แม้จะพลาดหวังจากการเดินหาที่แลกแบงค์ย่อยจากธนบัตร 500 ยูโร ขนาดไปติดต่อที่ธนาคาร ยังไม่ยอมรับแลกซะอีก แต่ไม่เป็นไรยังไงก็ยังมีธนบัตร 100 ยูโร กันอยู่ และเป้าหมายในบ่ายวันนี้ของพวกเรา คือ ไปตามหาตึกสีฟ้าๆ และทำท่อรองน้ำฝนแบบแปลกๆ อยู่ภายนอกตัวอาคาร ซึ่งทราบแต่เพียงว่าอยู่ในละแวกไหน คงต้องใช้การเดินเพื่อตามหาและเก็บเกี่ยวภาพบรรยากาศไปด้วย
เริ่มจากจุดนี้ที่พวกเราเพิ่งเสร็จจากการเติมพลังด้วยขนมและกาแฟ พลังคาเฟอีนช่วยเพิ่งแรงเดินได้ดี
ยังมีอาคารสถาปัตยกรรมที่ดูสวยงามไปตามทาง ซึ่งตรงข้ามของอาคารหลังนี้ ยังมีโบสถ์เก่าอยู่
จึงไม่รีรอขอเข้ามาชมบริเวณภายในกัน
มีความเรียบง่าย ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการมากนัก แต่ก็ได้รับความสงบเงียบ เย็นยะเยือกได้เหมือนกัน
ภายในมีป้ายอธิบายและบันทึกประวัติศาสตร์แห่งเมืองเดรสเดิน (Dresden) แห่งนี้ไว้ในศึกษาและมีภายสถาปัตยกรรมต่างๆ อย่างที่ทราบว่า เมืองนี้ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปกว่า 90%
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เมืองแห่งนี้จะสร้างแต่สถาปัตยกรรมให้เลียนแบบสมัยก่อนเสมอไป อย่างภาพที่เห็น คืออะไรเอ่ย? พอเดาออกหรือไม่
สร้างขึ้นข้างๆ ตลาดที่มีชื่อว่า Neustadter Markt Halle
ชอบตลาดของประเทศเยอรมัน ในความสะอาด สบายตา น่าช๊อปปิ้ง
เรียกได้ว่ามีครบทุกอย่าง เหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม พวกเราซื้อขนมติดไม้ติดมือกัน
แถมภายนอกอาคารยังมีความสวยงามอีกด้วย
ถึงเวลาเฉลยแล้ว อาคารที่ว่าก็คือ อาคารจอดรถอัตโนมัติ นั่นเอง ... แค่นำรถเข้าไปจอดแล้วเดินออก ระบบจะนำรถไปวางตามชั้นให้โดยอัตโมมัติ น่าจะสะดวกมากๆ โดยเฉพาะเมืองที่ผู้คนใช้รถไม่มากเท่าบ้านเรา ขืนมีจำนวนรถมากอย่างกรุงเทพฯ คงยืนรอลิฟท์ยกรถเป็นชั่วโมงแน่ๆ
แต่สำหรับเมืองที่เจริญแล้ว การใช้รถรางสาธารณะนั้น มีความสะดวกแทบจะไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเลยก็ว่าได้
อีกทั้งการใช้รถจักรยานกับรถไฟฟ้าที่ช่วยกันเสริมกันอย่างลงตัวที่สุด ยิ่งได้ประโยชน์และประหยัด แถมยังรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยมอีกด้วย ผิดกับบ้านเราที่ไม่อนุญาตให้นำจักรยานขนาดใหญ่อย่างในภาพเข้าไปใช้รถไฟฟ้าของ Airport Rail Link แต่สำหรับรถไฟลอยฟ้า BTS ต้องขอชื่นชมอย่างยิ่งที่อนุญาตและดูแลต้อนรับจักรยานอย่างดี
อีกทั้งการเดินเท้าก็สะดวก สะอาด และรู้สึกปลอดภัย
