หลังจากเดินไปจนทั่วบริเวณภายในพระราชวังในห้องต่างๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงามของงานศิลปะแทบจะทุกมุมก็ว่าได้ อีกทั้งสถาปัตยกรรรมภายนอกที่ต้องเรียกว่าอลังการงานสร้าง จึงไม่แปลกใจที่เหตุใดจึงใช้เวลากว่า 30 ปี กว่าที่พระราชแห่งนี้จะแล้วเสร็จ

พวกเราก็ได้นัดหมายเวลาและจุดนัดพบกันตอนเที่ยงๆ ก่อนจะเข้าไปเที่ยวชมบริเวณสวนสวยของพระราชวังแวร์ซาย ซึ่งต้องถือเป็นไฮไลท์สำคัญในการมาท่องเที่ยวยังพระราชวังแห่งนี้

ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงแล้ว คงต้องเติมพลังกาแฟและขนมกันซักหน่อย

แต่สำหรับขนม "มะกาฮอง" (Macaron) สีสันชวนกินแบบนี้ วันนี้ขอบายเพราะได้ลองชิมเมื่อวันก่อนแล้ว เป็นขนมที่ทำจากไข่ขาว น้ำตาลไอซ์ซิ่ง และ แป้งอัลมอนด์หรืออัลมอนด์บดทำเป็นทรงโดมครึ่งวงกลม แต่งสีแต่งกลิ่นได้หลากหลายแล้วประกบกันสอดไส้ด้วย ครีมเนยสด  ช็อคโกแล็ต หรือแยม หากถามว่าอร่อยมั้ย ตอบว่า อร่อย! แต่ถามว่าอีกชิ้นมั้ย ขอตอบว่า ไม่ดีกว่า!

มาลงเอยกับชิ้นนี้ เค็กปิดทอง อร่อยรึป่าวไม่รู้ แต่ก็ได้ชิมรสชาดทองคำเปลวก็วันนี้แหล่ะ!

เค๊กชิ้นนี้ กับกาแฟธรรมดา 2 แก้ว พร้อมเซอร์วิสชาร์ต รวมกัน 15.80 ยูโร หรือประมาณ 700 บาท ... โอ้วมายก๊อด! ไม่แปลกใจที่ต้องกินเรียบ ขูดไม่ให้เหลือแบบนี้ ไม่รู้จะบอกว่าอร่อยหรือว่าเสียดายของแพงดี

หลังจากเข้าสุขาเป็นที่เรียบร้อย เพราะมานั่งร้านกาแฟในพระราชวังทั้งทีต้องใช้บริการให้ครบก็ได้เวลาเดินลงไปยังจุดนัดพบเพื่อนอีกกลุ่มที่เดินแยกกันในช่วงเช้า

นักท่องเที่ยวมีจำนวนมากมายในแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นทัวร์คนไทยอยู่หลายๆ กลุ่ม

ออกมาถึงจุดนัดหมายแล้ว ฟ้าสวยได้ใจพอดี

ยิ่งทำให้สีทองดูงดงามอร่ามแท้

สีฟ้าสดใส ตัดกับตัวสถาปัตยกรรมสีส้มและสีทอง ยิ่งทำให้ดูโดดเด่น

บอกเพื่อนช่วยถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไว้หน่อย ... แช๊ะ!

หลังจากรวมพลกันครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินเข้าชมสวน

เดินเข้าภายในก็จะมองเห็นตัวอาคารของพระราชวังที่เราเดินเที่ยวชมในช่วงเช้า ยิ่งเห็นความยิ่งใหญ่ว่าเหตุใดจึงเดินชมได้ทั้งวันภายในตัวอาคารนั้น หากไม่กำหนดนัดเวลากัน คงเดินเพลินแน่ๆ

ฟ้าช่างเป็นใจเหลือเกิน

และที่เห็นอยู่นี้ ไม่ใช่ผมทรงใหม่แต่อย่างใด แต่ลมทั้งหนาว ทั้งแรง พัดเอาผมฟูซะขนาดนี้

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสวนดอกไม้ ต้องชอบแน่นอน ด้วยฝีมือของนักออกแบบสวนชื่อดังในยุคนั้น คือ André Le Nôtre

โดยเฉพาะฤดูกาลนี้ จะได้เห็นไม้ดอกผลิบาน แข่งกันโชว์ความสวยแบบไม่เกรงใจใคร

ไม่ว่าจะกล้องใหญ่ กล้องเล็ก หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ก็อยากจะเก็บความงามไว้ชื่นชมนานๆ

ไม่เพียงแต่ไม้ดอกไม้ประดับ แต่ชื่นชอบในลวดลายการจัดพื้นที่โดยรอบ รวมไปถึงบึงน้ำขนาดใหญ่ในแต่ละด้าน

ซึ่งความงามของดอกไม้จะเห็นได้ชัดเจน ต้องได้ฟ้าสวยเป็นฉากหลังด้วย

เรียกได้ว่า งานนี้เห็นทิวลิป พันธุ์ไม้จากเอเชีย (จากประเทศตุรกี) แต่มาเติบโตในยุโรปได้อย่างโดดเด่น

ทำเอาคนไม่ค่อยชอบถ่ายภาพดอกไม้ ต้องแอบปันใจมาบ้าง

เพราะต้องนำมาเก็บบันทึกการเดินทางไว้ชื่นชมนาน ให้หายคิดถึง

ด้วยความตั้งใจของผู้จัดสวน ที่ต้องเลือกต้นไม้หลากหลายสีสันมาจัดรวมกันเหมือนกระเช้าดอกไม้ขนาดยักษ์

ด้วยความแปลกใจที่ทำไมดอกไม้เหล่านี้ จึงสามารถทนต่อสภาพแสงแดดแรงแบบนี้ได้ดี ท่ามกลางอากาศหนาว

ให้ได้ชื่นชมเป็นเวลานาน เพราะดูกลีบดอกน่าจะอ่อน ไม่น่าจะทนทานได้หลายวัน ... แบบนี้ซิถึงจะเรียกว่า สวย แกร่ง ของจริง

ก่อนจะเดินทางมาท่องเที่ยวยังพระราชวังแวร์ซายแห่งนี้ เคยเห็นหนังสือที่รวบรวมภาพถ่ายของพระราชวังแห่งนี้จากในห้องสมุด ซึ่งได้นำภาพนี้มาขึ้นปกหน้า จึงทำให้ต้องมาเดินตามหามุมนี้บ้าง เพื่อจะมาเก็บบันทึกภาพไว้ตามที่ตั้งใจ

มุมที่มองเห็นตัวพระราชวังแวร์ซาย เป็นฉากหลัง

ไม่ว่าจะพยายามถ่ายอย่างไร ก็ยังไม่สามารถเก็บภาพพระราชวังได้ทั้งหลัง

แต่ก็ต้องขอกดไลค์ เพราะตามหาประติมากรรมที่เห็นบนหน้าปกหนังสือเล่มนั้นจนเจอ

ซึ่งพวกเรายังมีเวลาตลอดบ่ายวันนี้ ที่จะไปเดินเที่ยวยัง พระตำหนักใหญ่ (Grand Trianon) และ พระตำหนักน้อย (Petit Trianon)

ซึ่งต้องเดินไปทางสวนที่อยู่ตรงหน้าสุดลูกหูลูกตานั้น แล้วเบี่ยงเข้าไปทางขวา ไว้มาติดตามกันในตอนต่อไป