Disable Preloader




หนีงานไปลั้นลาที่ World Expo 2010 Better City, Better Life

ยังคงเดินอยู่ภายใน Expo Park ซึ่งเป็นระยะทางยาวขนานไปกับแม่น้ำหวงผู่ มองดูบรรยากาศความสุขของครอบครัวและผู้คนที่มาเดินพักผ่อน ตรงตามแนวคิดที่ว่า "Better City, Better Life"

สำหรับใครที่เดินชมพาวิลเลียนต่างๆ แล้ว ก็อยากแนะนำให้มาเดินเล่นในสวน เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง

เปลี่ยนจากภาพการเบียดเสียดของผู้คน มาเป็นการเบียดเสียดของดอกไม้ดูบ้าง

มีการจัดทำเป็นเนินและเต็มไปด้วยดอกไม้ ดูเป็นธรรมชาติ และมองเห็นสะพานที่เดินผ่านมา อยู่ไม่ไกลนัก

จากมุมนี้ จะมองเห็นหอไข่มุก ที่เป็นยอดแหลมๆ ทางซ้าย และตึก SWFC รูปกระเป๋าหิ้วทางขวามือ ต่างเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ไปแล้ว แต่เดี๋ยวตอนท้ายของเอนทรีนี้ จะพาไปดูสิ่งแปลกใหม่ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซี่ยงไฮ้อีกอย่างหนึ่งก็เป็นได้

ชอบสะพานไม้แถมยังทำโค้งสวยงามอีกด้วย

ทำให้ดูเข้ากับกับธรรมชาติได้ดีกว่า การทำสะพานปูนและทาสีฉูดฉาด

แต่ไปเน้นสีสันของการจัดแต่งสวนแบบนี้จะดีกว่า เลือกใช้สีเหลืองมาตัดกับสีม่วง แม้เป็นสีตรงข้ามกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบสามัคคี

เห็นดอกตูมของต้น "ดอกไม้จีน" เหล่านี้แล้วคิดถึงเมนู "ดอกไม้จีนผัดน้ำมันหอย" ขึ้นมาทันที

หรือจะทานคู่กับ "ปลานึ่งซีอิ้ว" ก็คงไม่ว่ากระไร แต่ขอบอกว่า อย่าทานปลาคาร์ฟ เพราะมันไม่อร่อย เคยมีเพื่อนเลี้ยงปลาคาร์ฟแล้วมันตาย ด้วยความเสียดาย จึงนำไปลองนึ่งดู ผลคือ รสชาดไม่ได้เรื่อง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "สวยแต่รูป แต่รสชาดอาจไม่ลงตัว"

พวกมันว่ายไปมาทั้งวัน เป็นกลุ่มดูแล้วเพลินดี

แม้จะหลากสี แต่ก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบ

สวนสาธารณะมักจะเป็น Art Gallery กลางแจ้งไปด้วยเสมอ เพราะไม่เพียงแต่เสพความสุขจากธรรมชาติ แต่ก็สอดแทรกการเสพผลงานศิลปะ ให้สมองได้จินตนาการไปด้วย

เอ๊ะ! นั้นดอกอะไร

ชื่ออะไรไม่รู้ แต่ก็ดีกว่าการนำป้ายชื่อมาติดให้รกสายตา

เอาเป็นว่า ไม่ต้องถามชื่อ แต่ขอชื่นชมความงามของสีสันแทนแล้วกัน

ที่สำคัญ "ห้ามเด็ดดอกไม้" แต่พยายามมองหาป้ายอีกอัน "ห้ามยิงกระต่าย" แต่ก็หาไม่เจอ

ต้นนี้รู้จัก "แพงพวย" แต่บ้านเขาทำไมดอกใหญ่และแทบจะบังใบมิดทั้งพุ่ม

เป็นการสร้างความเด่น โดยกล้านำสีชมพูของแพงพวย ตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว

