน

ได้เห็นบ้านดินซึ่งสร้างจากดิน และเด็กนักเรียนที่กำลังไปโรงเรียนบ้านรักไทย ซึ่งเปิดสอนในระดับอนุบาล-ประถมศึกษา

ทักทายหนุ่มน้อยที่กำลังไปโรงเรียน ซึ่งในตอนแรกก็เขินอาย แต่พอคุยเล่นซักพักก็เริ่มเล่นยิ้มให้ถ่ายรูป

เราคงต้องยอมรับว่า การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวเอง ก็ต้องการสถานที่พัก ร้านอาหาร ที่มีความพร้อม แต่ก็มีแนวทางการพัฒนาให้เป็นการส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ สถาปัตยกรรม ที่เข้ากับพื้นถิ่น

ยิ่งออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติ และสวยงามเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสถานที่นั้นไปด้วยยิ่งดี เพราะจะจดจำภาพได้ดี

และจะยิ่งดีหากร่วมกันพัฒนาไปพร้อมกัน ไปในทิศทางเดียวกันทั้งชุมชน แบบนี้จะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน

แน่นอนที่นักท่องเที่ยวก็ไม่อยากเห็นตึกสูงๆ หรือใช้สีสันที่ดูแปลกแยกไปจากจุดอื่นๆ

หากทุกชุมชนมองเรื่องภูมิสถาปัตย์ น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ใช้ความร่วมมือมากกว่าการควบคุมกัน

ยอมรับว่ารู้จัก บ้านรักไทย ก็เพราะรีสอร์ทแห่งนี้ โพสต์รูปเกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งนี้ จึงเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดให้ผู้คนอยากมาเยือนอีกทางหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีส่วนช่วยได้มาก โดยเฉพาะการแชร์ภาพและเรื่องราว การเช็คอิน และการอ่านคอมเมนต์ต่างๆ ยิ่งมีส่วนช่วยในการตัดสินใจในการท่องเที่ยวได้

มัวแต่เพลินกับการถ่ายภาพ กลับมาถึงที่พักเกือบ 10 โมงเช้า ต้องรีบทำธุระส่วนตัวก่อนเช็คเอ๊าท์และเดินทางกันต่อ

อดไม่ได้ที่ขอเก็บภาพบรรยากาศแบบกว้างๆ และฟ้าใสๆ

ซึ่งวันนี้เรายังมีโปรแกรมท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ก่อนไปนอนพักกันที่ อ.ปาย อีกหนึ่งคืน

เก็บความประทับใจไว้ในภาพถ่าย มาไว้ประกอบบันทึกการเดินทาง

ได้เวลาอาหารเช้ากันเสริฟด้วยโจ๊กร้อนๆ จิบชาหอมหมื่นลี้ พร้อมกับหมั่นโถว

เก็บความสุข ความประทับใจ และต้องหาโอกาสกลับมาท่องเที่ยวอีกอย่างแน่นอน แต่สำหรับเอนทรีต่อไป ยังมีโปรแกรมท่องเที่ยวแบบ Unseen in Maehongson กันอีก ไว้มาติดตามกันต่อในบันทึกการเดินทาง เร็วๆ นี้