ในวันนี้ หนึ่งในก๊วนท่องเที่ยวของเราจะไม่ได้ไปต่อ ต้องดูผลโหวตจาก SMS ของผู้ชม ... สำนวนยังกับประกวดเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาวยังไงไม่รู้ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเพื่อนหนึ่งคนจะต้องเดินทางกลับก่อน ซึ่งต้องเดินทางด้วยรถไฟจาก Dresden กลับเข้า Frankfurt และไปค้างที่บ้านเพื่อนก่อนบินกลับเมืองไทยในวันพรุ่งนี้
เดวค่อยมาตามมาดูว่า ใครที่ถูกโหวตออก ไม่ได้ไปต่อ
พวกเรายังคงอยู่ในบริเวณ Neustadt ซึ่งบริเวณนี้มีผับ บาร์ และร้านอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก
บรรยากาศตอนกลางวันที่ร้านยังไม่เปิด ก็ดูเงียบเหงา แต่ต่างกลับช่วงค่ำที่คึกคัก
ตกแต่งดูแปลก ขำขำ
สลับกับดอกไม้บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้
เดินไป ท้องฟ้าดำทะมึน เหมือนมาขู่ให้รีบกลับไปยังที่พัก เพื่อให้เพื่อนำกระเป๋าเดินทางก่อนเดินทางไปยังสถานีรถไฟต่อไป
ก็แอบลุ้นตลอดว่า ฝนอย่าตกลงมา ทั้งหนาวทั้งเปียก เดี๋ยวจะไม่สบาย
แต่ดูเหมือนผู้คนเมืองนี้ เขาไม่ได้กลัวฝน นั่งเพลิน แต่ทว่า เมฆฝนดำทะมึนก็ไม่ได้ลงเม็ดแต่อย่างใด
เราเดินกลับมาถึงถนนสายหลักและเป็นถนนสายประวัติศาสตร์ Hauptstrasse โดยมีดอกแดฟโฟดิว (Daffodil) สีขาวอยู่ตรงนั้น
เดินต่อมาถึง พระบรมรูปทรงม้าของ Augustus the Strong ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นกษัตริย์แห่งโปแลนด์ และเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของแคว้นแซกโซนี (Saxony) ซึ่งทรงมีความสำคัญในการให้ความสำคัญกับงานศิลปะและสถาปัตยกรรมของเมือง Dresden แห่งนี้
โดยทรงรวบรวมสะสมผลงานศิลปะที่น่าประทับใจ และสร้างพระราชวังบาร๊อค (Baroque) ที่หรูหราในเมือง Dresden และ เมือง Warsaw
เห็นแบบนี้ อยากปั่นจักรยานขึ้นมาในทันที
เมฆฝนดำทะมึนมาขู่ เหนือเมืองอีกแล้ว ทำให้ต้องเดินเร็ว อีกทั้งมีเป้าหมายที่ต้องไปถึงสถานีรถไฟให้ทันอีกด้วย
ย้อนกลับมายัง Ständehaus หรือ รัฐสภาแห่งรัฐซัคเซิน ที่เราผ่านเมื่อวานนี้
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ เราจะเข้าไปเที่ยวชมภายในโบสถ์แถวกันไว้จะนำภาพมาฝากในเอนทรีต่อๆ ไป
จากจุดนี้ สามารถบันทึกภาพ Fürstenzug ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ของขบวนของผู้ปกครองแคว้น Saxony ในอดีต ได้ครบทั้งภาพ ซึ่งทำด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน (Meissen Porcelain) ถึง 23,000 ชิ้น สามารถย้อนกลับไปชมและอ่านรายละเอียดได้ในเอนทรี ตอนที่ 29
สำหรับเวลานี้ ได้แค่มองประติมากรรมข้างๆ โบสถ์ไปพลางๆ ก่อน
พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บรายละเอียดกันต่อ
อยากนั่งรถม้ากลับไปยังที่พัก แต่สงสารท่าทางคนจะเดินไวกว่า
เพราะกำลังรีบเดินเต็มกำลัง 4 แรงม้า กลับไปยังที่พัก ก็ผ่านโรงโอเปร่า (Semper Opera House) กันอีก
อาจจะถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองนี้ไปแล้ว เพราะอยู่ใจกลางย่านนี้พอดี