แถมยังมีประติมากรรมสวยงามตามมุมต่างๆ ของถนน
เดินผ่านร้านขายต้นไม้ เพิ่มสีสันและความสดชื่นให้ชีวิตได้ดี
เอ๊ะ! นั้นใครยืนในกระจก
มีบ้านปลูกสลับกับตึก พร้อมทั้งได้สีสันของฤดูใบไม้ผลิที่ช่วยเติมความงาม
ในฝั่งเมืองด้านนี้ของฝั่งแม่น้ำเอลเบอ (Elbe) ก็มีรูปแบบต่างจากและดูใหม่กว่าอีกฝั่งซึ่งเป็นเมืองเก่า
แต่ก็มีรายละเอียดของสถาปัตยกรรมที่ดูสวยงาม ไม่ใช่แค่ตึกสี่เหลี่ยมที่ดูจืดชืด
มีระเบียง มุมรับแสงแดด ซึ่งวันนี้ได้ฟ้าสวยหลังจากเมื่อวานเจอฝนตกตลอดทั้งบ่าย
ย่านนี้มีร้านอาหาร บาร์ต่างๆ จำนวนมากซึ่งอยู่ใกล้กับจุดหมายที่เรากำลังตามหาตึกสวยและท่อน้ำฝนประหลาดกันแล้ว
พวกเราดูจากแผนที่คิดว่าต้องอยู่แถวๆ นี้ ... นั่นไง เจอแล้ว
ใช่เลย ที่พวกเรากำลังตามหาจนเจอ
สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า Kunsthof-Passage (Kunsthofpassage)
เป็นแหล่งรวมร้านค้าที่สร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะต่างๆ เครื่องประดับ ภาพเขียน บัลเล่ต์สตูดิโอ สิ่งทอต่างๆ เป็นต้น
ด้วยความที่่ใช้สีสันสดใส สะดุดตา รวมทั้งมีรายละเอียดต่างๆ มาก ทำให้สนุกกับการถ่ายภาพได้ดี
ร้านค้าต่างๆ มีขนาดไม่ใหญ่ แต่ภายในจะมีสินค้าที่มีดีไซน์
รวมทั้งมุมนั่งพักขากันบ้าง
สวนขนาดเล็กช่วยเพิ่มบรรยากาศสดชื่นได้ดี
สีสันแปลกตา หาได้ยากกับดอกไม้สีฟ้า
ยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหารดูตามมุมต่างๆ
ชอบการเพิ่มศิลปะไปบนผนัง
ยังกับมาเดินอยู่ใน Art Gallery กลางแจ้ง
เป็นไอเดียที่ดีมากๆ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ Community Mall ผุดขึ้นในบ้านเราราวกับดอกเห็ด
บ้างก็เลียนแบบมาเกือบทั้งหมด
แต่ถ้าเรานำบางจุด มาพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ต่อยอด
ก็อาจเกิดเป็นเอกลักษณ์ขึ้นใหม่ แทนการสำเนาถูกต้องมาทั้งหมด
ซึ่งการท่องเที่ยวก็เหมือนการเปิดรับอะไรใหม่ๆ มาเป็นข้อมูลเพื่อนำไปคิดต่อ
ไม่เพียงแต่ความสนุก ความประทับใจไปด้วยกัน
ยังได้เจอผู้คน ได้มิตรใหม่อีกด้วย
ได้พบเจออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ
หากเป็นตึกสีฟ้าก็ดูน่าสนใจแล้ว ยิ่งเติมเส้นสายของรางน้ำฝน นี่มันผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมชัดๆ
ซึ่งบางครั้งหาไม่ได้ในตำรา เพราะการสัมผัสด้วยสายตา ย่อมชัดเจนกว่าจินตนาการ จึงคิดเสมอว่า "หากมีโอกาสก็ยังอยากมองเห็นโลกใบนี้ให้กว้างขึ้นไปเรื่อยๆ แม้จะใกล้หรือไกล ไปไม่กี่วัน ก็ยังรักการท่องเที่ยวอยู่เสมอ"