ช่วงปลายปี พอมีลมหนาวมาเยือนกรุงเทพฯ เบาๆ ทำเอานึกถึงทริปฉลองปีใหม่ อยากไปโต้ลมหนาวทางภาคเหนือ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ก็ไม่อยากนั่งเครื่องบิน ครั้นจะขับรถจากกรุงเทพฯ ก็เสียเวลาไป-กลับ 2 วัน คงไม่ไหว งั้นเดินทางไปภาคเหนือตอนล่าง จ.สุโขทัย หลังจากเลื่อนการจองรถไว้ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ถือโอกาสมาใช้ช่วงนี้ โดยที่ไม่ได้วาง "บ้านร่องกล้า" ไว้ในโปรแกรม จนกระทั่งได้ข้อมูลจาก Facebook ที่มีคนมาโพสต์ว่า นางพญาเสือโคร่ง บานแล้วที่ ภูลมโล จึงลองหาที่พักล่วงหน้าเพียงหนึ่งวัน เพราะอยู่ในเส้นทางก่อนเดินทางไป เขาค้อ และ เนินมะปราง จึงจัดแจงโอนเงินจอง เพื่อให้แน่ใจว่าได้ที่พักแน่นอน ซึ่งเมื่อก่อนต้องจองล่วงหน้าหลายๆ เดือน เพราะที่พักยังมีไม่มาก เพราะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ใจกลางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่ระยะหลังเพิ่งจะเริ่มมีคนรู้จัก และจากการที่เคยเดินทางมาเที่ยวที่ ภูลมโล และบ้านร่องกล้า ใน 3 ครั้งที่ผ่านมา มีทั้งช่วงต้น ช่วงกลาง และช่วงปลายของการชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งก็ได้พบกับการบานแบบไม่เต็มที่ พูดง่ายๆ "สวยดีนะ แต่ก็ไม่ฟิน" แต่ในปีนี้ เล่นบานพร้อมกันทั้งภูเขา ทั้งหมู่บ้าน ทำเอาฟินสุดๆ ไปเลย
หลังจากขับรถมาจาก จ.สุโขทัย มาเข้าทาง อ.นครไทย อยากแนะนำเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางสวยงาม ขับขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆ และยังแวะที่ อุทยานแห่งชาติภฺหินร่องกล้า ซึ่งปีนี้ต้องไปแสดงวัคซีนพาสปอร์ต 2 เข็ม จึงยอมให้ผ่านเข้าไปได้ มีจุดแวะชมใบเมเปิ้ลได้ถึง 2 จุด ซึ่งเหลือเพียง "โรงเรียนการเมืองการทหาร" ที่ยังหลงเหลือใบไม้แดงให้ชม แต่เราก็ต้องรีบทำเวลาขับไปที่ "บ้านร่องกล้า" ซึ่งได้เจอต้นนางพญาเสือโคร่งตรงสะพานทางเข้าหมู่บ้าน ที่กำลังเบ่งบานต้อนรับนักเดินทาง และเป็นการบอกว่า หลังจากนี้จะได้เห็นดอกไม้สีชมพูไปตลอดบ่ายวันนี้อย่างแน่นอน
มาทำความรู้จัก "ภูลมโล" เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บนรอยต่อ ของสามจังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย "ภูลมโล" ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สูงจากระดับน้ำทะเล 1,664 เมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่เยอะที่สุดในประเทศไทย ในพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ มีต้นนางพญาเสือโคร่งนับหมื่นต้น
หลังจากถึงหมู่บ้าน ก็รีบจอดรถที่บริเวณจุดสำหรับเหมารถเพื่อให้พาเข้าไปเที่ยว ภูลมโล ซึ่งเราเหมาในราคา 1,000 บาท และนั่งในแคปของรถกระบะ เพื่อไม่ต้องรับฝุ่นแดงไปตลอดทางกว่า 30 นาที เพื่อไปยังจุดชมวิวต่างๆ ซึ่งตลอดทางก็รู้สึก ว้าว! เพราะเคยมา ภูลมโล ทั้ง 3 ครั้งที่แล้ว ก็สวยงาม แต่ทว่าปีนี้มันสีชมพูทั้งภูเขา ตื่นตา ตื่นใจมากกว่าทุกครั้ง และแสงแดด ท้องฟ้าก็สวยงาม ช่วยขับสีสันของดอกสีชมพูได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ก็กลับออกจาก ภูลมโล ก่อนจะมืดและเริ่มอากาศหนาว
จากนั้นเราก็ขับรถไปที่พัก เพื่อรับกุญแจห้องไว้ก่อน แต่ทว่ายังไม่เช็คอิน ขอขับรถไปหม่ำอาหารค่ำที่ "ร้านกาแฟตานวย" ก่อน มาประจำทุกทริป ซึ่งเมนูที่ชอบมาก คือ กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา และเมนูอื่นๆ ที่พอหาได้ในเวลานั้น เพราะทานไป โต้ลมหนาวไป มองดอกสีชมพูไป ทานอะไรก็อร่อย ก่อนเข้าที่พัก หลบลมแรง อากาศหนาวประมาณ 10 กว่าองศา ซึ่งร้องหาเครื่องฮิทเตอร์กันเลยทีเดียว ขนาดเครื่องทำน้ำร้อนในที่พักต่างๆ ของบ้านร่องกล้า ต้องใช้ระบบแก๊สน้ำถึงจะร้อนเร็ว และสู้ความเย็นของน้ำได้ ซึ่งพรุ่งนี้เช้า เราต้องขึ้นไปเจอความหนาวก่อนพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ไร่ลมหนาว" ซึ่งเป็นที่พักบนเนินเขา ที่จะได้สัมผัสลมหนาวแบบที่ ไม่ต้องไปไกลถึงสุดยอดแดนสยามก็ได้สัมผัสที่นี่
