พวกเราเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติหวงหลง (黄龙) หรือ แหล่งต้นกำเนิดตำนานมังกรเหลืองในช่วงบ่าย ซึ่งดูจากคิวของนักท่องเที่ยวจะรอขึ้นกระเช้ายาวกว่า 500 เมตร นั้น ทำให้พวกเราตัดสินใจเดินเท้าขึ้นมาชมความงามแทนการรอขึ้นกระเช้าจะดีกว่า
กับอากาศที่หนาวเย็นและความตั้งใจของทุกคน ที่ช่วยให้พวกเราค่อยๆ เดินกันไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพักดีกว่า
ดูจากแผนผังแล้ว จะเห็นว่ากระเช้าพาขึ้นข้ามภูเขาไป แต่ก็ต้องเดินลงมาเรื่อยๆ จนถึงพื้นล่างก็ไกลมาก เกรงว่าจะมืดค่ำแน่ๆ ดังนั้น พวกเราตั้งใจจะเดินไปให้ไกลสุดและเผื่อเวลาเดินกลับมาที่จุดนัดกัน
ตามกันมา แล้วฉันจะพาไปชมความงามและมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่ฉันอยากจะหวง ทั้งที่ฉันไม่ใช่เจ้าของ และทำให้ฉันหลงใหลในทันทีที่พบเจอ
ตามมาชมกันว่า เหตุใจจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "สระสวรรค์ในแดนดิน"
เส้นทางเดินลัดเลาะและผ่านสระน้ำใสใหญ่น้อย เริ่มกระตุ้นความอยากเดินจากภาพสระน้ำที่เริ่มมองเห็น
กล่าวกันว่า สถานที่แห่งนี้ "จักรพรรดิอวี่" ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เซี่ย ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ยุคโบราณของจีนได้เคยมาบรรเทาอุทกภัยที่นี่ โดยมีพาหนะคือ "มังกรเหลือง"
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ มังกรเหลืองได้ละทิ้งวังมังกรของตนมาพำนักอยู่ยังโลกมนุษย์ และได้สร้าง "สระหยก" อันงดงามนี้ขึ้น
เมื่อถึงสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368 – 1644) ได้มีการก่อสร้างวัดหวงหลงขึ้น เพื่อเซ่นไหว้มังกรเหลือง ตั้งแต่นั้นมาด้วยความงดงามเป็นที่หนึ่งของธารน้ำหวงหลง จึงได้อวดสู่สายตาของชาวโลก
อุทยานแห่งชาติหวงหลง อยู่ในอำเภอซงพันในเขตปกครองตนเองของชนเผ่าทิเบตอาป้าและเผ่าเชียง ทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ของจีน ติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,340 ตารางกิโลเมตร บนความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,000 – 5,588 เมตร
โครงสร้างทางภูมิศาสตร์ของหวงหลงมีความซับซ้อนเป็นพิเศษ โดยตั้งอยู่บนขอบวงบรรจบของพื้นที่ทางธรณีวิทยาที่แตกต่างกันถึง 3 ลักษณะ ได้แก่ เขตที่ราบสูงของลุ่มน้ำแยงซี เขตทุ่งหญ้าซงพัน และเขตเทือกเขาฉินหลิ่ง (เส้นแบ่งเหนือใต้ทางธรรมชาติของจีน)
นอกจากนี้ ยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเขตที่ราบสูงชิงจั้งในทิเบตและที่ราบต่ำในเสฉวน ก่อให้เกิดภูมิทัศน์แบบขั้นบันได ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ
ลักษณะทางธรณีวิทยาดังกล่าว ส่งผลให้หวงหลงกลายเป็นช่วงแนวเขาสุดท้ายและเป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาเทือกเขาสูงจากภาคตะวันตก ก่อนจะเข้าสู่เขตที่ราบลุ่มภาคกลางของจีน ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพที่น่าตื่นใจของ หุบเหวลึกนับพันเมตร ยอดเขาสูงชันที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี โตรกธารน้ำแข็งนับร้อยพันสายที่เลาะเลี้ยวไปตามหุบเขาทุกหนแห่ง อันเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ 3 สายของจีน ได้แก่ ลำน้ำฝูเจียง หมินเจียง และเจียหลิง (ก่อนบรรจบกันเป็นแม่น้ำแยงซีเกียง)
ระหว่างเส้นทางธรรมชาตินี้ ยังมีแนวหินปะการังที่เกิดจากการสะสมของแคลเซี่ยมหรือหินคาร์สท์ (Kast) ที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปกคลุมอยู่ตลอดแนวสันเขา ผ่านเส้นทางของน้ำตกสายต่างๆ บ้างกลายเป็นสระน้อยใหญ่ ที่รองรับน้ำใสเย็น แล้วส่งผ่านลงมาเป็นชั้นๆ อันเป็นสัญลักษณ์เลื่องชื่อของอุทยานแห่งนี้
ขอแวะถ่ายภาพความประทับใจสักครู่ หรืออาจเป็นข้ออ้างเพื่อขอหยุดพัก เพราะอากาศค่อนข้างเบาบางเนื่องจากความสูง แต่ทว่าเส้นทางเดินทำได้ดีมาก ค่อยๆ ไต่ระดับโดยไม่รู้สึกเหนื่อยมาก
อีกทั้งมีจะให้แวะพักถ่ายภาพความสวยงามไปตลอดเส้นทางเดิน
น้ำใสบริสุทธิ์ และแต่ละสระจะมีสีเขียวฟ้าที่เข้มจางแตกต่างกันไป ไม่แปลกใจที่อุทยานแห่งชาติหวงหลง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อปี ค.ศ. 1992
เพราะไม่เพียงแค่อยากหวง แต่ยังหลงใหลในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างแท้จริง
ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกขนาดใหญ่ แบบที่ต้องเก็บบันทึกภาพแบบพาโนรามาเท่านั้น จึงจะเก็บความประทับใจได้ครบ
สายน้ำสีขาว ตกกระทบกับหินมีมีพืชสีส้มสีเขียว ยิ่งทำให้แปลกแตกต่างจากน้ำตกที่เคยเห็นมาก่อน
แอบดีใจที่สถานที่แห่งนี้อยู่ในประเทศจีน ด้วยเหตุผลที่ว่า กฏหมายเขาแรงและควบคุมได้จริง ซึ่งเขาประกาศได้ว่า ห้ามทำลายธรรมชาติ ห้ามทิ้งขยะ ห้ามเดินออกไปนอกเส้นทางเดิน หรือแม้กระทั่งย้ายประชาชนที่เคยอาศัยในเขตอุทยานแห่งชาติออกไปได้จริง นั่นหมายถึง ความเป็นธรรมชาติเช่นนี้ จะยังคงอยู่ไปอีกตราบนานเท่านาน เว้นแต่จะเกิดภัยธรรมชาติมาทำลายตัวเองเท่านั้น
เหนื่อยนัก ... ขอพักหน่อย
หากให้เลือกประเภทของการท่องเที่ยว จะขอเลือกการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติเป็นอันดับแรก
โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ยังสวยงาม แม้จะเดินทางไกล หรือยากลำบากซักหน่อย แต่ทว่าภาพที่เห็นมักเป็นความประทับใจอยู่เสมอ
