หลังจากชมสถาปัตยกรรมแปลกตาจากพาวิลเลียนต่างๆ มามากแล้ว ขอพาไปพักสายตา หาอะไรเขียวๆ สวยๆ ชมกันบ้าง ให้สมกับความเป็นต้นแบบของเมืองในอนาคตซักหน่อย
จากจุดนี้ ซึ่งอยู่บริเวณทางเข้าไปยังส่วนของ Expo Park ก็อดไม่ได้ที่จะรัวชัตเตอร์ เก็บสีสันธรรมชาติ มาไว้ชื่นชมกันนานๆ
ระหว่างเดินไปตามเส้นทาง มีป่าสนฝีมือมนุษย์อยู่เรียงราย
ด้วยความที่ถูกใจต้นไม้ตระกูลนี้ เลยประทับใจเป็นพิเศษ ที่ไม่ต้องดั้นด้นขึ้นดอยหรือภูต่างๆ ก็ได้เห็นอะไรแบบนี้
ก่อนเดินทางไปงาน Expo 2010 ครั้งนี้ ก็ได้ชมรายการทีวีรายการหนึ่ง พูดถึงประเทศจีน พยายามวางแนวทางของเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ ให้เป็นเมืองในอนาคต ซึ่งไม่เพียงแต่ความก้าวหน้า ความทันสมัยของอาคาร แต่พื้นที่สีเขียวของเมืองก็มีความสำคัญอย่างมาก
เราคงอยากได้พื้นที่พักผ่อน หลังจากทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวัน และต้องไม่ไกลจากบ้านที่เราอยู่ ไม่ใช่ต้องรอวันหยุด จึงต้องขับรถออกไปไกลๆ เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ คงเครียดแตกตายแน่
ซึ่งบ้านเรานั้น ไม่มีพื้นที่จัดสวนสาธารณะริมแม่น้ำมากนัก ซึ่งทำให้เราไม่ค่อยได้สัมผัสกับธรรมชาติ และอากาศที่มีลมพัด กลายเป็นว่าหลายๆ จุดของกรุงเทพฯ ไม่ได้พัฒนาพื้นที่อย่างคุ้มค่า
สังเกตจากเมืองอื่นๆ มักจะมีทางเดินหรือพื้นที่สำหรับพักผ่อนไปตามแม่น้ำลำคลองหลักของเมืองนั้นๆ อย่างแม่น้ำหวงผู่ (Huangpu River) สายนี้
เราในฐานะคนกรุงเทพฯ คงได้แต่มอง และนึกอิจฉาเมืองอื่นๆ ไปแบบนี้
จะเห็นได้ว่า ผู้คนโดยสารเรือเพื่อมายังงาน Expo 2010 จำนวนมาก นอกเหนือจาก รถไฟใต้ดิน (Subway) ที่มีสถานีโผล่ขึ้นในงาน รวมไปถึงที่เดินทางโดยรถอีกจำนวนมาก ... มองเห็นตึก Shanghai World Financial Center (SWFC) อยู่ตรงซ้ายของภาพพอดี เป็นตึกที่สูงที่สุดของเมืองนี้
เราคงต้อง สามัคคีกัน เรียกร้องพื้นที่สีเขียวริมแม่น้ำมากขึ้นในกรุงเทพฯ เวนคืนที่รกร้าง หรือไม่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวมคืนมา ... แต่กลัวตำรวจจับหาว่าปลุกระดม
กลับมาชื่นชมความงามกันต่อดีกว่า ลืมเรื่องที่คงเป็นไปไม่ได้ไว้ก่อน
ดูสวนเป็นธรรมชาติดี ซึ่งสวนสาธารณะบ้านเรา จะไร้ความเป็นธรรมชาติ จะตัดหญ้าจะเรียบแปร้ ตัดแต่งต้นไม้เป็นรูปร่างหรือรั้ว ดูแล้วแข็งกระด้าง
และสวนบ้านเรา คือ สวนต้นไม้จริงๆ ไม่มีสัตว์มาผสานให้มีชีวิตชีวาแบบนี้
แล้วคนเมืองก็มีโอกาสถ่ายภาพได้ ไม่ต้องไปไกลถึงนอกเมืองเหมือนบ้านเรา
เห็นห่านขาว ... ว่ายอยู่ ในบึงใหญ่ (ใช้ทำนองเพลง "บัวขาว" นะ)
เมื่อหลายปีก่อน เคยเห็นเป็ดว่ายเป็นฝูงที่สวนลุมพินี แต่หลังตรุษจีน พวกมันหายไปไหนหมดไม่รู้ซิ สงสัยโดนตุ๋น
หลังจากรู้ตัวว่า โดนปาปาราสซี่แอบถ่าย พวกมันก็หลบไปจู๋จี๋กันต่อในที่ลับตาคน
บรรยากาศน่านอนเสียนี่กระไร
แต่ขอเพลินกับการถ่ายภาพ แทนการงีบแล้วกัน
เมื่อกี้พูดถึงเป็ด ... เป็ดก็มาเลย
ไม่นานนัก พวกมันก็เดินหายเข้าไปในพงหญ้านี้ คงเป็นรังของพวกมัน ... ก๊าบๆ
พูดถึง "บัวขาว" ก็เจอกอบัวเข้าอย่างจัง เพิ่งเข้าใจว่า บัวก็อยู่ในในเมืองที่อากาศหนาว ซึ่งเข้าใจผิดมาตลอดว่า บัวเป็นพืชเมืองร้อน ออกดอกเฉพาะที่มีแดดจ้า
ชอบรูปแบบการจัดสวนที่มีสีสัน และดูเป็นธรรมชาติ
เห็นเขาใช้เลนส์เทเล (Tele) ถ่ายภาพแล้วอยากลองดูบ้าง
ภาพที่ได้คงจะ หน้าชัดหลังเบลอ ประมาณนี้กระมัง
ซึ่งหากใช้เลนส์เทเล ถ่ายภาพบุคคล ก็ได้อีกสไตล์ อีกอารมณ์ของภาพ
แต่เห็นน้ำหนักเลนส์แล้ว คงต้องฝึกยกดรัมเบลทุกวัน ซัก 2-3 เดือน ไม่งั้นแขนเดี๊ยงแน่ หากเดินแบกทั้งวัน
ก็ต้องถ่ายสลับแบบเลนส์ไวด์ (Wide) กันบ้าง
นอกจากนั้น ยังต้องใส่ใจองค์ประกอบภาพ เพื่อให้ภาพนั้นอธิบายความหมายในภาพไปด้วย อย่างภาพนี้ แสดงถึงมีรุ่งเรือง ก็ต้องมีร่วงโรย สลับกันไป
การจัดองค์ประกอบภาพ ที่มีทั้งฉากหน้า และฉากหลัง ก็มีความสำคัญในการถ่ายภาพเช่นเดียวกัน
ชอบมากเวลาเห็นริ้วคลื่น จากลมพัดเอื่อยๆ แบบนี้
หากใครชอบถ่ายภาพสไตล์มาโคร (Macro) คงต้องหาเลนส์ที่ช่วยถ่ายวัตถุได้ใกล้ๆ
แต่ยอมรับว่า ไม่ค่อยถนัดกับแนวนี้เท่าไรนัก
แต่ถนัดแนว ปาปาราสซี่ แอบถ่ายคู่รักที่กำลังจู๋จี๋กันแบบนี้มากกว่าอ่ะ ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ยังไม่ครบทั้งสวนในเอนทรีนี้ มาติดตามชมต่อไป รับรองจี๊ดกว่านี้อีก ... จัดไป