ด้วยความยิ่งใหญ่ของพระราชวัง จนทำให้นึกไปว่า แล้วไม่มีสวนพักผ่อนหย่อนใจเชียวเหรอ? คำตอบ คือ "มี" และจะพาไปชมในเอนทรีนี้ด้วย
ในช่วงที่เดินทางไปนั้น จะเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2009 ซึ่งปกติแล้วหิมะยังไม่ตกในช่วงเวลานี้ แต่ที่เห็นหิมะดังกล่าว คงเกิดจากเมื่อช่วงต้นเดือน ทางรัฐบาลจีนได้ทำ "หิมะเทียม" ซึ่งทำให้หิมะแรกของปี ตกลงมาในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2009 ขอบอกว่า เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์จีน ก้าวไกลไปถึงขั้นบังคับหิมะได้แล้วจริงๆ
มองเห็นเจดีย์ขาว (White Dagoba) สไตล์ทิเบตสูง 36 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1651 เป็นที่ระลึกการมาเยือนขององค์ดาไลลามะที่ 5 ... มองเห็นได้อยู่ไม่ไกลบนเขาถ่านหิน (เม่ยซาน หรือเรียกอีกอย่างว่า จิ่งซาน แปลว่า ภูเขาเหมืองแร่) สูงประมาณ 60 เมตร มีสวนเป่ย์ไห่ (Bei Hai Park) เป็นอุทยานหลวงอายุกว่า 1,000 ปี เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926
เจอเข้ากับสิงโตคู่อีกแล้ว แต่เป็นสีทองและตัวเล็กกว่าตัวที่เห็นก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวนี้ตัวเมียแน่นอน เพราะกำลังหยอกเล่นกับลูกอยู่
เราก็ชื่นชมไปกับศิลปะสวยงาม ไปทุกมุมไม่เว้นแม้กระทั่งกำแพง
รวมไปถึงประตู
แนวแกนกลางพาดผ่านกำแพงเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นในทางประตูบริสุทธิ์สวรรค์ (เฉียงชิงเหมิน) ทางช่องประตูนี้ จักรพรรดิราชวงศ์ชิงจะทรงรับฟังการถวายรายงานจากข้าราชบริพารชั้นสูง และทรงรับสั่งการตัดสินพระทัยและพระราชดำริ รวมทั้งการถวายฎีกาก็ได้กระทำ ณ ที่แห่งนี้
ด้วยอากาศไม่กี่องศา ทำให้รู้สึกว่าเดินได้สบายมาก จะได้คลายความหนาวลง ทั้งที่เดินมาหลายกิโลเมตร
นักท่องเที่ยวคนจีนเอง ก็มีจำนวนมาก หรืออาจจะมากกว่านักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ ด้วยซ้ำ แบบนี้ไม่ต้องรณรงค์ จีนเที่ยวจีน ก็มากันอยู่แล้ว
มองเห็น "พระที่นั่งบริสุทธิ์สวรรค์" (เฉียงชิงเหมิน) อย่างเต็มตา ขอบันทึกภาพไว้อย่างเต็มอิ่ม
ขออีกมุม ... แช๊ะ!
ขอซูมแบบใกล้ๆ ให้เห็นรายละเอียด ความประณีตในทุกรายละเอียด
ใบบริเวณนี้ยังมีตำหนักที่น่าสนใจภายในพระราชฐานชั้นใน อาคารเหล่านี้เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดินี พระสนม พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพาร
พระตำหนักหนึ่งที่มีความน่าสนใจที่สุดหลังหนึ่งในบรรดาหมู่พระตำหนัก คือ พระตำหนักผลินิรันดร์ (ฉางชุนกง) ซึ่งเป็นที่ประทับของจักรพรรดิเฉียนหลงในช่วงแรก
และพระนางซูสีไทเฮาในเวลาต่อมาพระนางได้ทรงรับสั่งให้ตกแต่งฝาผนังด้วยภาพจากวรรณกรรมอันมีชื่อเสียงเรื่อง "ความฝันในหอแดง"
มาเจอเข้ากับอะไรอย่างหรือ ทราบหรือไม่คืออะไรเอ่ย?
เฉลย "นาฬิกาแดด" ถูกต้องนะคร๊าบ!
