Disable Preloader




เฟิ่งหวง เมืองโบราณที่ฉันตามหาจนเจอ เผลอรักหมดใจ ภาค 1

ขอย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ภาพของสถานที่แห่งนี้ โดยที่ไม่มีชื่อสถานที่ประกอบภาพ ทำให้ในตอนนั้นรู้สึกสนใจและอยากทราบว่าภาพนี้อยู่ที่ไหนในประเทศจีน ผ่านจากวันนั้นมาอีกประมาณ 2-3 ปี ถึงทราบจากเพื่อนที่ทำบริษัททัวร์ได้ให้ข้อมูลว่า สถานที่แห่งนี้ คือ เมืองโบราณเฟิ่งหวง (鳳凰) อยู่ในเส้นทางทริปของโปรแกรมท่องเที่ยวเมืองจางเจียเจี้ย (张家界市)

จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จึงมีโอกาสมาสัมผัสสถานที่แห่งนี้ และประทับใจในความงามทั้งสถาปัตยกรรมที่ผสานกับธรรมชาติของสายน้ำ ภูเขา และอากาศหนาวได้อย่างลงตัว ทำให้ได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ครบรส

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ก็รีบเดินข้ามถนนที่อยู่หน้าโรงแรม เพื่อมาชมภาพบรรยากาศยามเช้า แสงแดดแรกของวัน กระทบกับสายน้ำที่มีสายหมอกลอยอยู่เหนือผิวน้ำ เป็นภาพที่สวยงามมากๆ ไม่นึกมาก่อนว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้

ชาวบ้านออกมาใชัประโยชน์จากสายน้ำของแม่น้ำถั่วเจียง ที่ใสสะอาดราวกับกระจกใส

สายหมอกและขุนเขา กับบรรยากาศเงียบสงบยามเช้า ซึ่งแตกต่างจากชีวิตประจำวันที่ต้องพบเจอ ทำให้รู้สึกถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ได้เวลาเดินกลับมาที่โรงแรมเพื่อขึ้นรถบัสของพวกเรา เพื่อเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวของเมืองโบราณเฟิ่งหวงแห่งนี้

ระหว่างอยู่บนรถ ก็อดเก็บภาพบรรยากาศข้างทางไม่ได้ เพราะสถาปัตยกรรมที่สวยงามอย่างมีเอกลักษณ์

ผ่านมาถึงมุมสูงจุดนี้ ซึ่งเมื่อเย็นวานที่พวกเราเดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้ มองจากจุดนี้จะเห็นแสงสียามราตรีจากร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม บ้านเรือนต่างๆ อย่างสวยงาม

แต่สำหรับเช้าวันนี้ ได้เห็นแสงสีจากพระอาทิตย์สาดแสงทองกระทบแม่น้ำถัวเจียง เป็นภาพที่สวยงามก่อนที่รถบัสของพวกเราจะหยุดจอดเพื่อให้เดินลง

เดินผ่านประตูทางเข้า ก็จะมาถึงยังอนุสาวรีย์รูปหงส์ (August Rooster)

ชื่อเมืองโบราณเฟิ่งหวงนั้น คำว่า "เฟิ่ง" จะหมายถึง หงส์ตัวผู้ และ "หวง" จะหมายถึง หงส์ตัวเมีย ดังนั้นอาจจะเรียกเมืองนี้ว่า "เมืองหงส์" (鶤雞) ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของมณฑลหูหนาน (湖南省) สาธารณรัฐประชาชนจีน

ปัจจุบัน เมืองโบราณ เฟิ่งหวง มีประชากรประมาณ 3 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าถู่เจียและชาวม้ง เวลาเดินอยู่ในตัวเมืองมักจะพบหญิงสาวชาวม้งหรือชาวถู่เจียในชุดชนชาติที่ประดับด้วยลายดอกไม้ เพิ่มความงดงามให้เมืองโบราณแห่งนี้

และยังได้พบกับชาวเมืองเฟิ่งหวง ที่ออกมาเต้นแอโรบิค ท่ามกลางอากาศหนาวกันอย่างพร้อมเพรียง

เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ อยู่ในระดับ 4 ดาว ของสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศจีน ดูได้จากแผ่นป้ายในภาพ

เมืองแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง มีประวัติกว่า 400 ปี เนื่องจากเขาหนานหัวที่อยู่ทางใต้ของเมืองมีรูปร่างเหมือนหงส์ จึงได้ชื่อว่า "เฟิ่งหวง" แปลว่า "หงส์"

เมืองโบราณแห่งนี้สร้างในราชวงศ์ถัง เป็นเมืองที่ก่อขึ้นด้วยหินทั้งหมด มีชื่อว่า "หวงซือเฉียวกู่เฉิง" จุดเด่นคือกำแพงโบราณนี้ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เป็นที่นิยมชื่นชอบและเป็นสถานศึกษาค้นคว้าประวัติความเป็นมาทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ

ถึงแม้ว่า เป็นเมืองเก่าโบราณ แต่ก็มีการรักษาไว้อย่างดี อีกทั้งการวางสายไฟฟ้า สายสื่อสารต่างๆ จะวางสายใต้ดินเช่นนี้ ซึ่งทำให้ไม่มีสายไฟฟ้ามาพาดผ่านให้รกสายตา บดบังความโบราณของเมืองไป ต้องขอชื่นชมและอยากให้บ้านเรามองถึงจุดสำคัญเหล่านี้ด้วย

เมืองนี้ยังเป็นที่กำเนิดอัจฉริยะบุรุษหลายคน นอกจาก "เสิ่นฉงเหวิน" ซึ่งเป็นนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว "สง ซีหลิง" อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐจีน และ "นายหวาง หย่งยู่ว์" จิตรกรที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศก็เป็นชาวเฟิ่งหวง