อุณหภูมิประมาณ 12 องศา แต่ลมแรงทำเอาหนาวสะท้าน เนื่องจากทริปนี้ไม่ได้กะจะมาที่ "บ้านร่องกล้า" ปรับแผนเพียงวันเดียวก่อนเดินทาง จึงไม่ได้เตรียมหมวกหรือถุงมือกันหนาว แต่ก็ต้องทนกันไป เพื่อบันทึกความงามของธรรมชาติ สะใจคนชอบความหนาวอย่างเรา ซึ่งยังไม่เคยขึ้นมาพักที่ "ไร่ลมหนาว" แห่งนี้ เพราะผู้ร่วมเดินทางสู้ความหนาวไม่ไหว ขนาดพักในหมู่บ้าน ยังใช้ผ้านวม 2 ผืน เสื้อขนเป็ด เสื้อไหมพรม แบบจัดเต็มถึงเอาอยู่ หนาวขนาดไหน เมื่อ ธันวาคม ปีที่แล้ว มี "แม่คะนิ้ง" ที่นี่ด้วยนะ
แม้ว่าจะไม่ได้พักที่ไร่ลมหนาว แต่เราก็ขออุดหนุนพืชผลที่ปลูกที่นี่แทนแล้วกัน อย่างเช่น ผักกาด กะหล่ำปลี และขิง มาหลายกิโล เสียดายที่ปีนี้ไม่มี ฟักทอง ลูกโตๆ ซึ่งครั้งก่อนๆ จะปลูกได้ นอกจากนี้ บ้านร่องกล้า นี้ยังเป็นแหล่งปลูกสตรอเบอรี่ขนาดใหญ่ ฉ่ำหวาน แต่ทว่าปีนี้ไม่มีการปลูกเลย "บ้านร่องกล้า" ยังได้ชื่อเรียกว่า "หมู่บ้านม้งร่องกล้า" เพราะเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าม้งที่ตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในเขตภูหินร่องกล้ามาช้านาน ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาวที่มีความสวยงาม เงียบสงบ อีกทั้งยังมีประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเขาเผ่าม้งหลงเหลืออยู่
หลังจากทานอาหารเช้าจากที่พัก และเช็คเอ๊าท์จากที่พัก เลี้ยวซ้ายทางขึ้น "วัดป่าบ้านใหม่ร่องกล้า" ซึ่งมีจุดชมวิวที่มองเห็นหมู่บ้านร่องกล้าได้จากมุมสูง เห็นมีบางเพจกล่าวไว้ว่า เหมือนจุดชมวิวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เลยเชียว มองเห็นต้นไม้สีชมพูไปทั้งหมู่บ้าน ช่วยให้รู้สึกเที่ยวญี่ปุ่นทิพย์ไปพลางๆ ก่อน
นอกจากนี้ บริเวณจุดจอดรถที่วัด ยังได้พบกับใบเมเปิ้ลที่กำลังเปลี่ยนสีสวยงาม พีคมากเลยทริปนี้ เรียกได้ว่า เกินคาดอย่างแท้จริง และ "บ้านร่องกล้า" ยังเป็นหมู่บ้านที่หนึ่งในใจเสมอ ต้องกลับมาเยือนอีกอย่างแน่นอน และใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวที่นี่ อยากขอแนะนำให้เตรียมตัวไว้ ปลายเดือน ธันวาคม และต้นเดือน มกราคม ของทุกปี ต้องหาโอกาสมาให้ได้ รับรองจะติดใจ
การเดินทางไปยังภูลมโลสามารถขึ้นได้ 3 เส้นทาง คือ จากทางฝั่งบ้านร่องกล้า ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก จากทางบ้านทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ และจากทางฝั่งบ้านกกสะทอน ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยส่วนตัวแนะนำให้มาทาง อ.นครไทย และขาลง หากมีทริปต่อที่ เขาค้อ ก็ขับผ่าน ภูทับเบิก และลงทาง หล่มเก่า เป็นเส้นทางขับลงเขาอย่างเดียว
ชมรมคนรักบ้านร่องกล้า - ภูลมโล มีบริการรถนำเที่ยวชมภูลมโลทุกวัน (เฉพาะช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน) ตั้งแต่เวลา 05.00-16.00 น. ราคาเหมาไป-กลับ คันละ 1,000 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน แต่หากต้องการเข้าไปชมถึงภูขี้เถ้า ราคาจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้ง) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 08-6205-9376 และ เฟซบุ๊ก ชมรมคนรักบ้านร่องกล้า - ภูลมโล และควรเช็คสถานการณ์การบานของนางพญาเสือโคร่ง จะได้มาได้จังหวะและไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน