หากถามว่า ทำไมจึงอยากมาเที่ยวปักกิ่ง หนึ่งในรายการที่ตั้งใจไว้ ก็คือ อยากมายืน ณ จุดนี้ "จัตุรัสเทียนอันเหมิน" (Tian'an Men Square) เป็นภาพที่เรียกได้ว่า เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศจีนก็ว่าได้ ซึ่งเคยเห็นภาพนี้บ่อยครั้งในจอทีวี และก็สงสัยต่อไปว่า มีอะไรในนั้น โดยที่ผมก็มายืนแบบงงๆ เพราะไม่ได้ศึกษาอะไรมาก่อนเลย กะมาเปิดหูเปิดตา รับทราบเรื่องราวไปพร้อมๆ กับชมสถานที่ไป
รถบัสพาเราเดินทางมาถึงบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน ได้เวลาลงรถไปผจญความหนาวติดลบกันแล้ว แต่พวกก็เลือกมาช่วงหนาว เพราะอยากโต้ลมหนาวของจริง ขืนมาเที่ยวปักกิ่งหน้าร้อน คงแย่แน่เพราะร้อนมาก และอาจเจอพายุทะเลทรายเป็นของแถมอีกด้วย
แม้จะไร้ใบ แต่สวยท้าความเหน็บหนาว ให้ได้ชื่นชม
ธงไทยไปพริ้วสะบัดบริเวณจัตุรัส เราจะได้ไม่หลงกัน แต่อย่าเผลอนะ เพราะเห็นธงไทยอยู่อีกหลายกลุ่ม แสดงว่าเราคนไทย หนีร้อนมาสู้หนาวกันหลายกรุ๊ป ... มองเห็น "หอธนู" อยู่ด้านบน กับ "เฉียนเหมิน" ซึ่งเป็นประตู 2 ชั้น
ไม่ลืมที่จะบันทึกภาพความงามสถาปัตยกรรมที่อยู่รายรอบจัตุรัสแห่งนี้
เดินข้ามถนนไปยังบริเวณที่ถือได้ว่า เป็น "หัวใจ" ของปักกิ่ง ในด้านสภาพภูมิศาสตร์ จิตวิญญาณ และประวัติศาสตร์ ที่ดึงดูดให้ใครต่อใคร อยากมาท่องเที่ยวยังสถานที่แห่งนี้
เป็นที่ทราบกันว่า "จีน" นั้น จะสร้างอะไรซักอย่าง ต้องยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน อย่างเสาเหล่านี้ดูขนาดเมื่อเทียบกับตัวคน
นั่นเขากำลังเข้าคิวอะไรกัน
คงจะรอเข้าไปชมภายใน "อนุสรณ์สถานประธานเหมา" อาคารที่เห็นในภาพ ซึ่งเป็นที่ตั้งโลงบรรจุศพประธานเหมาเจ๋อตง อยู่กลางห้องโถงในอาคาร ซึ่งท่านถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1976 โดยอนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างขึ้นภายใน 1 ปี โดยศพของท่านอยู่ในโลงแก้วคลุมธงชาติสีแดง ตั้งบนแท่นในหอกลางของจัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยโลงศพจะถูกยกขึ้นจากห้องเย็น เพื่อให้ประชาชมเข้าชมวันละ 2 ครั้ง
จากมุมนี้ จะมองเห็น "มหาศาลาประชาชน" ครอบคลุมพื้นที่กว่า 170,000 ตารางเมตร ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมพรรคและรัฐสภาแห่งชาติ ในห้องโถงขนาดใหญ่ขนาด 3,000 ตารางเมตร อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของ สำนักงานคณะกรรมการถาวรแห่งสภาประชาชน นอกจากนี้ยังมีอีก 30 ห้อง ตั้งชื่อตามมณฑลต่างๆ ของจีน และพื้นที่บางส่วนยังจัดเป็น "พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติจีน" อีกด้วย
กลางจัตุรัสยังเป็นที่ตั้งของ "อนุสาวรีย์วีรบุรุษของประชาชน" ซึ่งมีความสูงถึง 40 เมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1958 และปรากฏจารึกว่า "วีรบุรุษของประชาชนเป็นอมตะ" จากงานเขียนของประธานเหมา โดยที่ฐานมีการตกแต่งด้วยภาพนูนเล่าเรื่องราวของการปฏิวัติ ประกอบลายมือเขียนของ เหมาเจ๋อตง และ โจวเอินไหล
เริ่มเดินเข้าไปใกล้ประตูสวรรค์สันติ หรือประตูเทียนอันเหมิน นั่นเอง เป็นเครื่องหมายการเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิ สร้างขึ้นในราชวงศ์หมิงเมื่อปี ค.ศ. 1417
ได้มองเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเอง หลังจากได้ชมภาพผ่านจอทีวีบ่อยครั้ง ภาพของประธานเหมาเจ๋อตง ผู้ประกาศก่อตั้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 ซึ่งท่านได้ประกาศสถาปนาระบอบสาธารณรัฐประชาชนจากเฉลียงบนหอสูง 34 เมตร นี้
ตอนบนของประตูทางเข้ากลาง จึงแขวนภาพเหมือนที่เป็นทางการล่าสุดของประธานเหมา พร้อมด้วยคำขวัญ "สาธารณรัฐประชาชนจีนจงเจริญ" และ "เอกภาพของประชาคมโลกจงเจริญ"
ต้องบอกว่า เพราะท่านในวันนั้น เราจึงได้เห็นจีนในวันนี้
เราเดินลอดใต้ถนน เพื่อตรงไปยังประตูทางเข้าพระราชวัง
เป็นที่สังเกตว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีน ก็มาท่องเที่ยวอยู่ด้วยจำนวนมาก แบบนี้เรียกว่า "จีนเที่ยวจีน" ก็คงจะได้
คงไม่แปลก เพราะคนจีนปัจจุบันร่ำรวยขึ้น ลูกหลานก็ส่งเงินให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย มาท่องเที่ยวกัน จึงไม่แปลกที่จะเห็นคนจีนมาเที่ยวกันแต่ละเมือง เพราะประเทศของเขาใหญ่โตเหลือเกิน อีกทั้งยังมีสถานที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่แห่งนี้ ถือเป็นเมืองหลวง และยังเป็นจัตุรัสที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้
ได้เวลาเข้าสู่บริเวณภายใน ก้าวข้ามสะพานหินอ่อนห้าสะพาน ทอดข้ามแม่น้ำทองไปยังช่องทางเข้าทั้ง 5 ช่อง ซึ่งทางเข้ากลางนั้น สำหรับองค์จักรพรรดิ สองช่องทางเข้าถัดไปทั้งซ้ายและขวา สำหรับองค์ชายทั้งหลาย ส่วนช่องทางเข้านอกสุดทั้งสองด้าน สำหรับข้าราชบริพารชั้นสูง
อาคารโครงสร้างไม้หลังยาวแห่งนี้ มีเสาสีแดงด้านหน้าและหลังคากระเบื้องสองชั้น ประดับด้วยมังกรและสัตว์ในนิยาย
ยิ่งใหญ่อลังการ ยิ่งนัก
นี่แค่น้ำจิ้ม เดี๋ยวเอนทรีต่อไป จะพาไปยังส่วนออเดิฟ ไปจนถึงจานหลัก และของหวาน รับรองประทับใจ "ปักกิ่ง" อย่างแน่นอน