ถือโอกาสเคลียร์งานไปชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายซักหน่อย ด้วยความตั้งใจเมื่อครั้งมาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ 2 ปีที่แล้ว เหลือบไปเห็นบอร์ดประชาสัมพันธ์งาน World Expo 2010 ที่สนามบินผู่ตง ก็ตั้งใจกับตัวเองว่า จะกลับมาเซี่ยงไฮ้อีกครั้งเพื่อมาเที่ยวงานนี้ให้ได้ ระยะเวลาสองปีผ่านไปรวดเร็วจริงๆ ในที่สุดก็ทำความตั้งใจได้สำเร็จ (+) อ่านเอนทรีที่อ้างถึง
มองเห็นบริเวณงานจากมุมสูงระหว่างรถบัสแล่นบนสะพาน มองเห็นศาลาของประเทศไทย (Thailand Pavilion) อยู่ใกล้ และอาคารของประเทศจีน (China Pavilion) สีแดงใหญ่โตอยู่ตรงนั้น
ต้องบอกว่า ที่ตั้งของ Thailand Pavilion นั้น ฮวงจุ้ยดีมากเลย เข้าประตู 7 มาจะมองเห็นเป็นอาคารแรกเลย และจากมุมนี้ จะมองเห็นทั้งหอไข่มุก (ยอดหอถัดจากยอดของศาลา) และยังมองเห็นตึก Shanghai World Financial Center อยู่ทางขวามือ (ตึกรูปกระเป๋าหิ้ว) ซึ่งถือเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีนในปัจจุบัน
ดีที่ได้บัตรเข้างานสีเหลืองส้ม ราคา 160 หยวน ต่อวัน ไม่ต้องรอคิวนาน ก็เดินเข้ามาในงาน พวกเราก็ตรงไปยัง Thailand Pavilion เป็นจุดหมายแรก
ขอบอกว่า รู้สึกภูมิใจในความเป็นคนไทยทันที เพราะคนไทยสามารถเข้าได้ทันที เหมือนมีอภิสิทธิ์ ไม่ต้องรอคิวยาวววว ไม่น้อยกว่า 2-3 ชั่วโมง ... ตามมาจะพาไปชมงาน World Expo 2010 ตลอด 2 วันเต็ม รวมใช้เวลาเกือบ 20 ชั่วโมง ในงานนี้
ที่มองเห็นคิวนี้ไม่ใช้แถวเดียว แต่วนไปวนมา ทบไปทบมาหลายชั้น แม้จะเวลา 3 ทุ่ม คิวของศาลาประเทศไทยก็ยังยาวอยู่
หลังจากเข้าไปใน Thailand Pavilion มีส่วนการแสดงอยู่ 3 โถง ประกอบด้วย
ห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ 1 จากต้นสายแหล่งกำเนิด: A Journey of Harmony
แนวคิด : วิถีแห่งน้ำ วัฎจักรแห่งชีวิต
“หลากวัฒนธรรม ผสมผสานอย่างกลมเกลียว บนผืนแผ่นดินทอง”
“เที่ยวทั่วถิ่น ดินแดนงาม สยามประเทศ”
ร่วมเดินทางย้อนผ่านกาลเวลาไปสู่ครั้งโบราณกาล สัมผัสบรรยากาศเริ่มแรกครั้งบรรพบุรุษไทยได้ก่อตั้งรกรากผ่านวิถีชีวิตความเป็นไทยแบบดั้งเดิมนับตั้งแต่เริ่มกำเนิดชาติไทย การหลอมรวมของคนหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรมภายใต้ผืนแผ่นดินทอง ที่มีวิถีการดำเนินชีวิตพึ่งพาธรรมชาติ จุดเริ่มต้นแห่ง “วัฒนธรรมสายน้ำ” ถ่ายทอดผ่าน “วัฎจักรของน้ำ” อันเปรียบดั่งเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตเกิดควบคู่ไปพร้อมๆ กัน ทั้งสอดแทรกความสำคัญของ “น้ำ” ที่ถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิต และเป็นสิ่งเชื่อมโยงวิถีชิวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเป็นการแนะนำภาพรวมของประเทศไทยและ “ความเป็นไทย” ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ก่อนเข้าสู่ห้องถัดไป
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย ด้วยความแตกต่างของชาติพันธุ์ที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว
หากมองที่ภาพบนจอข้างบนจะเห็นว่า หลังจบการนำเสนอจะนำภาพผู้เข้าชมในโหมด Face Detection แล้วเติมชฎาให้แต่ละคนแบบเรียลไทม์ เป็นลูกเล่นที่ดูน่ารักดี
ห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ 2 เกิดร้อยพันหลายวิถี: A Harmony of Different Tones
แนวคิด : ประเทศไทยกับการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ นำมาซึ่งวิวัฒนาการของแผ่นดิน
“ดินแดนแห่งอารยธรรม”
“อู่ข้าวอู่น้ำของโลก”
“มิตรจิตมิตรใจพร้อมมอบให้”
“สายสัมพันธ์ยาวนาน ไทย – จีน สองแผ่นดิน”
จากชาติที่มีเอกลักษณ์ วัฒนธรรมอันงดงาม มาถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับนานาชาติ รวมถึงความสัมพันธ์พี่น้องสองแผ่นดินไทย-จีนที่มีมาเนิ่นนาน ซึ่งการก้าวเข้ามาของต่างชาติคือก้าวแรกของการผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลาย (Blending of Diverse Cultures in the City) ที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตชาวไทยและพบเห็นได้ทั่วไปในสังคมไทยปัจจุบัน