บันทึกภาพให้เห็นภายในพระตำหนัก ได้สัมผัสอย่างใกล้หลังจากที่ได้ดูหนังจีนฮ่องเต้ ฮองเฮา มาตั้งแต่เด็ก และรู้สึกว่าเป็นสถานที่ที่ยังคงความน่าเกรงขาม ลึกลับอย่างบอกไม่ถูก
พาเดินมาตั้งนาน ได้เวลาพาชมสวนในพระราชอุทยาน (หยูฮวาหยวน หรือ Imperial Garden) มีเนื้อที่ประมาณ 7,200 ตารางเมตร ซึ่งจักรพรรดิเฉียนหลงทรงบันทึกไว้ว่า "ผู้ปกครองทุกคน ควรมีสวนสำหรับเดินเล่นและพักผ่อนหย่อนใจ ยามเมื่อเสร็จภารกิจ"
สวนนี้เก่าแก่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม มีศาลาสวยงาม 2 แห่ง
มองขึ้นไปบนเพดาน จะเห็นแสงลอดในช่องเพดาน ช่วยให้เห็นลวดลายอย่างสวยงาม
ภายในสวนยังมีต้นไม้เก่าแก่จำนวนมาก ซึ่งยังรักษาไว้อย่างดี
อย่างต้นสนเหล่านี้ คงผ่านร้อนผ่านหนาวมานับหลายร้อยปี
แสดงถึงความเก่าแก่ ทนทาน สีทนได้
อาคารประธานของสถานที่แห่งนี้ คือ พระที่นั่งจักรพรรดิเสถียร (ฉินอันเตี้ยน) ซี่งประดิษฐานเทพเจ้าในลัทธิเต๋า บนเสาหินขนาดใหญ่เป็นที่ตั้งพลับพลาจักรพรรดิพิสุทธิ์ ซึ่งมีอายุตั้งแต่สมัยจักรพรรดิว่านลี่แห่งราชวงศ์หมิง
สมควรแก่เวลา ในการพาเที่ยวชม พระราชวังต้องห้าม แห่งนี้อย่างประทับใจในความยิ่งใหญ่ เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในหนังจีนที่ชมกันตั้งแต่วัยเด็ก
มาถึงเขาถ่านหิน ตามแนวคิดทางหลักฮวงจุ้ยของจีน เชื่อกันว่าเป็นสิ่งป้องกันพระราชวังจากอำนาจอันชั่วร้าย
แต่ในโปรแกรมที่เรามาท่องเที่ยว ไม่ได้เข้าไปเที่ยวยังสวนในเขาถ่านหิน ซึ่งไว้โอกาสหน้าหากมาเที่ยวปักกิ่งแบบตะลุยเที่ยวแบบไม่ง้อไกด์ จะต้องหาโอกาสขึ้นไปเที่ยวชมตามเส้นทางทะเลสาบทางทิศเหนือของพระราชวังในเส้นทาง เขาถ่านหิน - สวนสาธารณะเป่ย์ไห่ - กำแพงเก้ามังกร - สวนศึกษาความสงบ - หอกลอง - วัดเจดีย์ขาว อย่างแน่นอน
มีการขุดคูเมืองและทะเลสาบเทียม รวมทั้งการรื้อถอน "ต้าตู" นครหลวงของราชวงศ์หยวน เศษดินและอิฐหินได้ถูกนำมากองรวมกันเป็นภูเขาห้ายอด บนยอดเขาแต่ละยอดมีศาลาตั้งอยู่ จึงได้ชื่อเรียก "เขาถ่านหิน" เพราะเหตุนี้ ตามหลังฮวงจุ้ยนั่นเอง
เรียกให้น้องช่วยเป็นนายแบบและนางแบบ จะลองถ่ายภาพในเมืองจีนให้ดูแบบ เกาลี้ ... เกาหลี ซะหน่อย แช๊ะ!
บรรยากาศดูเงียบสงบ อย่างบอกไม่ถูก ผืนน้ำแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง
มองเห็น ส.ว. ชาวจีนกำลังสุมหัวกัน มีทั้งนั่งทานข้าวและจั่วไพ่กัน และแขวนนกใครนกมันไว้เต็มไปหมด
แต่ก็ยังเป็นเสน่ห์ของคนจีนที่ยังผสานวิถีชีวิตแบบเก่าและใหม่ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แม้วันนี้คนรุ่นใหม่จะซิ่งเจ้ามินิคูเปอร์ แต่ก็ยังมีคนซิ่งจักรยานอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสามัคคี