จากทะเลสาบนกยูงที่ทำเอาความฝันให้เป็นจริง ฝันที่อยากมาชมความงามของธรรมชาติ หลังจากที่เคยได้ชมภาพของ "จิ่วจ้ายโกว" มาหลายต่อหลายภาพ ทั้งจากเว็บไซต์, นิตยสาร และภาพยนตร์สารคดี ซึ่งได้มาสัมผัสด้วยสายตาในครั้งนี้และบันทึกความทรงจำไว้ในภาพถ่าย จากนั้น รถเหมาอุทยานฯ ก็พาเรามาต่อยังทะเลสาบหมีแพนด้า

ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่น้ำนิ่งใส สะท้อนภาพราวกับกระจกเงา

ทำเอาทึ่งกับธรรมชาติที่ต้องแอบอิจฉาชาวจีน แต่ก็เป็นการดีที่แหล่งท่องเที่ยวนี้อยู่ในประเทศจีน ซึ่งมีความเข้มงวดเรื่องระเบียบ อย่างการเด็ดกิ่งไม้ เขาก็ตั้งค่าปรับไว้ถึง 500 หยวน และกฏที่เอาจริงเอาจัง  เพราะถ้าอยู่ในบ้านเรา เราอาจจะเห็นผู้คนลงเล่นน้ำ หรือพายเรือ จนความงามธรรมชาติถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว

ไม่เพียงแค่ทะเลสาบสีฟ้า แต่น้ำจากทะเลสาบยังล้นลงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ซึ่งมองเห็นได้อย่างสวยงาม

สำหรับจุดแวะเที่ยวยังทะเลสาบและน้ำตกหมีแพนด้าแห่งนี้ หัวหน้าไกด์บอกให้เวลา 15 นาที อาศัยความเป็นตากล้องขายาว จะปล่อยให้ความงามที่อยู่ตรงหน้า หลุดลอยไปได้อย่างไร จึงต้องใช้ 15 นาทีทองให้คุ้มค่าที่สุด

จัดแจงรีบเดินลงบันไดกว่าร้อยขั้น ลงสู่เบื้องล่าง ฝ่าฝูงชนลงมาบันทึกเก็บภาพความยิ่งใหญ่ น้ำตกสีฟ้า กับธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์เต็มที่ แต่ลืมนึกถึงขาขึ้น ที่ต้องแบกตัวเองกับกล้องถ่ายภาพก้าวขึ้นบันไดกว่าร้อยขั้นด้วยการวิ่ง บนบริเวณเขาที่มีความสูงกว่า 2,400 เมตร ที่อากาศเบาบาง ทำเอาหัวใจแทบจะวาย หายใจแทบไม่ทัน เพราะกลัวกลับไปไม่ทันเวลานัด แต่ก็คุ้มเมื่อเปิดดูภาพนี้

ถือโอกาสยืนหอบแฮ๊กๆ เลยหยุดถ่ายภาพ นักท่องเที่ยวที่มาเช่าชุดถ่ายภาพที่มีฉากหลังธรรมชาติสวยงาม

เมื่อรถออกเดินทางต่อไปยังอีกทะเลสาบ ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่า เป็นทะเลสาบเสือ หรือทะเลสาบแรด เพราะไม่เห็นเขี้ยวกับนอ

แต่ก็ไม่สนใจชื่อนัก สู้เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกดีกว่า ... แช๊ะ!

บันทึกภาพทั้งคู่ และภาพเดี่ยวกันครบทุกคน สนุกสนานกันไป ก็ได้เวลาขึ้นรถเพื่อไปรับประทานอาหารกันก่อน เพราะถ้าไปช่วงเที่ยงพอดี เราอาจต้องเจอกับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุด ทั้งน้ำ ทั้งต้นไม้ และสีสันสดใสของเสื้อกันหนาว

ย้อนกลับมาเส้นทางเดิม ทำให้เห็นทะเลสาบหมีแพนด้าจากบนรถ

เห็นตากล้องที่นั่งแถวหลังสุดมั้ยในภาพ ที่จองแถวหลังสุดเพราะสามารถสไลด์ตัวไปมาซ้ายขวา เพื่อเก็บภาพเด็ดๆ ตลอดโดยไม่ต้องลงเดิน ซึ่งภาพที่เห็นมุมสูงจะมาจากการถ่ายภาพระหว่างรถแล่นอยู่