ดูเหมือนเกาะกลางทะเล

ตามทางเดินก็มีม้านั่ง ที่ไม่ลืมใส่ศิลปะสีสันและเส้นโค้งเว้า ให้เข้ากันกับทางเดิน แทนการใช้ม้านั่งแบบเดิมๆ ที่เรามักจะเห็นในสวนสาธารณะบ้านเรา

มองไปอีกฝั่ง งานศิลปะก็กลายเป็นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นไปซะแล้ว

ชมนก ชมไม้ ... ครบเซ็ต

มาถึง Expo Axis และมองเห็น China Pavilion สะท้อนน้ำ

และคิดว่า อาคารนี้น่าจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองเซี่ยงไฮ้ในอนาคตก็เป็นได้

มันช่างยิ่งใหญ่ อลังการจริงๆ ตั้งใจจะขึ้นไปเดินข้างบน แต่ไปยืนคิวประมาณ 20 นาที แล้วก็ถอดใจ เพราะแถวยาวมาก และขยับช้ามากๆ

เป็นเรื่องสำคัญและใกล้ตัวมาก เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับบ้านเมืองของเรา ซึ่งไม่ทราบว่า ต่อไปจากนี้อีก 5 ปี 10 ปี หรือไกลกว่านั้น จะออกมาในรูปแบบใด ในขณะที่เซี่ยงไฮ้เขานำเสนอแนวคิดเมืองในอนาคตไว้แล้ว ตรงตามคอนเซ๊บป์ "Better City, Better Life"

ไม่พูดดีกว่า เพราะยิ่งพูด ยิ่งหิว

หลังจากอิ่มก็ขอเดินย่อย กลับมาในมุมที่เคยผ่านมา แต่วันนี้ไม่มีฝนตกพรำเหมือนเมื่อวาน

มอง "Saudi Arabia Pavilion" แล้ว นึกถึงประเทศที่เป็นทะเลทราย แต่เขาสามารถเนรมิตให้มีต้นไม้และป่าได้ เคยได้ยินมาว่า เขามากว้านซื้อดินจากกองขยะหนองแขมบ้านเรา ไปถมและปลูกพืชเพราะนั่นคือ ปุ๋ยชั้นดี ในขณะที่บ้านเรามีป่าไม้สมบูรณ์ แต่ถูกลักลอบตัด อีกหน่อยเราจะเอาเงินจากไหนไปปลูกป่าทดแทน เพราะเราไม่ได้มีบ่อน้ำมันสร้างรายได้

ที่เห็นรถบัสวิ่งไปมาแบบนี้ เป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด โดยไม่สร้างมลพิษทางอากาศแต่อย่างใด จะมีปัญหามลพิษจากควันบุหรี่เท่านั้น ซึ่งคนจีนสูบบุหรี่เยอะมาก เดินหลบยังไงก็ต้องเจอกลิ่นควันบุหรี่

จากมุมนี้ ได้เห็นหอไข่มุก และ SWFC อย่างเต็มๆ และจานบินทางซ้ายมือ

นี่ไงของเรียกว่า "จานบิน" น่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างดี แม้งาน Expo 2010 จะหมดลง

และที่ขาดไม่ได้ คือ "China Pavilion" ที่จะอยู่ในความทรงจำของผู้มาเยือน Expo 2010 ตลอดไป ได้ชื่นชมและได้ความรู้ใหม่ๆ ก็ต้องขอโอกาสนี้ ขอบคุณเจ้าภาพ "ประเทศจีน" และชาวจีนทุกคน รวมทั้ง ประเทศต่างๆ แต่ละพาวิลเลียน ที่ทำให้เห็นว่า "ทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถสร้างได้ หากมีความตั้งใจ และความร่วมมือกัน"

จบบริบูรณ์

หากชื่นชอบเรื่องราว สามารถร่วมโหวต "Thailand Blog Awards 2010" ได้ที่นี่ ขอขอบคุณในทุกคะแนนและมาติดตามเรื่องราวอื่นๆ ต่อไปนะครับ กดได้เลยครับ (+)