Disable Preloader




ใครๆ ก็ไป "ปักกิ่ง" ตอนที่ 7 : พาไปชม สนามแข่งขันโอลิมปิก 2008

เหตุผลหนึ่ง และเป็นเหตุผลแรกที่ทำให้อยากมาเที่ยวปักกิ่งในทริปนี้ คือ อยากมาเห็น "สนามกีฬารังนก" ว่าจะยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างขนาดไหน อีกทั้ง "สนามกีฬาฟองน้ำ" ที่อยู่ใกล้ๆ กัน

ด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ผุดขึ้นท่ามกลางมหกรรมกีฬาระดับโลก ซึ่งมีขนาดใหญ่ยักษ์ จนมองเห็นคนตัวเล็กนิดเดียว ... จนคิดไปเองว่า "จีน" บอกชาวโลกว่า "เล็กๆ ไม่ ... ใหญ่ๆ ทำ" ซึ่งต้องยิ่งใหญ่ที่สุดเท่านั้น

นี่คงเป็นแค่การเช็ดกระจก และทำความสะอาดตึก ไม่ใช่การแสดงโชว์ เพราะจำได้ว่าเพิ่งดูพิธีเปิดกีฬาเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กวางโจว ก็มีการแสดงชุดที่มีการชักรอกคน เพื่อแสดงเป็นนกกำลังกระพือปีกบนท้องฟ้าได้สวยงาม และประทับใจในความพร้อมเพรียงมากๆ

แน่นอนว่า มีการสร้างโรงแรมใหม่ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงการแข่งขัน อย่างที่เห็นนี้เขาว่า เป็นโรงแรมระดับ 7 ดาว อยากรู้จังว่า จะหรูเลิศขนาดไหน ช่วยเชิญไปพักฟรีหน่อย จะรีวิวให้ชมกัน

มองเห็นศูนย์กีฬาทางน้ำ (National Aquatic Center) ที่มีรูปทรงเหมือนลูกบาศก์น้ำ ที่โครงสร้างประกอบไปด้วยเหล็กโครงข่าย ที่เป็นที่ยึดถุงลมเทฟลอนน้ำหนักเบาจำนวนมากคล้ายฟองสบู่ ทำให้ทั้งดูโปร่งแสง ช่วยลดปฏิกริยาเรือนกระจก และใช้พลังงานความร้อนในอาคารและสระว่ายน้ำลดลงถึง 30%

และแสงสว่างที่ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 55% จุผู้ชมได้ถึง 17,000 คน ซึ่งใครอยากเห็นอาคารแบบนี้ สามารถไปดูได้ใกล้บ้านเราอีกแห่งที่ "มาเก๊า" ซึ่งสร้างเลียนแบบใกล้เคียงมากและยังอยู่ระหว่างการฟ้องร้องเรื่องการสร้างเลียนแบบกันอยู่

ซึ่งไม่มีโอกาสได้เห็นแสงสีแบบนี้ ในช่วงที่อยู่ใน "ปักกิ่ง" แต่เคยเห็นอาคารเลียนแบบนี้ และเปิดไฟมีสีสันที่ "มาเก๊า" แทน

หากดูจากแผนผัง จะบอกว่าเราอยู่ไม่ไกลจากสนามกีฬารังนกแล้ว

ระหว่างเดินไป ยังผ่าน National Indoor Stadium ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่ม ที่มีหลังคาเหมือนรูปคลื่นที่เด่นสะดุดตาแต่ไกล ตัวอาคารใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซล่าร์บนหลังคาตาราง ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากแกนพัดของจีน

มองย้อนกลับไปยังโรงแรม 7 ดาว ... ฝากไว้ก่อนนะ โอฬาร

มองเห็นตึก Digital Beijing รูปร่างไฮเทค ... เดินไป ถ่ายภาพไป ... แช๊ะ!

ซึ่งต้องระมัดระวัง พื้นลื่นๆ จากหิมะอีกด้วย

หยุดถ่ายภาพให้น้องๆ ... แช๊ะ!