ทะเลสาบที่สวยใส น้ำนิ่งราวกับกระจกเงา

ผ่านทะเลสาบนกยูงอีกครั้ง ก็ยังไม่หยุดบันทึกภาพความงามอีกมุมมอง

เป็นอีกสถานที่ที่อยากกลับมาซ้ำอีก

ด้วยอากาศที่เย็นสดชื่น สีสันจากธรรมชาติ

ที่ผสานกันอย่างลงตัว อย่างสมบูรณ์แบบ

เพิ่งเคยได้เห็นน้ำตกที่เป็นแผงขนาดใหญ่ ลดหลั่นกันไปในธารไข่มุก

ซึ่งในช่วงบ่ายหลังจากอาหารกลางวัน จะพามาสัมผัสแบบใกล้ชิด กับความงามของน้ำตกธารไข่มุก ที่ยิ่งใหญ่อลังการ

มาถึงบริเวณรับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว ขอพาเข้าไปด้านใน

อย่างเพิ่งตกใจว่า นี่คือ หัวหน้าไกด์อายุน้อยของพวกเรา ... มีที่ช๊อปปิ้ง และเรากำลังรอเข้าไปทานอาหารข้างในแบบบุฟเฟต์กัน อาหารก็พอรับได้ แถมได้ทานเนื้อจามรีอีกด้วย ซึ่งเคยได้ทานนมจามรี ครั้งที่เดินทางไปประเทศภูฏาน เมื่อปีที่แล้ว

เจอบรรดาตากล้อง มืออาชีพที่เล่นอุปกรณ์แบบจัดเต็ม ซึ่งครั้งหน้าหากมา "จิ่วจ้ายโกว" อีก จะขอมาแบบทัวร์นักถ่ายภาพ แบบว่าจะมาเข้า-ออก "จิ่วจ้ายโกว" ซัก 3 วัน แบบครบทั้ง 9 หมู่บ้านเลย ฮ่าๆ

หลังจากอิ่มหนำกับอาหารกลางวัน เติมพลังกันแล้ว ก็ต้องมาเดินย่อยสลายไขมันจากอาหารที่เน้นความมันกันหน่อย

ต้องชื่นชมความเป็นมรดกโลก และการก่อสร้างทางเดินชมอย่างดีเยี่ยม ซึ่งในก๊วนที่เดินทางมาด้วยกัน มีหลายท่านที่เคยมาก่อนหน้านี้บอกว่า สมัยก่อนยังไม่มีทางเดินสะดวกแบบนี้่ แต่ทางเดินนี้่สะดวก ไม่ลื่น และมีราวจับเหมาะในการเดินทางทุกวัย อีกทั้งป้ายที่เห็นจะสั่งห้ามการเดินออกนอกเส้นทาง ซึ่งอาจเป็นอันตรายและยังทำลายธรรมชาติโดยไม่ตั้งใจได้อีกด้วย

น้ำจากธารไข่มุก ไหลผ่านไปเป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ ลดหลั่นลงไป

ซึ่งจะกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เมื่อเราเดินต่อไปอีกไม่ไกลนัก

มองไปมุมไหนก็สดชื่นจากป่าเขียว ใต้พื้นน้ำสีเขียว กับสายน้ำที่แตกฟองสีขาว

ให้ได้ถ่ายภาพความประทับใจและมีความสุข ดูได้จากรอยยิ้มของทุกคน

นักถ่ายภาพ จะมาพร้อมกับขาตั้งกล้อง เพื่อถ่ายภาพให้ได้สายน้ำขาวนวลเหมือนภาพทางขวามือ

แต่นักท่องเที่ยวอย่างเรา ขอใช้แค่มือเปล่า และการกลั้นหายใจซัก 1 วินาทีตอนกดชัตเตอร์ ก็พอได้ภาพแนวนี้เหมือนเขาดูบ้าง

ภาพพอไหวมั้ย อย่าเพิ่งเมาคลื่นซะก่อนนะ

เดินต่ออีกไม่ถึง 100 เมตร ก็จะถึง น้ำตกธารไข่มุก ที่สวยงามยิ่งใหญ่ ไว้มาคอยติดตามท่องเที่ยวกันต่อ เร็วๆ นี้

ขอนำไฟล์วิดีโอที่ถ่ายไว้ในวันนั้น เพิ่มอรรถรสในการชมทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียง และแนะนำให้เลือกความละเอียดแบบ HD 720p