จากทะเลสาบเสือ พวกเราก็เดินตามแนวกระแสน้ำที่ไหลลดหลั่นลงไปเป็นระยะทางยาวกว่า 450 เมตร เพื่อเดินไปยัง โรงสีข้าวซู่แจ้น ซึ่งใช้พลังน้ำของน้ำตกในการสีข้าว
ทำเอาดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นป้ายภาษาไทย
สายน้ำที่ไหลกระจายเป็นฟองน่้ำสีขาวบริสุทธิ์
ไม่เพียงแต่ความสวยงามที่สัมผัสด้วยสายตา ยังได้ฟังเสียงน้ำไหลด้วยโสตประสาท คล้ายดนตรีที่บรรเลงให้เพลิดเพลิน
แถมยังเพลินกับการจัดมุมมองในการบันทึกภาพไปตลอดทางเดิน
มาชมภาพแบบพาโนรามากัน กด (+)= เพื่อชมภาพขยายสบายตา
เพื่อเก็บบันทึกความประทับใจไว้ชื่นชมนานๆ
ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นจุดท่องเที่ยวสุดท้ายก่อนเดินทางออกจาก อุทยานสวรรค์จิ่วจ้ายโกว แห่งนี้กันแล้ว ... ใครๆ ก็บันทึกภาพไว้อย่างสนุกสนาน
มองไปมุมไหน ก็น่าถ่ายไปซะหมด
เป็นน้ำตกอีกสไตล์ แตกต่างจากน้ำตกอื่นๆ ที่พบเห็นมาตลอดทั้งวันนี้
แอบสงสัยว่าทำไมต้นไม้นี้ สามารถต้านทานความแรงของน้ำตกนี้ได้ ถ้าลงไปยืนตรงนั้น คงถูกความแรงซัดลอยไปกับกระแสน้ำอย่างแน่นอน
เราเดินมากว่าครึ่งทางแล้ว แต่ก็ยังเพลินกับการกดชัตเตอร์ โดยเดินรั้งท้ายกลุ่มเพื่อเก็บภาพไปเรื่อยๆ
ภาพนี้พยายามให้เห็นทางเดินที่ลัดเลาะขนานไปกับแนวน้ำตก
ขอชื่นชมการจัดระเบียบและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานที่ท่องเที่ยว ทำได้ดีมากๆ และสะอาดดีมาก ไม่มีขยะให้เห็นซักชิ้นตลอดทั้งวัน
เดินไปเจอเข้ากับคู่บ่าวสาว มาถ่ายภาพพอดี เลยแอบทำหน้าที่เป็นตากล้องมืออาชีพที่เขาไม่ได้จ้าง
เก็บภาพซักหน่อย ... แช๊ะ!
โรแมนติค
ขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว เข้าใจเลือกสถานที่จริงๆ
ชมภาพแบบพาโนรามา กด (+)= เพื่อชมภาพขยายสบายตา
ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
นั่นก็คือ โรงสีข้าวซู่แจ้น แต่ยังมีทางเดินลัดเลาะต่อไปอีก ดังที่เห็นในภาพ ซึ่งยังมีเวลาอยู่พวกเราก็ยังเดินเข้าไปเที่ยวชมกันต่อ
สำหรับโรงสีข้าวก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องเดินเข้าไปชมภายใน แค่ถ่ายภาพภายนอกก็เพียงพอ แต่ก็พอมองเห็นแท่นที่อยู่ข้างใต้ คอยรับแรงดันของน้ำในการหมุนอุปกรณ์จักรกล
ยังไม่หมดเท่านี้ ต้องเดินต่อไปตามทาง เพื่อชมน้ำตกที่ยังไหลไปอีกไกล
มาบันทึกภาพกันไว้ ... แช๊ะ!
น้ำไหลลอดผ่านทางเดิน ต้องบันทึกภาพแบบใกล้ๆ กัน มองเห็นน้ำตกเป็นชั้นๆ
สายน้ำพริ้วสวยงามมาก
เห็นลูกไม้สีแดงสด ก็อดเดินผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้
และความชื่นชอบส่วนตัวอีกอย่างคือ ชอบถ่ายภาพคนที่กำลังถ่ายภาพ เพราะเป็นการบอกว่า มุมนี้สวยในมุมมองของนักถ่ายภาพ
มองเห็นหมู่บ้านบนเนินเขานั้น ซึ่งเราจะต้องเดินกลับไป เพราะเป็นจุดนัดพบก่อนเดินทางออกจากอุทยานฯ
ได้เวลาเดินกลับเส้นทางเดิมและจะพาไปบริเวณนั้น ซึ่งเป็นตลาดขายสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว
มาชมภาพแบบพาโนรามากัน กด (+)= เพื่อชมภาพแบบขยายสบายตา
และยังมีศาสนสถานแบบทิเบต ซึ่งมาไหว้และทำบุญกัน เพื่อเป็นสิริมงคล
มองเห็นตลาดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แต่ไม่ได้เดินเข้าไปเพราะใกล้เวลานัด จึงถ่ายภาพบริเวณนี้ไปก็แล้วกัน
สีสันของใบไม้เปลี่ยนสี สลับกันทำให้เพิ่มความงามของสถานที่
เหมือนธรรมชาติสามัคคีกันประสานความงามแบบนี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในแต่ละปี ซึ่งช่วงระหว่าง กันยายน - ตุลาคม - พฤศจิกายน ถือเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุด
ถือโอกาสรวบรวมภาพความงามและประทับใจมาจนครบ 6 ตอนแล้ว ซึ่งน่าจะครบถ้วนมากที่สุด เพราะก่อนเดินทางมาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ ได้พยายามหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อจะดูจุดที่ไม่ควรพลาดในการถ่ายภาพ พบแต่ภาพเล็กๆ และมุมเด่นไม่กี่ภาพซ้ำๆ กัน ซึ่งไม่เห็นภาพว่าภายในอุทยานธารสวรรค์แห่งนี้ว่าจะมีลักษณะอย่างไร จึงขอนำมาฝากกันแบบซีรีส์ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับศึกษาเส้นทางถ่ายภาพกันอย่างเต็มอิ่ม
ได้เวลาขึ้นรถเหมาอุทยานที่จะพาพวกเรากลับไปส่งที่โรงแรมกันแล้ว เก็บความประทับใจไว้อย่างเต็มที่ และยังอยากหาโอกาสกลับมาใหม่อย่างแน่นอน ขอบคุณที่มาติดตามกันทั้ง 6 ตอน และจะนำภาพท่องเที่ยวอื่นๆ มาฝากกันต่อไปนะ ... จบบริบูรณ์