เห็นโบสถ์เก่าแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งบูรณะจากซากปรักหักพังของสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่กี่สิบปี
แต่ทำให้ดูเหมือนเก่านับหลายร้อยไป ถ้าเป็นบ้านเราคงจะทาสีขาวโดด ไม่เหลือความเก่าแล้วกระมัง
ใกล้ถึงที่พักแล้ว เพราะเราเดินผ่านสวนข้างๆ พระราชวัง Zwinger ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะขอเข้าไปชมวัง ... ในภาพมองเห็นดอกแดฟโฟดิว (Daffodil) สีเหลืองอวดโฉมอยู่จำนวนมาก และยังมีหงส์ขาวคู่หนึ่งตรงนั้น
ถึงหัวมุมถนนก่อนเดินเข้าที่พักแล้ว เพราะจำรูปปั้น E.T. บนตึกนั้น ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวแต่อย่างใด แต่จะเป็นผลงานศิลปะเพื่อระลึกถึงจิตรกรและประติมากรชาว Dresden ท่านหนึ่งชื่อ Ralf Winkler หรือมีนามแฝงว่า A.R. Penck ซึ่งเขาเป็นประติมากรที่เลือกใช้วัสดุที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น ไม้, ขวด, กล่องกระดาษแข็ง และลวด เป็นต้น ในการสร้างสรรค์ผลงานของเขา
ด้วยความรวดเร็วเมื่อเพื่อนไปหยิบกระเป๋าเดินทางแล้ว พวกเราก็ออกเดินต่อจากที่พัก และเดินทางไปสถานีรถไฟแบบเบลอๆ
เพราะว่าไม่ได้ศึกษาหรือดูแผนที่ แค่มองกะว่าสถานีรถไฟอยู่ทิศไหน เราก็เดินสุ่มไปเรื่อยๆ จนภายหลังพบว่าเราเดินอ้อมไปไกลพอสมควร
แต่ก็ยังดีที่มาทันรถไฟ เพราะอีก 5 นาที รถไฟก็จะเข้ามาเทียบชานชาลา
รถไฟมาเทียบชานชาลา ตรงเวลาเป๊ะ เรียกได้ว่า หากผิดเวลาก็จะไม่รีรอใคร
จากนั้นเราก็ต้องร่ำลา ส่งเพื่อนที่ไม่ได้ไปต่อในรอบถัดไปด้วยการถอนสายบัวงามๆ ให้หัวเราะท้องแข็งกัน ขำขำ
กลับเข้าสู่โหมดปกติ ไม่ต้องเดินสลับวิ่ง เหมือนเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ทั้งกลัวฝนตก ทั้งกลัวตกรถไฟอีกด้วย
เหลือบไปเจอฝาท่อบอกชื่อเมือง Dresden พอดี เรามาเช็คอินกันก่อน และน่าเสียดายที่ขาดเพื่อนไปอีกหนึ่งที่มาเที่ยวด้วยกันสองวันในเมืองนี้
แต่ยังไงเราสามคนที่เหลือยังต้องเดินทางในเมืองนี้ ในวันพรุ่งนี้ต่อไปอีกหนึ่งวันเต็ม
แต่ทำให้เรารู้อย่างหนึ่งว่า พรุ่งนี้หากเราออกจากที่พักและเดินทางมาสถานีรถไฟ เราจะไม่เลือกเส้นทางเหมือนบ่ายวันนี้ เพราะอ้อมไปไกลพอสมควรแทนที่จะเป็นทางลัด
แต่ก็ดีอย่างคือ เราก็ได้มองเห็นเมืองในมุมที่แตกต่างออกไป ถือว่าได้ท่องเที่ยวเพิ่มอีกทางหนึ่ง
สำหรับค่ำนี้ เราจะไปเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อเลือกซื้ออาหารทั้งปรุงสำเร็จ และไปปรุงเพิ่มเติมในครัวของที่พักคืนนี้ รวมทั้งอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้
เป็นความสนุกอีกอย่างที่ได้ชิมฝีมือเพื่อนในการปรุงอาหาร และช่วยกันจัดเตรียม หรือแม้กระทั่งช่วยคิดเมนูอาหาร
ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก และเป็นอีกหนึ่งวันที่เดินเยอะมากวันหนึ่ง แต่ก็เป็นความสุขที่ได้พบเห็นอะไรแปลกตา ได้ศึกษาวิถีชีวิตที่แตกต่าง เป็นการเรียนรู้จากการเดินทางอีกทางหนึ่งด้วย