บ้านเดิมของ "เสิ่นฉง เหวิน" นักประพันธ์ นักประวัติศาสตร์และนักการศึกษาค้นคว้าโบราณ คดีนามอุโฆษของจีน เป็นบ้านที่มีลานบ้านล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ก่อด้วยอิฐทนไฟที่มีสัญลักษณ์ประจำท้องถิ่นในภาคตะวันตกของมณฑลหูหนาน ซึ่งตกทอดมาจากรุ่นปู่ของเสิ่นฉง เหวิน อดีตผู้บัญชาการทหารประจำมณฑลกุ้ยโจวในสมัยราชวงศ์ชิง ต่อมาจึงสร้างเป็นบ้านเรือนดังกล่าว

เดินไปเห็นอาหารแปลกๆ ก็ซื้อมาลองชิมดูบ้าง

เพิ่มพลังการเดิน และแก้หนาวด้วยอาหารร้อนๆ เมื่อได้พลังบะจ่างแล้ว ก็รีบเดินจ้ำเพื่อเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของเมืองแห่งนี้

มาถึงมุมนี้ ทำให้นึกถึง สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) แห่งเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ที่มีโอกาสเดินทางไปเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งคล้ายกันมากๆ บนสะพานมีร้านขายของเหมือนกัน

ได้เห็นสภาพการอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากสายน้ำแห่งนี้ เชื่อว่าประชาชนทุกคน มีสำนึกในการช่วยกันรักษาสายน้ำแห่งนี้ ให้สะอาดสวยใสไปตราบนานเท่านานอย่างแน่นอน

ยังเห็นชาวประมงยังใช้กระชอนจับปลา และมองเห็นสาหร่ายใต้น้ำ บ่งบอกถึงคุณภาพน้ำที่ดีมาก

แม้ว่าบ้านเรือนริมน้ำส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นโรงแรม ภัตตาคาร ร้านค้า เพื่อรองรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ แต่ก็ยังมีการอยู่อาศัยโดยยึดวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ด้วย จะมองเห็นสาวชนเผ่าถู่เจียในชุดแดง ที่จะร้องเพลงตอบรับกับนักท่องเที่ยวบนเรือที่ร้องเรียกเธอ และสำหรับจิตรกรไม่ว่าจะมองไปมุมไหน ก็น่าวาดภาพไปได้แทบจะทุกมุมของเมืองนี้

แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการถ่ายภาพอย่างเรา ก็สนุกกับการบันทึกภาพได้อย่างสนุกสนานและมีความสุขมากๆ

เคยได้เดินทางไปเที่ยวเมืองโจวจวง (Zhouzhuang, 周庄) มาสองครั้ง เมืองที่ได้สมญานามว่า "ยอดหมู่บ้านกลางน้ำแห่ง 江南เจียงหนาน" ซึ่งก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง โดยมีคลองขนาดเล็กๆ คล้ายกับเมืองเวนิส (Venice) ซึ่งจะต่างจากเมืองนี้ที่จะดูภาพมุมกว้างได้ยิ่งใหญ่มาก กดที่นี่เพื่ออ่านเอนทรี เยี่ยมเยือนแดนมังกร ตอนที่ 9 : โจวจวง ... หมู่บ้านกลางน้ำอายุกว่าพันปีแห่งเจียงหนาน

จุดเด่นของเมืองโบราณแห่งนี้ คือ "เตี้ยวเจี่ยวโหล" เป็นบ้านที่ยกพื้นสูงเรียงรายกันตามริมน้ำที่ใสสะอาด นั่งชมทิวทัศน์ที่สวยงามท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก มีการตกแต่งที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ

หากมีเวลาค่อยๆ เดินเที่ยวไป ชมบรรยากาศไปแบบไม่เร่งรีบนั้น สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำมากๆ

อีกทั้งลงเรือพายเพื่อล่องชมบรรยากาศสองข้างทาง บรรยากาศสุดชิล

ชมสะพานโบราณ เจดีย์วั่นหมิง หอตั๋วชุ่ย

ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เดินไปทางไหน ก็อยากจะกดชัตเตอร์ เก็บภาพบรรยากาศไว้ชมนานๆ

มองเห็นนกกาน้ำ ที่ถูกฝึกมากตั้งแต่เล็กๆ ให้หัดจับปลา แต่จะไม่สามารถกลืนลงท้องเนื่องจากจะถูกเชือกมัดตรงคอไว้ แต่สำหรับสถานที่นี้อาจเลี้ยงไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมเท่านั้น ไม่ได้เน้นจับปลาอย่างที่เมืองกุ้ยหลิน (Guilin, 桂林)

หลังจากเดินมาไกลพอสมควร แต่ก็ต้องรีบกลับไปให้ทันเวลานัดของกลุ่ม เพื่อลงเรือล่องแม่น้ำถัวเจียง ซึ่งจากจุดนี้เดินไปอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงโรงแรมที่พวกเราพักค้างแรมเมื่อคืนนี้

สิ่งหนึ่งที่ได้รับจากการท่องเที่ยว คือ มุมมองและแนวคิดที่น่าจะนำมาปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวหรือชุมชนของบ้านเราได้ ที่ยังอยากให้ปรับปรุงได้ แต่ก็ขอให้ยังรักษาเอกลักษณ์เดิมไว้ให้เป็นหลักสำคัญ

ยังไม่จบในเอนทรีนี้ ไว้มาติดตามภาค 2 อีกเร็วๆ นี้ จะพาลงล่องเรือและชมมุมมองจากเรือมาที่บ้านเรือนตลอดสองข้างทาง แล้วจะเผลอหลงรักเมืองเฟิ่งหวงแห่งนี้เช่นเดียวกัน