หากได้อ่านเอนทรีก่อนหน้านี้ที่พามายัง Karlsplatz ในบางภาพจะมองเห็นหอสูง ยอดสีเขียวเหมือนภาพนี้ ก็คือ "Frauenkirche" หรือมักจะเรียกกันว่า "โบสถ์หัวหอมคู่" ซึ่งมีอยู่ 2 ยอดด้วยกัน โดยชื่อนี้มีความหมายว่า "Cathedral of Our Blessed Lady"
จากตอนที่แล้ว เดินออกจากร้าน "Alois Dallmayr" และข้ามถนนมา ก็จะมองเห็นโบสถ์หัวหอมคู่ ซึ่งพวกเรากำลังเดินไปชมภายใน ... ย่านนี้จะมีร้านอาหาร และร้านค้าอยู่เต็มไปหมด
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ จึงเห็นผู้คนออกมาเดินกันเป็นจำนวนมาก ทั้งกินดื่มและจับจ่าย เนื่องจากร้านค้ามักจะปิดในวันพรุ่งนี้เพราะเป็นวันอาทิตย์
ระหว่างทางจะมองเห็นดอกของต้น "กุหลาบพันปี" ซึ่งเคยเห็นในภาคเหนือบ้านเรา แต่ไม่เคยเห็นดอกแน่นแบบนี้
สีแดงสด และบางต้นยังมีดอกตูมเป็นจำนวนมากอีกด้วย
มองเห็นกระถางนี้แต่ไกล นึกว่าเป็นดอกไม้พลาสติก พอเข้าไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่า "ของจริง"
เดินไม่นานนักเราก็มาถึงบริเวณตัวอาคารของโบสถ์ "Frauenkirche" ซึ่งลักษณะเป็นอิฐสีแดง ในยุคปลายของศิลปะกอธิก (Gothic) โดยโบสถ์แห่งนี้ได้ออกแบบอย่างเรียบง่าย ไร้ความหรูเลิศตามแบบกอธิก
มาถึงประตูเพื่อเดินเข้าไปชมภายในโบสถ์ เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ จึงไม่สามารถบรรยายด้วยภาพ แต่ก็ขอบันทึกภาพนี้ในอดีตที่ติดอยู่ในกรอบรูปบนฝาผนัง เมื่อครั้งที่โบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ซึ่งหลังคาโบสถ์ถล่มลงมา และโดมหลังหนึ่งถูกทำลายเสียหายมา แต่ก็ได้บูรณะขึ้นใหม่แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1994 ที่ผ่านมาไม่นานนี่เอง
พวกเราเจอแจ๊คพ๊อตพอดีที่ปีนี้ ปิดซ่อมไปหนึ่งโดม ภาพที่เห็นเลยอาจกลายเป็น "Unseen Frauenkirche" เลยก็ได้ เพราะถ้าไปหาดูจากเว็บอื่นๆ ก็จะเห็นโดมคู่สวยงาม แต่มาดูจากบล๊อกนี้ ก็จะเห็นแบบนี้ ... ดูซิ! วิธีปลอบใจตัวเองแบบน้ำขุ่นๆ ... โดมทั้ง 2 หลังนี้สูงไม่เท่ากัน หลังที่อยู่ทิศเหนือสูง 98.57 เมตร และอีกหลังทางทิศใต้สูง 98.45 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นภายใต้กฏห้ามอาคารที่อยู่ในเมืองชั้นใน สร้างสูงเกินกว่า 100 เมตร
หลังที่อยู่ทิศใต้ สามารถเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ และมองเห็นเทือกเขา Alps ได้ แต่ไม่เป็นไร ในเอนทรีต่อไป จะพาไปชมเทือกเขา Alps แบบจุใจ ส่วนภาพนี้ขอใช้ต้นไม้และเล่นมุมกล้อง เพื่อบังโดมที่ปิดซ่อมซักหน่อย ... แช๊ะ!
โดมทั้ง 2 หลังนี้ สร้างในยุคของ Renaissance อีกทั้งมีรูปแบบที่แตกต่างจากอาคารอื่นๆ ในย่านนี้ จึงทำให้โดมคู่ของโบสถ์แห่งนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์ (Landmark) ของเมือง Munich ไปซะแล้ว
ข้างๆ โบสถ์มีบ่อน้ำพุอยู่ และมองเห็นเด็กลงไปเดินเล่นกัน
ด้วยความตั้งใจที่จะบันทึกภาพนี้ มีคำว่า "Mode in München" ซึ่งตอนแรกมองเป็นคำว่า "Made in München" จะได้อธิบายภาพได้ว่า โดมหัวหอมคู่หลังนี้ สร้างขึ้นในมิวนิค
เดินถัดไปอีกเล็กน้อย ก็มีโบสถ์อีกแห่ง และอนุญาตให้บันทึกภาพได้ จึงขอนำภาพมาให้ชมกันแทนโบสถ์หัวหอมคู่ก็แล้วกัน
สวยงามยิ่งนัก หากไปเที่ยวยุโรปและเจอโบสถ์ที่ไหน แนะนำให้เดินเข้าไปชมความหรูเลิศอลังการงานสร้าง
โบสถ์มีความเงียบสงบมาก และขอบันทึกภาพแบบไม่ต้องเปิดแฟลช เพื่อได้แสงสีธรรมชาติมากที่สุด
มีคริสตศาสนิกชนมาสวดมนต์ เป็นภาพที่ดูแล้วรู้สึกดีมากๆ
ก็ได้เวลาเดินออกจากโบสถ์ ไปเที่ยวต่อ
ในตอนต่อไปจะพาไปชมเมืองมิวนิคยามราตรี ระหว่างนี้ ชมความน่ารัก ขำขำ ของงานศิลปกรรมชิ้นนี้ไปพลางๆ ก่อน
และอยากให้ผู้ที่เพิ่งเข้ามาอ่านในตอนที่ 10 นี้ ได้ย้อนไปอ่านในตอนก่อนๆ ที่ยังไม่ได้อ่าน ซึ่งจะเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่อยากให้พลาดตอนใดตอนหนึ่งเลย แล้วมาติดตามในตอนต่อไป เร็วๆ นี้