ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม พระราชวังแวร์ซายแห่งนี้ ถึงติดอยู่ใน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ในยุคปัจจุบัน หากจะทำการก่อสร้างขึ้นใหม่ในวันนี้ คงไม่วิจิตรบรรจงได้เท่านี้ ซึ่งในอดีตใช้เวลาก่อสร้างกว่า 30 ปี ด้วยแรงงานกว่า 30,000 คน อีกทั้งจะหาสถานที่ตั้งเหมาะสมขนาดกว้างใหญ่สุดสายตา คงเป็นไปได้ยาก

ขนาดยืนอยู่จุดนี้ ยังมองเห็นตัวพระราชวังแวร์ซายอยู่ไกลลิบ

หากจะให้หันหลังไปอีกฝั่ง ก็ยังไปอีกไกลลิบลับ สุดสายตา กับสวนขนาดใหญ่ยักษ์ นึกไม่ออกเลยว่าต้องใช้แรงงานและเวลาในการตัดแต่งกิ่งจำนวนเท่าไรกัน มองเห็นพุ่มไม้ที่ถูกตัดให้สูงเท่ากันไปตลอดทางยาว เหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้ดียิ่ง โดยเฉพาะวันที่แดดแรงแบบนี้ ช่วยให้คลายหนาวและอุ่นกายได้ดีนัก

อยู่ท่ามกลางฝูงห่าน ดูสง่างามแต่ก็ดุร้ายไม่เบา

เอาเป็นว่า ต่างฝ่ายต่างอยู่ ทำกิจกรรมกันไป แต่อย่าได้ไปราวีเชียว

บ้างก็เกี้ยวพาราสีให้คนได้อิจฉา

บ้างก็ขี้ตู่ แอบมาแสดงความเป็นเจ้าของ ของๆ คนอื่นเฉย ดูคุณป้าเท้าสะเอวเซ็งไปเลย เพราะคุณห่านเธอก็ไม่ยอมหนีซะด้วยซิ

เห็นทีต้องต่อสู้ ยื้อแย่งกันซะหน่อย หากโดนงับเข้าละก้อ คงเขียวไปหลายวัน ตอนเด็กๆ ได้ยินคุณแม่เล่าให้ฟังว่า เคยเลี้ยงห่านไว้เฝ้าบ้าน ซึ่งก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พอเห็นขนาดและความดุของมัน เริ่มจะเชื่อแล้วเรา

บรรยากาศสวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ

บ้างก็ลงพายเรือ แสดงแดดสะท้อนน้ำระยิบระยับจริงๆ ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน

ถึงเวลาช่วงบ่ายกว่าๆ เราก็ต้องเริ่มเดินกลับออกจากพระราชวัง ไปยังจุดนัดกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง

แต่เราคงไม่เดินออกไปทางตรงๆ แต่ขอลัดเลาะไปในเขาวงกตดูซักหน่อย

โดยเดินเข้าไปในเส้นทางป่าข้างๆ

และเป็นการหลบแดดแรงๆ อีกทางหนึ่ง (ข้ออ้าง)

เอาเป็นว่าได้เก็บภาพไปตามเส้นทาง

มีการจัดต้นไม้ไว้เป็นระเบียบพร้อมรั้วระแนง เห็นความเขียวขจี สมบูรณ์ของป่าอย่างเต็มที่ เส้นทางซ้อนไปมาคล้ายกำลังเดินอยู่ในเขาวงกต

เป็นศิลปะการจัดสวนที่สุดยอดมาก เดินไปจนเจอสถาปัตยกรรมอีก ตั้งอยู่กลางสวน

ไม่ทราบความหมายและรายละเอียดว่ามีไว้ทำอะไร

สรุปได้สั้นๆ ว่า สวยงามมาก

คงเป็นความตั้งใจของผู้ออกแบบ เพื่อสรรค์สร้างแสงเงา จากโค้งต่างๆ

ไม่นานนัก เราก็รีบเดินตามกลุ่มที่นำหน้าเรา เพื่อออกจากสวนตรงไปยังประตูทางออกของพระราชวัง

ขอเก็บภาพพระจันทร์ดวงโตในตอนกลางวัน

ใกล้ถึงตัวพระราชวังเข้ามาอีกแล้ว แต่ด้วยประติมากรรมจำนวนมาก ทำให้อดใจไม่บันทึกภาพไม่ได้

ก่อนเขียนเอนทรีนี้ เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เพิ่งได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ โรม (Rome) และ วาติกัน (Vatican) ซึ่งได้เห็นประติมากรรมโบราณจำนวนมาก ทำให้ไม่แน่ใจว่า ประติมากรรมที่เห็นในพระราชวังแวร์ซายเหล่านี้สร้างขึ้นในช่วงเดียวกับที่สร้างพระราชวังแวร์ซาย แต่เท่าที่สังเกตดู ไม่น่าจะเก่าแก่ยุคโรมันอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะประติมากรรมที่เห็นเก่าแก่ส่วนใหญ่ในโรม (Rome) มักจะโดนเด็ดของสงวนไปหมด ส่วนประติมากรรมภายใน วาติกัน (Vatican) จะมีการนำเอาใบไม้มาปิดบังของสงวน เช่นเดียวกับในภาพนี้

แต่รายละเอียดของสรีระนั้น มีรายละเอียดครบถ้วน เหมือนมีชีวิตจริง

ต้องขออภัยหากเนื้อหาค่อนข้างจะยาว และภาพค่อนข้าวจะเยอะ เป็นเพราะอยากทำเป็นบันทึกการเดินทาง ซึ่งบางครั้งก็มีรายละเอียดที่ไม่อยากให้พลาด หากท่านไปเที่ยวชมยังหลายๆ สถานที่

เป็นเพราะหลายต่อหลายทริปที่ผู้เขียน อยากเตรียมตัวก่อนไปเที่ยว เพื่อจะไม่ให้พลาดชมสิ่งสำคัญนั้นๆ แต่มักไม่มีข้อมูลที่ละเอียดเพียงพอ และส่วนใหญ่ก็จะมีภาพซ้ำๆ กัน จึงถือโอกาสมานำเสนอค่อนข้างเจาะลึก เพื่อให้ผู้อ่านสามารถพิจารณาเองได้ว่า จะไปเที่ยวชมที่ใดบ้าง หากมีเวลาจำกัด แต่ถ้ามีเวลามากเพียงพอก็สามารถเที่ยวชมได้ครบถ้วน

จากจุดเริ่มต้นที่ผู้เขียน ได้เคยเห็นมุมนี้จากหน้าปก หนังสือแนะนำ Versailles จากห้องสมุดประชาชน ภายในสวนลุมพินี ก็เกิดแรงกระตุ้นให้อยากมาเที่ยวชมของจริง

สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมจริงๆ

ได้ความประทับใจครบรส ทั้งพระราชวังสุดอลังการ งานศิลป์ชั้นยอด สวนสวยสุด

ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่มาท่องเที่ยว ก็จะเห็นความงามที่แตกต่างกัน แต่สำหรับพวกเรา คงต้องพักร้อนช่วงหยุดยาววันจักรี ถึงวันสงกรานต์ จึงจะได้เพราะไม่ต้องลางานหลายวัน

ยังมีเวลาต่อกันในปารีสอีก ไว้มาติดตามตอนต่อๆ ไป จะพยายามให้จบซีรีส์นี้ภายใน 50 ตอน ให้ได้

เพราะมี "ร้อนนัก ไปพักร้อน 2013" มารอไว้แล้ว ซึ่งได้พบกับยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้กัน มาเล่าสู่กันฟัง