มาถึงบริเวณที่เป็นไฮไลท์หนึ่งของอุทยานแห่งชาติหวงหลงแห่งนี้ คือ "มังกรเหลือง" นั้นเอง เมื่อแหงนมองขึ้นไปก็จะเห็น "มังกรเหลือง" ที่ลดเลี้ยวขึ้นสู่หมู่เมฆบนยอดเขาหิมะ เป็นระยะทางกว่า 3.6 กิโลเมตร
"มังกรเหลือง" นี้ถือเป็นภูมิทัศน์เอกของอุทยานแห่งนี้ จากยอดเขาเสวี่ยเป๋าติ่ง ด้วยความสูง 5,588 เมตร ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งนี้ ธารน้ำแข็งไหลผ่านแนวสันเขาหินปะการังสีทองลงมา กลายเป็นน้ำตกน้อยใหญ่
เมื่อถึงไหล่เขา ณ ความสูงราว 3,100 – 3,600 เมตรได้กลับมารวมกันที่โตรกธารหวงหลงอีกครั้ง เกิดเป็นสระมรกตหลากสีสันกว่า 3,000 สระ บ้างก็มีขนาดใหญ่โตนับพันตารางเมตร บ้างก็มีขนาดเพียงไม่กี่ตารางเมตร ลึกบ้างตื้นบ้างทับซ้อนกัน เป็นระยะทางกว่า 3.6 กิโลเมตร มองขึ้นไปก็จะเห็น "มังกรเหลือง" ที่ลดเลี้ยวขึ้นสู่หมู่เมฆบนยอดเขาหิมะ และเมื่อก้มมองเบื้องล่างก็จะพบกับ "สระสวรรค์ในแดนดิน" ทอดตัวอย่างสงบท่ามกลางขุนเขาและแมกไม้
ในภาพที่เห็นคล้ายธารน้ำสีเหลืองทองนั้น แท้ที่จริงคือ หินสีเหลืองทอง ซึ่งจะหมายถึง ลำตัวของมังกรเหลือง โดยมีน้ำใสไหลเอื่อยตลอดเวลาลงสู่เบื้องล่างนั่นเอง
ยังไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็ขอหยุดเก็บภาพความประทับใจกันไปเรื่อยๆ
ยิ่งขึ้นไปสูง ยิ่งพบกับสระน้ำใหญ่น้อยอยู่เป็นจำนวนมาก แบบนี้สู้ๆ ไม่ถอยแน่นอน
แต่สำหรับผู้ที่จะมาท่องเที่ยวนั้น เส้นทางการท่องเที่ยวในหวงหลงใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวภายในเขตอุทยานฯ มีความสูงระหว่าง 3,000 – 3,500 เมตร และใช้เส้นทางเดินเท้าตลอดสาย
ดังนั้น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง อาจเกิดอาการหายใจขัดจากการแพ้ที่สูง ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเดินทาง แต่ก็พบว่ามีซุ้มของเจ้าหน้าที่ฯ คอยปฐมพยาบาลอยู่ในบางจุดด้วย
แต่อยากนำภาพสถานที่นี้ เพื่อเชิญชวนมาท่องเที่ยวกัน หากยังมีกำลังวังชาเดินได้สบาย
อีกทั้ง เชื่อว่าสภาวะโลกร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ก็ไม่อาจจะทำให้ความสวยงามคงเดิมอยู่ได้ อาจต้องได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
แต่อย่างไรก็ตาม ขอนำภาพความประทับใจมาแบ่งปันกัน ซึ่งตัวบล๊อกเกอร์เองก็อาจไม่ได้ไปในสถานที่อื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน ก็อาศัยการชมภาพและบันทึกการเดินทางของผู้อื่น ก็มีความสุขได้เช่นเดียวกัน
เป็นภาพบรรยากาศที่ครบรส ทั้งขุนเขา เมฆหมอก สระมรกต ใบไม้เปลี่ยนสี รวมไปถึง อากาศหนาวเย็น
ต้นมอสที่ปกคลุมพื้นอย่างสวยงามดังพรมกำมะหยี่สีเขียว
แต่สำหรับบันทึกการเดินทางในอุทยานแห่งชาติหวงหลง ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ไว้มาติดตามกันต่อเร็วๆ นี้ ขอบอกว่า "ยิ่งสูง ... ยิ่งหนาว ... ยิ่งสวย"