Disable Preloader




ร้อนนัก ไปพักร้อน 2011 ตอนที่ 26 : ขอพาไปชมแหล่งช๊อปปิ้ง ให้สะใจในปารีส

ชองป์เอลิเซ่ คงจะเป็นถนนชื่อดังที่สุดของปารีส ที่ซึ่งเต็มไปด้วยอำนาจและเงินตรา มีที่พำนักของประธานาธิบดีฝรั่งเศส บูติกแฟชั่นชั้นสูง สถานทูตและสถานกงศุล ตลอดจนโรงแรมห้าดาว ภัตตาคารชั้นเลิศ

ดังนั้น หากใครมาเยือนกรุงปารีส ย่อมต้องมาเดินชมบรรยากาศในย่านนี้

ตามทางเดินจะมีการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เพิ่มสีสันและบรรยากาศได้ดี พร้อมกับอากาศเย็นและแดดอุ่นๆ

หลงใหลเมืองปารีส ที่มีอนุสาวรีย์อยู่หลายๆ จุด นอกเหนือไปจากสถาปัตยกรรมที่สวยงาม

ตลอดทางเดินก็จะมีภัตตาคาร และโรงแรมหรูหรา

ถนนชองป์เอลิเซ เริ่มต้นจากปลาซเดอลากงกอร์ด ไปจรด ปลาซชาร์ลเดอโกล หรื่อที่รู้จักกันในนาม "เอตัวร์" (ดวงดาว) หรือ "จัตุรัสแห่งดวงดาว" (Place de l'Étoile) เนื่องจากถนน 12 สายที่แยกเป็นแฉกคล้ายดวงดาวนั่นเอง

มีโชว์รูมรถหลากหลายยี่ห้อ ที่มาแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ กัน รวมไปถึงรถที่มาจากประเทศญี่ปุ่น

เดินไป ชื่นชมการเก็บรักษาอาคารคงสภาพเดิมไว้อย่างดี มีร้านอาหารเรียงรายตามทางเดิน

แต่เป้าหมายเราอยู่ข้างหน้า

ไม่นานนัก เราก็มาถึง ร้านโปรดของใครหลายคน "หลุยส์ วิตตอง"

ตั้งอยู่เลขที่ 101 ซึ่งไม่ต้องแปลกใจที่ ร้านดังนี้อยู่ที่ไหน ก็มักจะชอบเลข 1 เสมอ

ซึ่งผลการจัดอันดับสินค้าฟุ่มเฟือย 100 แบรนด์ดังระดับโลก ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และสินค้าแฟชั่นอื่นๆ นั้น ยี่ห้อ หลุยส์ วิตตอง นั้น ติดอันดับ 1 ถึงปีปัจจุบัน

ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในร้าน กลัวใครจะรู้ว่า พวกเราเหมากันมากี่ใบ .. ฮ่าๆ

ฟ้องด้วยภาพที่พวกเรามาเดินตรงข้ามร้าน LV เมื่อคืนก่อน ที่ขอนำกระเป๋าของเพื่อนในก๊วนมาสลับกับแบกระหว่างเพื่อนเจ้าของกระเป๋าไปเข้าสุขา และถ่ายภาพ "นายแบ จากเมืองไทย" ... ซึ่งลูกค้าผู้บริโภคสินค้าแบรนด์เนมที่เพิ่มขึ้นมากในวันนี้ คือ ชาวจีน นั่นเอง

ไม่เพียงแต่แบรนด์ดังนี้ ยังมีแบรนด์ดังอื่นๆ อยู่กันจำนวนมากตามถนนหลักและถนนย่อย ถูกใจนักช๊อปจากทุกมุมโลกอย่างแน่นอน

ถูกใจนักวินโดว์ช๊อปปิ้งอย่างผมเช่นกัน ... ตังส์อยู่ครบ

มองเห็นประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de triomphe de l'Étoile) ที่เราไปเดินถ่ายรูปกันมาแล้วเมื่อคืนก่อน

สำหรับนักช๊อปที่มายังบริเวณนี้ ก็ต้องขอบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกกัน

ไม่เพียงแต่จะมีแหล่งช๊อปปิ้งแถบนี้ พวกเราขอลงรถไฟใต้ดินไปยังแหล่งช๊อปปิ้งอื่นๆ กันต่อ

มาโผล่ที่สถานี Opéra

ภาพที่เห็นหลังจากโผล่ขึ้นจากสถานี ก็ได้พบกับ Paris Opera (Opéra de Paris) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1669 สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เพื่อเป็นสถาบันสอนเกี่ยวกับโอเปร่า นั่นเอง