ชอบที่มีประติมากรรม มาวางตามจุดต่างๆ ช่วยเพิ่มความหมาย และความสวยงามให้อีกด้วย

ในที่สุด พวกเราก็มาถึงแล้ว ... เย้!

น้องบอกขอบินซะหน่อย มาถึงรังนกทั้งที

สนามกีฬาแห่งชาติ (National Stadium) ซึ่งออกแบบโครงสร้างแบบรังนก เพราะจีนต้องการลดงบประมาณการก่อสร้าง จากเดิมที่จะออกแบบให้มีคานเหล็กจำนวนมาก เพื่อซ่อนกลไกสำหรับหลังคาที่เปิด-ปิดได้

สนามนี้สามารถจุผู้ชมได้ถึง 91,000 คน ซึ่งใช้ในการจัดพิธีเปิดปิด และสนามฟุตบอลกับสนามแข่งขันกรีฑาอีกด้วย

ขอนำธงไทยไปโบกสะบัด

ว่าพวกเราก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิคเช่นเดียวกัน

โดยรอบก็มีนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติ และชาวจีนที่หาโอกาสมาชมสนามกีฬาระดับโลกเช่นกัน ... ดูกางเกงเจ้าหนูน้อยนั้นซิ

ในช่วงที่เดินทางไป ทางประเทศจีนได้เนรมิตให้มีหิมะเทียมและลานสกี ภายในสนามกีฬารังนก เพื่อรองรับกีฬาฤดูหนาว ถือเป็นการใช้สนามกีฬาได้คุ้มค่ากับการลงทุน

ได้ยินเสียงนกกำลังบินไล่จิกกัน เพื่อแย่งรังนก ... หรือแย่ง สนามกีฬารังนก

จึงยกกล้องขึ้นถ่าย เห็นลีลาโฉบเฉี่ยว

ดูเหมือนการแสดงการบินผาดโผน

แม้ได้ชื่นชมแค่เพียงภายนอก แต่ก็ทึ่งกับรูปทรงและถือเป็นดาวเด่นของสถาปัตยกรรมในปัจจุบัน

สร้างความประทับใจ ไม่ลืมเลือน

และก็ได้ภาพประทับใจ ในมุมสวยๆ มาไว้เป็นที่ระลึก

และถูกใจเส้นทางจักรยานแบบนี้

หลังจากนั้น พวกเราก็เดินทางต่อไปชิมชาจีน ระหว่างทางก็เก็บบรรยากาศรอบข้างไปด้วย

มีใบชาหลากหลาย ไว้ให้เลือกอุดหนุนกัน

มองเห็นอ่างเลี้ยงปลาในร้านขายใบชา นี่คงใช้หลักของฮวงจุ้ยอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับที่เห็นแผนผังสนามกีฬาโอลิมปิคใบนี้ บนหน้าต่างตู้ยามของสนามกีฬา แสดงว่ามีการออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เป็นรูปมังกรนั่นเอง

มองเห็นแม่ค้าขายพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาล เรียกได้ว่า "คนจีน" มีความเป็นพ่อค้าแม่ขายกันในทุกคน ซึ่งเห็นแล้วก็ต้องชื่นชมในความขยันและอดทน

จากนั้น พวกเราคนไทยก็เข้าสู่โหมด "ช๊อปกระจาย" ก่อนไปรับประทานอาหารกันที่ภัตตาคาร ... เรียกได้ว่า แม้จะมีเวลาแค่ 1-2 ชั่วโมง สำหรับการช๊อปปิ้งในวันนี้ ก็สามารถได้ของถูกใจกันเยอะ

แล้วพวกเราก็มารับประทานอาหารค่ำ ใกล้ๆ กับสนามกีฬารังนก พอดี ทำให้มีโอกาสได้ชื่นชมความงดงามยามค่ำคืน แม้จะแค่บางส่วน แต่ก็ชื่นใจแล้ว