Disable Preloader




ใครๆ ก็ไป "ปักกิ่ง" ตอนที่ 8 : มาถึง "กำแพงเมืองจีน" ไม่ปีนได้ไง

เชื่อว่าเป้าหมายอันดับแรกที่อยากมาเที่ยวปักกิ่งของทุกคน น่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การมาเดินเที่ยวบนกำแพงเมืองจีน หรือ กำแพงหมื่นลี้ (ว่านหลี่ฉางเฉิง) สิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลก

หลังจากรถบัสพาพวกเราออกจากตัวเมืองปักกิ่ง ราว 60 ก.ม. พอมองเห็นทิวเขา ก็พยายามสังเกตว่า กำแพงเมืองจีนอยู่ไหนล่ะเนี่ย และนี่คือ ภาพแรกที่มองเห็นผ่านกระจกภายในรถ

มองเห็นป้อมปราการ ยิ่งทำให้นึกถึงหนังจีนหลายๆ เรื่องที่เคยดูมา

มองขึ้นไปถึงป้อมที่อยู่บนสุดนั้น และก็ตั้งเป้าหมายวันนี้ว่า เราจะต้องเดินขึ้นไปถึงป้อมบนสุดที่มองเห็นนั้นให้ได้

ท้องฟ้าก็สีฟ้าได้ใจ แดดอ่อน อากาศก็หนาวมาก เราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้ได้

ลองมองไปยังฝั่งตรงข้าม ก็มองเห็นกำแพงเมืองจีนอีกฝั่งหนึ่ง ต้องขอบอกว่า ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะนี่เป็นแค่เพียงส่วนนิดเดียวจากความยาวทั้งหมดถึง 6,000 ก.ม.

 

เมื่อพวกเราลงจากรถ ก็ได้นัดเวลาให้ลงมายังรถในเวลา 11:30 น. นั่งหมายถึง เรามีเวลาในการเดินประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง

ได้เวลาเริ่มต้น เดินลุยกัน ใครเหนื่อยก็หยุด แล้วเผื่อแรงเดินกลับมายังจุดนัดพบ

นึกถึงทหารสมัยก่อน คงทำหน้าที่คอยสอดส่องดูแล ณ จุดนี้

ทางเดินก็ไม่กว้างใหญ่นัก อีกทั้งมีเศษหิมะอยู่ตลอดทาง ซึ่งลื่นมากๆ

ในบริเวณไหล่ทาง ก็ยังมีหิมะขาวโพลนอยู่ตลอดทาง

สังเกตว่าทางเดินทรุดเป็นทางยาว แสดงว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย ที่มาเดินบนกำแพงเมืองจีนแห่งนี้ และมองย้อนกลับไป เราเริ่มไต่ความสูง ท่ามกลางอากาศหนาว

เดินผ่านป้อมต่างๆ ซึ่งดูยิ่งใหญ่ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่

อาณาจักรจีนในยุคต้น ถูกรุกรานโดยนักรบบนหลังม้าจากภาคเหนือ หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งพวกยุโรปเดินทางมาถึง ซึ่งกลายเป็นศัตรูสำคัญของจีน เพื่อความปลอดภัยร่วมกันและเพื่อป้องกันพวกชนเผ่าต่างๆ ที่ออกปล้นสะดม จึงได้มีการสร้างกำแพงขึ้นเป็นจำนวนมาก

จิ๋นซีฮ่องเต้ ได้ทรงรวบรวมจีนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นครั้งแรกในปี 221 ก่อนคริสตกาล และได้เชื่อมกำแพงที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นกำแพงยิ่งใหญ่อันเดียว

เหนื่อยนัก ... ก็พักชมวิวซะหน่อย

มาติดตามกันต่อ กำแพงของพระองค์ตั้งแต่ หลินเถียว ไปจนถึง เลี่ยต้ง ยาวกว่า 6,000 ก.ม. ในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้สร้างกำแพงยาวที่สุดในประเทศจีนราว 10,000 ก.ม. ทางเหนือของภูเขาอิ๋นซาน แต่ในที่สุดก็พังลงทั้งหมด

ในปี 1368 ซึ่งเป็นปีที่ก่อตั้งราชวงศ์หมิง ได้มีการเริ่มสร้างกำแพงใหม่ขึ้น เริ่มต้นตั้งแต่ด่าน จวีโหยง ทางตะวันตก ทอดยาวไปจรดแม่น้ำยาลู่ ซึ่งเป็นแนวเขตแดนทางตะวันออกติดกับประเทศเกาหลี ใช้เวลาถึง 150 ปี จึงแล้วเสร็จ

ด่านต่างๆ บนภูเขามักจะถูกเปลี่ยนเป็นป้อมปราการ และหอคอยส่งสัญญาณ ก็ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นระยะๆ

ว่าแล้ว ขอพามุดขึ้นไปบนป้อมซะหน่อย ทางเดินแคบมาก หรือเราตัวโตก็ไม่รู้ซิ

สงสัยจะถูกทุกข้อ

ยิ่งเดิน ยิ่งเพลิน แต่เหงื่อเริ่มออก เพราะใช้พลังงานมาพอดู

แต่ป้อมที่เห็นนั้น คือ เป้าหมายที่ตั้งจะไปให้ถึงก่อนเดินลงกลับทางเดิม

ดูเวลาแล้ว เหลืออีกเพียง 20 นาที ต้องลงไปที่รถ และเรายังเดินไม่ถึงป้อมที่เราตั้งใจจะไปถึง ก็เลยเริ่งรีบเดินขึ้นไปให้ถึงจุดที่เราตั้งใจ

ในที่สุดเราก็มาถึง และคงต้องรีบหันหลังกลับ ลงทางเดิม เพราะเหลือเวลาไม่ถึง 15 นาที ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะเดินลง เพราะระยะทางไกล และก็ลื่นมาก

มองเห็นรถไฟ กำลังลอดอุโมงค์ เหลือขบวนเล็กนิดเดียว แสดงว่าเรายืนอยู่สูงมาก

ยังมีความตั้งใจอีกอย่าง ที่จะหาโอกาสมาท่องเที่ยวประเทศจีนไปยังเมืองต่างๆ ด้วยรถไฟดูบ้าง

ด้วยความรวดเร็ว แต่ก็ลงมาถึงรถเกือบเที่ยงวัน ซึ่งช้าไปกว่าที่นัดไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งต้องขอโทษเพื่อนร่วมทริป แต่เราตั้งใจแล้ว ขอทำความตั้งใจให้สำเร็จ

มองเห็นกุญแจที่คล้องด้วยรัก แนะนำให้คล้องตอนเดินกลับลงมาจากกำแพงเมืองจีน เพราะคงจะเป็นการพิสูจน์ความรักกันก่อน

กลายเป็นแฟชั่น และแพร่หลายไปไกลซะแล้ว ล่าสุดก็ไปเจออะไรแบบนี้ ทั้งที่ สะพานข้ามแม่น้ำไมน์ ที่แฟรงค์เฟิร์ต และสะพานที่อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ระหว่างเดินไปยังโบสถ์โนเตรอดาม ที่ปารีส

ขอบอกว่า สนุก ประทับใจ และปลื้มใจที่ทำได้อย่างที่ตั้งใจ

เพราะมองดูแล้วเหมือนไม่ไกล แต่เดินไปแล้วรู้สึกว่า ทำไมไม่ถึงจุดหมายซะที ดีที่อากาศหนาวมาก หากเป็นฤดูร้อน คงทำความตั้งใจไม่สำเร็จแน่นอน

เป็นอีกทริปที่ประทับใจ ไม่ลืมเลือนเลย