หลังจากเดินออกจากโบสถ์โนเตรอดาม พวกเราก็เดินสำรวจไปรอบๆ เมื่อมองไปยังหลังคาของโบสถ์ ก็จะพบเข้ากับสัตว์รูปร่างประหลาด โดยมีรูปปั้นที่ วีโอเล เลอ ดุก ผู้เป็นสถาปนิกคนสำคัญคนหนึ่งของฝรั่งเศส นำมาตั้งไว้เพื่อไล่ภูตผีปีศาจ และเป็นคนเดียวกันที่เพิ่มยอดโบสถ์ให้สูงถึง 90 เมตร
แต่ที่มองเห็นเป็นรูปสัตว์ต่างๆ นั้น แท้ที่จริงคือ ท่อระบายน้ำฝน นั่นเอง
โบสถ์โนเตรอดามถือเป็นสิ่งก่อสร้างแรกๆ ที่ใช้กำแพงค้ำยันแบบปีกนก ซึ่งสถาปนิกสมัยกอธิคจะเน้นการสร้างสถาปัตยกรรมที่มีความสูง บาง โปร่ง และเมื่อก่อสร้างสูงขึ้นไป กำแพงก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ สร้างแรงกดดันให้กำแพงโก่งและร้าว
จากมุมนี้ มองเห็นยอดของโบสถ์ได้อย่างชัดเจน มีรูปปั้นสีเขียวดูเด่นอยู่ตรงนั้น
สถาปนิกจึงใช้เทคนิคเพื่อแก้ไขโดยวิธี "กำแพงค้ำยัน" ที่กางออกไปคล้ายปีกนกนอกตัวโบสถ์ เพื่อให้กำแพงค้ำยันนี้ หนุนหรือค้ำกำแพงตัวโบสถ์ไว้ และนอกจากจะมีประโยชน์ดังกล่าว ยังกลายเป็นการตกแต่งให้สิ่งก่อสร้างดูสวยงามขึ้นอีกด้วย
ฉะนั้นวิธีแก้ปัญหานี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของโบสถ์ที่สร้างแบบกอธิคไปด้วยในตัว เมื่อพวกเราเดินมาถึงด้านหลังของตัวโบสถ์ ก็ได้พบกับสวนดอกทิวลิป
เป็นเสน่ห์ของเมืองหนาวในฤดูใบไม้ผลิ ที่จะมีดอกไม้สีสันสดใส ต่างชูดอกโอ้อวดความสวยงามอย่างเต็มที่
ทำเอาต้องหยุดบันทึกภาพมาเป็นโปสการ์ดสวยๆ และไม่ต้องเสียตังส์ในการเข้าชมแต่อย่างใด ถือเป็นต้นไม้ทั่วไปของเขา แต่เราซึ่งไม่คุ้นเคยนัก ก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา
ทิวลิป (Tulip) เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิเปอร์เซีย เป็นดอกไม้ป่าในแถบประเทศตุรกี อิหร่าน อัฟกานิสถาน ก่อนจะถูกนำมาปลูกในแถบยุโรป ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก กลายเป็นว่า ทิวลิปเหมือนลูกครึ่ง เพราะเกิดที่ตุรกีแต่มาโตที่เนเธอร์แลนด์และยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์อีกด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อจัดวางเป็นกลุ่ม ยิ่งทำให้เพิ่มความสวยงามหลายเท่า ... มองเห็นดอกสีแดง ดอกนั้นกำลังพยายามให้โดดเด่นกว่า แต่เมื่อเจอกับหมู่ทิวลิปสีม่วงเลยต้องขอยอมแพ้
จากมุมนี้แสดงให้เห็นบริเวณดอกทิวลิปสีม่วง ที่จัดสวนสวยๆ ไว้โดยรอบ
จากมุมนี้ซึ่งอยู่ส่วนท้ายของโบสถ์ จะมองเห็น "ครีบยันลอย" (Flying Buttress) ที่ยื่นออกไปโดยรอบบริเวณร้องเพลงด้านหลังโบสถ์
ได้สีสันของบุปผชาติ มาเพิ่มความสดใสได้ทั่วบริเวณ เห็นดอกไม้สีแดงสด และทิวลิปสีชมพูอ่อนหวาน
แต่เจอเข้ากับต้นซากุระ (Cherry Blossom) ที่กำลังเบิกบานอยู่เต็มต้น อีกทั้งยังร่วงโรยเต็มพื้นตามทางเดิน
บรรยากาศโรแมนติค นั่งชมดอกซากุระ อีกทั้งกลีบดอกที่ร่วงหล่นลงพื้นตามกระแสลม
เมื่อก่อนรู้สึกสับสนระหว่าง ซากุระ (Sakura) ของญี่ปุ่น และ ซากุระ (Cherry Blossom) ของทางยุโรป โดยในความเป็นจริงแล้วถือเป็นพืชตระกูลเดียวกันจำพวกเชอรี่ ในสกุล Prunus
แต่ดอกของทางยุโรป จะมีกลีบดอกที่แน่นกว่าและจะไม่มีกลิ่นหอม
สีสันของดอกไม้ เพิ่มความงามให้สถาปัตยกรรมได้อย่างดี
และเชื่อได้ว่า บางส่วนของสถาปัตยกรรมก็ได้รับรูปแบบมาจากดอกไม้เช่นเดียวกัน
อีกส่วนที่อยากให้สถาปัตยกรรมหลายๆ แห่งในบ้านเรา เลือกใช้รั้วแบบโปร่ง ซึ่งทำให้เห็นสิ่งก่อสร้างได้ชัดเจน และที่ขาดไม่ได้คือ การจัดสวนสวยๆ โดยรอบ อีกทั้งการนำสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ลงใต้ดินให้หมด เพราะเสียอารมณ์ทุกครั้งที่ถ่ายภาพและต้องเจอสายไฟที่คอยบดบังทัศนียภาพ
คงเป็นดังประโยคที่ว่า มองบ้านเมืองอื่นเขา แล้วหันกลับมามองบ้านเมืองเราเอง ว่าทำไมเห็นมีการไปศึกษาดูงานกันเป็นประจำ แต่ก็ไม่นำจุดเด่นมาปรับปรุงดูบ้าง
ได้เวลาที่ต้องจากลาโบสถ์โนเตรอดาม มหาวิหารที่สวยงามที่สุดในลักษณะกอธิคแบบฝรั่งเศส
เดินกลับทางเดิมตามทางขนานไปกับแม่น้ำ
มองหาที่นั่งพัก หาอะไรจิบให้หายคอแห้งกันซักหน่อย
มีร้านที่นั่งชิลชิล ริมทางเดิน จึงเลือกพักขากันแถวนี้
Cheers ... ชนแก้ว
มองเห็นใกล้ๆ จุดนี้ ไม่ถึง 50 เมตร จะมีสวนดอกไม้อยู่ จะหยิบกล้องติดมือ เพื่อไปเก็บภาพเพิ่มเติม
โอ้ว! ทิวลิปหลากสี แถมยังมีแบบกลีบซ้อน
มองเห็นโบสถ์โนเตรอดาม ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ในอีกมุมมอง
หลากหลายสีสัน สดใสทั้งนั้น
หลังจากได้พักขา ก็ได้เวลาเดินเท้ากันต่อ โดยบันทึกภาพและนำมาเขียนบันทึกเรื่องราวการเดินทาง