เช้าวันถัดไปในปารีสและพวกเรามีแผนการเดินทางไปท่องเที่ยวปารีสรอบนอก เพื่อตรงไปยังพระราชวังแวร์ซาย ซี่งเป็นพระราชวังขนาดใหญ่โต เป็นที่ประทับเดิมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ให้ได้เพลินไปเที่ยวชม เรียกได้ว่าหนึ่งวันเต็มก็ยังไม่ทั่ว คงต้องขอซักหนึ่งสัปดาห์
แต่ก่อนออกเดินทางคงต้องแวะเติมพลังกันก่อน กับร้าน Pastry ใกล้ๆ โรงแรมซึ่งเรามาใช้บริการแล้วเมื่อวานนี้ และติดใจในรสชาดและอัธยาศัยไมตรีของคุณป้าเจ้าของร้าน
กับกาแฟแคปซูล ที่จ่ายตังส์คุณป้าและจะได้รับมา 1 แคปซูลต่อถ้วย หย่อนแคปซูลลงในเครื่องและกดปุ่ม ก็จะได้กาแฟร้อนหอมๆ กรองจากตัวแคปซูล อยากให้มีแบบนี้ในบ้านเราจริงๆ
เข้ากับ Pastry แสนอร่อย ต้องขอฟ้องด้วยภาพก็แล้วกัน
หลังจากนั้น พวกเราก็ต้องเดินกันมายังสถานีรถไฟ เพื่อซื้อตั๋วและเดินทางกันไปยังพระราชวัง
ได้ตั๋วมาแล้ว ก็รีบลงไปยังชานชาลา เพื่อจับรถไฟให้ทัน
มองชมบรรยากาศไปตลอดสองข้างทาง
เริ่มออกไปนอกเมือง ก็จะไม่เห็นตึกสูง กลับเป็นบ้านเรือนจำนวนมากผ่านแม่น้ำแซนด์ และด้วยความบังเอิญมองเห็นรูปปั้นเทพีเสรีภาพแบบเดียวกันกับที่สหรัฐอเมริกา ทราบภายหลังว่าเป็นรูปต้นแบบก่อนนำไปสร้างของจริงที่มีขนาดมหึมา
บรรยากาศคล้ายมีเมฆฝน แอบภาวนาในใจว่าอย่ามีฝนเลยและก็ได้ผล ไม่เจอฝนซักเม็ด
ไม่นานนัก เราก็เดินทางมาถึงสถานี จากภาพนี้จะเห็นได้ว่ารถไฟสามารถโดยสารได้ 2 ชั้น เมื่อเดินผ่านเข้ามายังสถานี เพื่อผ่านไปอีกฝั่งซึ่งต้องเดินข้ามถนนไปยังจุดจำหน่ายตั๋ว
ค่าตั๋วเข้าวังคนละ 25 ยูโร สำหรับ Pack Versailles ส่วนของพระราชวังและบริเวณสวน แต่พวกเราเลือกแบบ 27 ยูโร สำหรับ One Day Pass เพราะเรายังเดินลึกเข้าไปบริเวณสวนด้านหลังพระราชวังแวร์ซาย ไปจนถึงบริเวณ พระตำหนักของพระนางมารี อองตัวแนต ซึ่งหากใครมาท่องเที่ยวและมีเวลา ต้องขอแนะนำให้เข้าไปเที่ยวด้วย
หลังจากได้ตั๋วแล้ว ก็ไม่รีรอต้องรีบเดินไป เพราะยังไม่รู้ว่าคิวหน้าพระราชวัง จะยาวเป็นงูขดไปขดมากี่รอบ
ดูจากจำนวนรถที่มาจอด คาดว่าคงมีไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่เป็นไรขนาดยืนอยู่หน้าวังก็ยังเห็นภาพที่สวยงาม และถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ในโลกยุคปัจจุบันด้วย
แถมอากาศก็หนาวใช้ได้ ลมพัดตลอด ... มาทราบเรื่องราวของเมืองแวร์ซายกันซักหน่อย ในอดีตเมืองแห่งนี้เป็นเมืองเล็กๆ บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา ครั้นเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายน่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน ค.ศ. 1624 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น
บริเวณหน้าทางเข้า มีนักท่องเที่ยวมากมายมารอกันเต็ม
แต่ก็ถือว่าไม่มากนัด ยืนเพียงไม่นานก็สามารถเข้าไปยังบริเวณภายในวังได้
แต่ก็นานพอให้พวกเราเก็บความประทับใจผ่านเลนส์กัน ทั้งแบบหมู่คณะ
ทั้งแบบแตกแถว โชว์เดี่ยว
ขอลองเป็นศิลปินเดี่ยวดูมั่ง ... แค่แป๊ปนึง
แถวคิวใกล้ถึงทางเข้าประตู อยู่ประชิดข้างรั้ว ได้เห็นความสวยงามสีทองอร่ามและฉากหลังตัวอาคารที่ใหญ่โตสมกับเป็นพระราชวังที่ลือชื่อ ... มาทราบประวัติความเป็นมากันต่ออีกเล็กน้อย
เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี ค.ศ. 1661 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปี จึงแล้วเสร็จใน ค.ศ. 1688
ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภายในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก
ใหญ่โตจนพวกเราแบ่งกลุ่มกันเดิน โดยนัดเวลากันเพื่อกลับมาเจอที่จุดนัดพบ เพราะไม่เพียงแต่ตัวพระราชวังในส่วนนี้ที่มีทั้งชั้นล่างและชั้นบน และยังมีสวนสวยๆ อีกด้วย
การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายแห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วยกิโยติน ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1789 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชม
ในความเห็นส่วนตัวคือ ถ้าไม่มีพระองค์ท่านในวันนั้น เราอาจไม่มีพระราชวังและงานศิลปะทรงคุณค่าในวันนี้
เรียกได้ว่า มองไปมุมไหนก็สวยไปหมด
และทำจากหินอ่อนทั้งหมด แต่ความพริ้วทำเอาเหมือนจะมีชีวิตหรือขยับได้
แม้จะลองมองลอดกระจกไปนอกหน้าต่าง ก็ยังมีรายละเอียดความสวยงามในทุกกระเบียดนิ้ว
สำหรับผู้ที่มาเที่ยวชม คงต้องมีการบริหารต้นคอมาอย่างดี เพราะว่าเราไม่ได้ชมเพียงแค่ระดับสายตา แต่มีทั้งก้มทั้งเงย
โดยเฉพาะภาพเขียนบนเพดานภาพนี้ ทำเอาคอพับไปด้านหลังแทบขนานไปกับพื้นห้อง
ถ้าไม่เกรงใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแล คงนอนราบไปกับพื้นเหมือนเวลานอนดูดาวบนยอดภูแล้วกระมัง ... ไว้มาติดตามชมห้องต่างๆ กันต่อ ขอบอกว่าอลังการงานสร้างสุดๆ มาติดตามกันต่อเร็วๆ นี้