ในปัจจุบันถือเป็นโรงละครแห่งชาติ เพียบพร้อมไปด้วยเก้าอี้ทันสมัย 2,700 ที่นั่ง สำหรับการแสดงโอเปร่า ที่เปิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1989

แต่สำหรับการแสดงบัลเล่ย์ (Ballet) หรือ คลาสสิคโอเปร่า (Classical Opera) จะจัดการแสดงใน Palais Garnier ที่เห็นในภาพที่แล้ว ซึ่งยังคงใช้เก้าอี้โบราณ 1,970 ที่นั่ง อยู่ ซึ่งเปิดการแสดงครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1875

และสำหรับการแสดงที่ใช้พื้นที่น้อยลงมา ยังมีห้องโถงขนาด 500 ที่นั่ง ใต้ Opéra Bastille อีกด้วย

เรียกได้ว่า ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ด้วยเงินทุนแต่ละปีกว่า 200 ล้านยูโร และต้อนรับผู้เข้าชมกว่า 800,000 คน ต่อปี

การตกแต่งภายนอก เรียกได้ว่า สวยสด งดงาม หาที่ติไม่ได้

ยังมีบริเวณภายในที่เดินไปยังห้องโถงการแสดง

แต่นักช๊อปอย่างเรา มีเหรอจะเสียเวลาช๊อปไปกับการไปนั่งฟังโอเปร่า ... ข้ออ้าง !!!

แต่ก็เดินเข้ามาในบริเวณร้านค้าของโรงละครแห่งชาติ ซึ่งมีสินค้าที่ระลึกให้ได้ช๊อปกัน

หลังจากอยู่ภายในนั้นไม่นาน ก็ได้เวลาเดินกันต่อ

มองไปทางขวามือ ก็ได้พบกัน ร้านขายแอ๊ปเปิ๊ล (Apple) แต่ไม่ได้ขายเป็นลูก หรือเป็นกิโลกรัม

จึงขอเข้าไปสัมผัสกับ iPad 2 ตัวเป็นๆ ซึ่งในขณะนั้นเพิ่งเปิดตัวเพียงไม่กี่วัน และยังไม่เข้ามาถึงประเทศไทย จึงตื่นเต้นซะหน่อย

แล้วพวกเราก็มาถึงห้างดัง Galeries Lafayette จุดหมายการช๊อปปิ้งอีกแห่ง ตั้งอยู่ในย่าน Boulevard Haussmann

ดูได้จากเอกสารแนะนำ เป็นภาษาไทย เอาใจนักช๊อปจากเมืองไทยขนาดไหน

ถือเป็นห้างเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1895 และมีการตกแต่งก่อสร้างขยายมาจนกระทั่งปี ค.ศ. 1912 ที่มีการตกแต่งเสร็จ ซึ่งประดับเป็นโดมแก้วพร้อมโครงเหล็ก

รวมไปถึง ลวดลาย รายละเอียดส่วนต่างๆ จนตอนแรก อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อก่อนเคยเป็นโรงละครโอเปร่ามาก่อนหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วสถานที่แห่งนี้ เป็นห้างสรรพสินค้ามาตั้งแต่เริ่มแรก

นับได้ว่าเป็นห้างที่มีความอลังการมากแห่งหนึ่ง

ได้เวลาอาหารกลางวันกันแล้ว พวกเราก็รับประทานอาหาร ชมวิวเมืองปารีส จากตรงนี้แล้วกัน

เลือกอาหารต่างๆ มาแจมกัน

เติมไวน์แดง เพิ่มพลังงานกันซักหน่อย

อิ่มแปร้ เพิ่มพลังงานการซื้อของกันต่อ

และก็ออกมาเป็น "นายแบ" ให้ถ่ายภาพกันที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างตึกของตัวห้าง

มองเห็นรถพาเที่ยวรอบเมือง และชอบรูปเด็กคนนี้ ดูมีความสุขจริงๆ

มองเห็นโรงละครแห่งชาติจากด้านหลัง

หากถามว่า เมืองไหนที่มองไปมุมไหน ก็สวยงาม เชื่อว่าคำตอบหนึ่งในนั้น คือ มหานครปารีส อย่างแน่นอน

เริ่มเมื่อยขากันบ้างแล้ว ทั้งช๊อปปิ้งของตัวเอง ของฝากคนอื่น

รวมไปถึง วินโดว์ช๊อปปิ้ง ก็ได้เวลาลงรถไฟใต้ดินกลับโรงแรมกันดีกว่า

มาดูกันว่าจะแพ๊กของลงกระเป๋าเดินทางกันอย่างไรดี

งานนี้ สะใจนักช๊อป เอาให้หมดแรงกันไปข้างนึงเลย