นอกจากนั้นยังสื่อถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบท (Interaction between Urban and Rural Areas) ซึ่งถึงแม้กาลเวลาจะผันผ่านไปเช่นไร ความก้าวหน้า การพัฒนาได้ก้าวเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงดำรงอยู่ นั่นก็คือ วิถีชีวิตของคนไทยที่รักสงบ และคงไว้ด้วย “เอกลักษณ์ความเป็นไทย” อย่างไม่แปรเปลี่ยน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : ผู้เข้าชมงานเกิดความประทับใจกับความงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ในสังคมชนบท เห็นความเจริญก้าวหน้าทางด้านธุรกิจและเทคโนโลยีของสังคมเมือง เสริมให้เกิดกระแสการท่องเที่ยว เพื่อดึงเม็ดเงินเข้าประเทศไทยในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกซบเซา
เสียดายในส่วนที่ 3 ภาพที่ถ่ายจะเบลอๆ เนื่องจากเป็นการแสดงมัลติวิชั่น 4 มิติ ใส่แว่นชมภาพยนตร์ 3 มิติ สนุกมาก เป็นการนำเสนอสินค้าไทย เช่น รถบรรทุกแล่นมาแล้วเบรคกระทันหัน ทำให้ลูกมะพร้าวกลิ้งกระเด็นเข้ามายังคนดูแบบ 3 มิติ ทำให้แต่ละคนหลบ และร้องเสียงฮือฮา, ฝนตกก็มีเม็ดฝนหล่นจากบนเพดาน ทำให้รวมเป็น 4 มิติ เป็นต้น
ห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ 3 หลอมรวมชีวีสู่วิถีความเป็นไทย: Happiness through Harmony
แนวคิด : ปรัชญาพอเพียง ดั่งเทียนส่องสว่าง สู่หนทางแห่งความสุขอันยั่งยืน
“วิถีชีวิตไทยในศตวรรษที่ 21”
“ความสุขในทุกพื้นที่ ทุกอาชีพ ทุกชนชั้น”
“พระมหากษัตริย์ผู้นำความสุขสู่ปวงชน”
บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดในอาคารศาลาไทย ภายในห้องนี้นักท่องเที่ยวจะได้พบกับประเทศไทยในอีกแง่มุมหนึ่ง ที่ถึงแม้เปลือกนอกจะถูกฉาบด้วยเทคโนโลยี และความทันสมัยแบบต่างชาติ แต่ลึกๆ ลงไปยังแก่นแท้ของคนในชาติ เรายังคงอยู่อย่างเรียบง่ายภายใต้หลักการดำเนินชีวิต “พอเพียง” ที่สามารถปรับใช้ได้ในทุกระดับชนชั้น เพื่อดำรงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : ชาวต่างชาติได้เห็นถึงความสําคัญของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงปกครองประชาชนด้วยทศพิธราชธรรม ทรงเป็นดวงใจของคนไทยทั้งชาติ พระองค์ทรงวางแนวทางในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อชี้ให้เห็นถึงแนวทางการดํารงอยู่และปฏิบัติตน ของประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดําเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมทั้งการดําเนิน ชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และมีความรอบคอบเพื่อให้สมดุล และพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและกว้างขวางทั้งในด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอก
ที่มาของข้อมูล : http://thailandexpo2010.com/th/pavilion/
อยากให้ชมบรรยากาศยามค่ำคืน ซึ่ง Thailand Pavilion มีความงดงามไม่แพ้ใคร คิวยาวมากๆ แสดงว่ามีคนสนใจเข้าชมทั้งวันยันกลางคืนแม้จะ 3 ทุ่มแล้วก็ตาม
ก็แอบภูมิใจที่คนต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่ให้ความสนใจมากๆ ซึ่งประมาณ 1 ทุ่ม สำหรับ Pavilion อื่นๆ ก็ไม่ค่อยจะมีคิว สามารถเดินเข้าได้ง่าย
ชอบมากที่นำยักษ์วัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้ง มาคอยต้อนรับ แสดงออกถึงความสัมพันธ์ ไทย-จีน
อาจเป็นจุดหนึ่งที่สร้างความสนใจได้ดีมาก เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี
มีน้ำช่วยสร้างความชุ่มชื่น และใช้มังกรพันเกี่ยวกับพญานาค มาเป็นสื่อความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ความสัมพันธ์ของพี่น้องสองแผ่นดินไทย-จีน
วันแรกผ่านไป ... วันที่สองที่เข้ามาในงาน
ก็เดินผ่านมาให้กำลังใจ Thai Pavilion อีกครั้ง
วันนี้ท้องฟ้าสดใส เทียบกับเมื่อวานเจอฝนปรอยๆ ก็ได้รับอีกบรรยากาศ
ขอฝาก Thailand Pavilion ไว้ในอ้อมใจคนไทย และคนต่างชาติ ที่แวะมาชื่นชมความเป็นไทย
รู้สึกดีใจ และภูมิใจ เวลาเห็นสถาปัตยกรรมไทยในต่างแดน เพราะสวยโดดเด่น
ถือเป็น Pavilion ที่มีชีวิตชีวา เมื่อเข้าไปชม
และสร้างความประทับใจให้ทุกคนได้ เข้าใจประเทศไทย รู้จักประเทศไทย ในเวลาเพียงไม่กี่นาที