จาก ทะเลสาบยาว พวกเราก็ขึ้นรถกันต่อไปยัง ทะเลสาบห้าสี ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งต้องเดินเท้าลงไปไม่ไกลนัก แต่พอได้เห็นภาพนี้ที่อยู่ตรงหน้า แทบไม่เชื่อสายตาว่า ทำไมน้ำช่างสีสวยงดงามแบบนี้
ซึ่งที่ผ่านมาหลายๆ แห่ง ก็รู้สึกทึ่งกับความงามธรรมชาติแล้ว พอเจอเข้ากับทะเลสาบแห่งนี้ เรียกได้ว่า ถ้าเป็นการเดินแบบก็คงจะเป็นชุด ฟินเนเล่ !!!
ซึ่งสะกดสายตาทุกคนไว้ อดใจไม่ไหวที่ต้องขอบันทึกภาพไว้กับสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
ดูสีสันแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะสีเข้มได้ขนาดนี้ ซึ่งได้เคยดูสารคดี NHK ที่ใช้นักประดาน้ำดำลงไปดูว่า ทำไมจึงมีสีสันแบบนี้ ได้ความว่าเป็นตาน้ำที่ผุดเอาแร่ธาตุขึ้นมานั่นเอง
พยายามนับให้ได้ห้าสี ซึ่งแยกแยะได้ยากตามความเข้มจางกระมัง
ขอคอนเฟิร์มว่า "5 สี จริงๆ"
แต่ถ้าให้นับสีของเสื้อกันหนาวของนักท่องเที่ยว น่าจะนับได้ง่ายกว่า
ลองชมภาพแบบพาโนรามาดูบ้าง อาจไม่คมชัดนักเพราะถ่ายจาก Tablet ... กด (+)= เพื่อชมภาพแบบขยาย
แต่พอมองบางมุมที่สะท้อนกับท้องฟ้า เริ่มเห็นว่า นอกจากสีฟ้าแล้ว ยังมีสีเขียว สีฟ้าอ่อน คงเป็นที่มาของชื่อ แต่ชื่อภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Colorful Pool ซึ่งไม่ต้องบ่งบอกจำนวนสี แค่บอกว่าเป็น สระน้ำแห่งสีสัน ก็เพียงพอที่จะเข้าใจได้แล้ว
พวกเราไม่มัวเสียเวลานับสีกันแล้ว เก็บบันทึกภาพความประทับใจไว้ดีกว่า
เป็นความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ ที่มีความงามแตกต่างกัน กระจายไปในหลายๆ จุดภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ทำให้เป็นการกระจายความแออัดของนักท่องเที่ยวได้ดี เคยได้ยินคนที่เคยมาเที่ยวก่อนหน้านี้บอก หากมาช่วงนี้ถ่ายภาพอาจไม่เห็นอะไรนอกจากนักท่องเที่ยว แต่พอมาเข้าจริงๆ ถือว่าสบายๆ พอไหว
แต่สิ่งที่ไม่ชอบอยู่อย่างนึง คือ นักท่องเที่ยวบางคน โยนเหรียญลงในสระน้ำแห่งนี้ น่าจะสั่งห้ามกันเพราะเป็นการทำลายธรรมชาติโดยไม่ตั้งใจ
ไม่ต่างกับการคล้องกุญแจแบบหนังซีรีส์เกาหลี ซึ่งระบาดไปยังสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกไปแล้ว ... ล่าสุดไปเจอคล้องกุญแจบนเขาง้อไบ้ บนความสูงกว่า 3,000 เมตร ก็ยังไม่เว้น
แค่เก็บความประทับใจในภาพถ่ายก็น่าจะเพียงพอ
หรือนำมาแบ่งปันบนสังคมออนไลน์ ก็น่าจะเพียงพอ
อย่างน้อยก็เป็นข้อมูลให้ผู้ที่อยากมาเที่ยวชม ได้รับทราบข้อมูล จะได้เตรียมความพร้อม หรือจะได้ไม่พลาดมุมสำคัญของทริป
อย่างมุมป้ายบอกสถานที่ ซึ่งต้องยืนรอคิวมาบันทึกภาพไว้กัน
ลองถ่ายภาพให้เห็นว่าน้ำใสขนาดไหน
ยังอยากหาโอกาสมาท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวดูบ้าง คงได้ภาพอีกบรรยากาศ
คงจะเป็นสระหรือทะเลสาบสีฟ้า ท่ามกลางหิมะขาวโพลน
และสิ่งที่ประทับใจ คือ ป้ายบอกทางภาษาไทย แสดงว่ายินดีต้อนรับพี่น้องชาวไทย
ระหว่างเดินกันไปขึ้นรถเหมาอุทยานของพวกเรา ก็ได้เพลินกับบรรยากาศเทือกเขาสูง และต้นสนที่กำลังผลัดใบเป็นสีเหลืองทั้งต้น
ทำให้นึกถึงสถานที่อีกแห่งซึ่งตั้งเป้าหมายที่ต้องไป คือ "คานาสือ" ซึ่งเป็นดินแดนของจีนที่ติดกับรัสเซีย ซึ่งจะได้ชมความงามยิ่งใหญ่ ต้นไม้เปลี่ยนสีแบบสุดสายตา
ท่ามกลางเทือกเขาสูง ต้องหาโอกาสไปสัมผัสให้จงได้
จากนั้น รถของพวกเราก็พามาส่งยัง "ทะเลสาบเสือ" เพื่อให้เดินถ่ายรูป และขอบอกว่า น้ำตกแห่งนี้ไม่ธรรมดา แตกต่างจากน้ำตกที่ผ่านมา ซึ่งจะพาไปชมแบบเต็มๆ ในเอนทรีต่อไป
ระหว่างนี้ชมความงามของ ทะเลสาบเสือ ไปพลางๆ ก่อน
น้ำที่ใสนิ่ง สะท้อนภาพภูเขาราวกับกระจกเงา
แต่ยังคงคอนเซ็ปต์น้ำสีฟ้า
ไม่แน่ใจว่า ด้วยความตั้งใจหรือไม่ ที่นางแบบของเราแต่ละคน สวมเสื้อสีโทนเดียวกันกับทะเลสาบ
และสีที่กลมกลืนกับความงามธรรมชาติ
ซึ่งมองเห็นขอนไม้ที่อยู่ใต้น้ำ ที่ยังคงสภาพได้ดี คงเพราะความเย็นของน้ำกระมัง
กด (+)= เพื่อชมภาพทะเลสาบเสือแบบพาโนรามา
รวมภาพความสุข ที่สนุกกับการท่องเที่ยว เป็นทริปที่ประทับใจไม่ลืมเลือน
ตลอดทั้ง 8 วันเต็ม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาของการท่องเที่ยวที่กำลังเหมาะ เพราะน้อยไปก็รู้สึกไม่เต็มอิ่ม มากกว่านี้ก็เริ่มคิดถึงบ้าน
คงจะปิดท้ายซีรีส์ชุด "อุทยานจิ่วจ้ายโกว" ในเอนทรีต่อไป มาติดตามเร็วๆ นี้ รับรองว่า สุโค่ย!