เช้าของวันที่สองที่อยู่ในปารีส ซึ่งยังไม่ได้ทำความรู้จักกับเมืองนี้มากนัก เพราะพวกเราทั้ง 5 คน เพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อช่วงเย็นวาน ดังนั้น สายๆ ของวันนี้เราจะใช้การเดินเท้าไปเรื่อยๆ แต่เป้าหมายแรกก็คือ "โบสถ์ซาเกรเกอร์" ซึ่งจะเป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ของปารีส ที่ถูกนักท่องเที่ยวถ่ายภาพมากไม่แพ้หอไอเฟลก็ว่าได้
หลังจากเดินออกจากประตูโรงแรม เลี้ยวมาทางซ้ายเพียงเล็กน้อย ก็มองเห็นโบสถ์ "Saint Vincent de Paul" อยู่ตรงข้าม ขอเก็บภาพกันซักหน่อยก่อนเดินข้ามไปชมภายใน
ขอกด Like ให้กับสถาปัตยกรรม และดอก Cherry Blossom ที่อยู่ตรงนั้น
แม้สถาปัตยกรรมจะสวยเพียงใด หากขาดความงามจากธรรมชาติทั้งต้นไม้และฟ้าใส ต่อให้ถ่ายภาพอย่างไร ก็คงจะดูแห้งแล้ง ขาดความสดใส
ไม่รีรอ ต้องขอเข้าไปชมภายในโบสถ์ นอกเหนือจากความเงียบสงบแล้ว ความเย็น และแสงไฟ ช่วยทำให้บรรยากาศดูขลัง แต่เต็มไปด้วยแรงศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า
นอกจากนั้น ผู้มาเยือนก็อดไม่ได้ในการชื่นชมศิลปะที่เกี่ยวข้องกับศาสนา และความใหญ่โตอลังการของสถาปัตยกรรม
บรรยากาศโดยรอบ รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ (Cherry Blossom) เป็นที่นั่งพักผ่อนท่ามกลางแสงแดดอุ่น
ซึ่งการเดินเท้าชมบรรยากาศตึกรามบ้านช่องของมหานครปารีส เมืองที่สวยงามแห่งหนึ่ง ที่ดึงดูดให้ใครต่อใครอยากมาสัมผัส
คงไม่ได้มาปารีส เพราะอยากมาซื้อน้ำหอมหรอกนะ แต่มันช่างหอมหวลชวนดมมากกว่าน้ำหอมใดๆ นั่นก็คือ ขนมอบ (Pastry) ในร้านต่างๆ ตามทาง
อดไม่ได้ที่จะสั่งชิ้นโน้น ชิ้นนี้ใส่กล่อง สำหรับอาหารเช้าในวันนี้ แต่ละอย่างน่าหม่ำไปหมด จนอยากให้มีบุฟเฟ่ต์ขนมหวานตรงนี้ ... มือซ้ายหยิบเอแคลร์ มือขวาถือถ้วยกาแฟ
เดินไป ชมไป ถ่ายรูปไป ... ดูซิ ถ่ายรูปตัวเองในกระจกเงา ก็ได้
เสน่ห์อีกอย่างของเมืองในยุโรป ที่จะมีการเปิดท้ายขายของในเช้าวันเสาร์ เรียกได้ว่า มาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน ทำให้เราซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวได้เห็นของแปลกๆ ทั้งเก่าและใหม่ ราคาถูกแพงปนกันไป
และก็ได้ที่เหมาะๆ จัดปาร์ตี้ขนมอบ (Pastry) กันแล้ว
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก "โบสถ์ซาเกรเกอร์" แล้ว ชิมชิ้นโน้นชิ้นนี้จนอิ่ม
ยังได้เก็บภาพธรรมชาติไปด้วย ระหว่างนั่งย่อย
ก็ได้เวลากาแฟในร้านตรงหัวมุมถนน ซึ่งแต่ละคนก็สั่งเมนูตามชอบ พร้อมกลิ่นหอมของกาแฟ และก็ผลัดกันเข้าไปห้องน้ำ ซึ่งเป็นเทคนิคการประหยัดค่าสุขา ด้วยการแวะจิบกาแฟนั่นเอง
ชมศิลปะการชงกาแฟไปพร้อมกับความอร่อย
ได้เวลาเดินต่อไปยังโบสถ์ ระหว่างทางก็มีร้านค้าหน้าวัดนั่นเอง ที่เห็นมุมล่างซ้ายนั้น จะเป็นการเชิญชวนให้เล่นพนัน ขอบอกว่า อย่าได้ลอง มีแต่ "แทงเสีย" อย่างเดียว เพราะเป็นการหลอกลวงอย่างหนึ่ง ซึ่งจะมีทั้งหน้าม้าที่ทำเป็นชนะได้เงิน สรุปคือ เดินผ่านไปไม่ต้องไปสนใจเลยดีกว่า เพราะข้างหน้ามีโบสถ์ที่ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ รออยู่
โบสถ์สีขาวที่เห็นเป็นสง่าเบื้องหลังนั้น ก็คือ "โบสถ์ซาเกรเกอร์" ตัวโบสถ์สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1923 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับทหารฝรั่งเศส 58,000 นาย ผู้เสียชีวิตในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (ค.ศ. 1870-1871) และต้องใช้เวลาถึง 46 ปี กว่าจะสร้างเสร็จ
เห็นม้าหมุน ทางซ้ายมือ ที่ดูมีรายละเอียดกว่าม้าหมุนบ้านเรา ขอบันทึกภาพไว้ซะหน่อย
พวกเราก็เดินขึ้นไปยังตัวโบสถ์กัน และมองเห็น บ่าว-สาว คู่หนึ่งที่มาถ่ายภาพกัน
มากันแบบแบ๊คแพ๊คคู่กันเลยทีเดียว
เพื่อนกำลังติดใจ ใช้ไอโฟนถ่ายภาพ จนเลิกใช้กล้องถ่ายรูปไปเลย
มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งจุดนี้อยู่ในมุมที่สูง ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองปารีสได้เป็นมุมกว้าง รวมทั้ง ยังมองเห็น "หอไอเฟล" ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเมื่อวานที่เดินทางมาถึงในช่วงเย็น ก็ยังไม่ได้เห็น ... มองเห็นรูปปั้นทองแดงของนักบุญขี่ม้า หล่อโดย อาชเลอแฟฟวร์ ซึ่งงานชิ้นแรก คือ "โจนออฟอาร์ก" และชิ้นที่สอง คือ "นักบุญหลุยส์"
แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับรูปปั้นสีขาวมุมขวานั้นนะ
ที่ดูพริ้วเกินกว่าปูนปั้น
แถมยังกอดจูบผู้มาเยือนอีกต่างหาก ... ไว้ตอนต่อไปจะพาเข้าไปชมภายในโบสถ์แห่งนี้ มาติดตามตอนต่อไปเร็วๆ นี้นะ