หลังจากที่เดินวนเวียนภายนอก หรือแค่เข้ามาชะโงกพระราชวัง Zwinger ผ่านซุ้มประตู บ่ายวันนี้พวกเราถือโอกาสเข้ามาท่องเที่ยวกันก่อนที่จะเดินทางกลับด้วยรถไฟ ICE ไปยังเมือง Frankfurt
ด้วยบรรยากาศของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ บวกกับรถม้าแบบนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตของเมือง Dresden แห่งนี้เมื่อราวปี ค.ศ. 1521 ย้อนไปในยุคกลางของเยอรมัน ซึ่งพระราชวังแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการในเขตระหว่างกำแพงด้านในและด้านนอก
และยังมาเจอเข้ากับหญิง 2 คน ที่สวมชุดแบบโบราณกำลังเดินอยู่ในพระราชวัง ต้องแอบขยี้ตาเกรงว่ากำลังหลงอยู่ในยุคกลางของเยอรมันหรือนี่
พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตามแบบศิลปะ Rococo ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิก Matthäus Daniel Pöppelmann
โดยคำว่า Zwinger นั้น เป็นภาษาเยอรมันจะหมายถึง หอภายนอกของปราสาทที่เป็นศูนย์กลาง จึงเป็นจุดที่วางปืนใหญ่ระหว่างผนังด้านนอกและผนังที่ปกป้องส่วนที่สำคัญ
แต่ปัจจุบันนั้น กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งประกอบไปด้วย Gemäldegalerie Alte Meister (จัดเก็บภาพเขียนโบราณชิ้นสำคัญ), the Dresden Porcelain Collection (Porzellansammlung) จัดเก็บพวกเครื่องกระเบื้องต่างๆ and the Mathematisch-Physikalischer Salon (Royal Cabinet of Mathematical and Physical Instruments) จัดเก็บพวกเครื่องมือต่างๆ โบราณที่สำคัญ
พระราชวังแห่งนี้ก่อสร้างในราวปี ค.ศ. 1710 - 1728 โดยประติมากรรมต่างๆ นั้น ด้วยฝีมือของ Balthasar Permoser
ไม่ว่าจะมองไปมุมไหน จะเห็นประติมากรรมรูปเด็กอยู่หลายๆ จุด
ไม่พลาดที่จะขอบันทึกภาพใกล้ๆ ขอหอมหน่อย
ศิลปะของยุโรปมักจะเน้นรายละเอียดของสรีระอย่างครบถ้วน
ให้ความรู้สึกอ่อนโยน
ลองมองย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1895 จากภาพเก่ามองเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังแห่งนี้
เป็นความรักจากครอบครัว ซึ่งพระราชวังแห่งนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1719 ในวโรกาสการอภิเษกสมรสของเจ้าชาย Frederick August กับพระธิดาของจักรพรรดิ Habsburg, the Archduchess Maria Josepha
โดยสถาปัตยกรรมมีส่วนต่างๆ คล้ายเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะ แต่ก็ไม่เสร็จสมบูรณ์ในขณะที่เปิดใช้ กว่าจะเรียบร้อยใช้เวลาถึงปี ค.ศ. 1728
แต่ก็ตรงตามความประสงค์ที่ต้องการให้เหมือนเป็นที่แสดงผลงานศิลปะรวมทั้งโถงห้องสมุด
สถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่นี้ รวมทั้งสถาปัตยกรรมต่างๆ ในยุโรป ที่ยังเห็นว่าสวยงามอยู่นี้ ย่อมได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะมีการปิดซ่อมในบางมุมสลับไปเรื่อยๆ รวมทั้งกำแพงข้างๆ ซุ้มประตูมงกุฏนี้ ก็กำลังได้รับการซ่อมแซมอยู่
แต่ทว่าพระราชวังแห่งนี้ เคยถูกทำลายเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945
เรียกได้ว่าถูกทำลายเกือบจะทั้งหมดด้วยการทิ้งระเบิดแบบปูพรม ในระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 มองภาพแล้วแทบจะไม่หลงเหลือภาพเดิมให้เห็น
แต่ยังเป็นความโชคดีที่ผลงานศิลปะต่างๆ นั้น ได้รับการเคลื่่อนย้ายไปไว้ในที่ปลอดภัยก่อนการถูกทิ้งระเบิดครั้งนั้น
แต่ทว่าในปีเดียวกันนั้น หน่วยทหารของโซเวียต ก็ได้เริ่มการบูรณะพระราชวังแห่งนี้ขึ้นใหม่ และบางส่วนของพระราชวังได้เปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 1951
กว่าจะถึงปี ค.ศ. 1963 จึงได้รับการบูรณะกลับมาเสร็จสมบูรณ์ เป็นสิ่งที่น่าดีใจ มีรอยยิ้มที่ให้ความสำคัญในการบูรณะให้สวยงามดังเดิม
ได้ปะติดปะต่อประวัติศาสตร์ให้คงอยู่ถึงปัจจุบัน
ให้ได้ศึกษาและชื่มชมความงดงาม
จากแผนภาพแสดงส่วนต่างๆ ของอาคารโดยรอบของพระราชวัง
พวกเรายังเดินกันต่อไปยังส่วนของอาคารด้านหน้า ซึ่งยังมีมุมสวยๆ อีก
ยังมีประติมากรรมอยู่โดยรอบ
360 องศา จริงๆ
ขอเก็บบันทึกภาพไว้ทุกมุม เพื่อย้อนกลับมาดูภาพ ช่วยระลึกความทรงจำได้อย่างสมบูรณ์
ราวกับกำลังเดินชมห้องแสดงศิลปะกลางแจ้ง มองเห็นรายละเอียดลวดลายแทบจะทุกจุด
เดินขึ้นบันไดมายังระเบียงด้านบน พบกับประติมากรรมแทบจะทุกมุม ทุกหัวเสา
เรายังสามารถมองลอกไปทางโบสถ์และโรงโอเปร่าได้ชัดเจนจากมุมนี้
เป็นความงดงามที่คลาสสิค ดูได้ไม่มีวันเบื่อ
เป็นความทรงจำที่ประทับใจ และเป็นอีกครั้งที่พวกเรา ซึ่งเรียนสายวิทย์-ศิลป์มาด้วยกันช่วงมัธยม มาทัศนศึกษากันอีกครั้ง
และที่สำคัญคือ ได้มาฝึกฝนถ่ายภาพเพิ่มเติม โดยเฉพาะการถ่ายภาพสถาปัตยกรรมและวิวทิวทัศน์
มองดูเวลาแล้ว พวกเราต้องเริ่มเดินกลับมายังที่พักกันแล้ว เพราะเย็นวันนี้เราต้องไปให้ทันรถไฟ
ซึ่งเดินผ่านส่วนที่อยู่บริเวณพระราชวัง Zwinger
ด้วยความสวยงามแบบธรรมชาติสีเขียว แล้วยังมีห่านและเป็ดว่ายน้ำ เพิ่มชีวิตชีวา
มองเห็นคนกำลังป้อนอาหารให้ห่านตัวนั้น ไม่กลัวคน ... หากเราดูแลกัน ก็จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ... เป็นภาพปิดทริป Dresden อย่างมีความสุข
กับระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ได้รับความสุข ความสวยงาม ความประทับใจ และ ความสนุกจากเพื่อนร่วมก๊วน
ได้เวลาเดินทางกลับไปถึงเมือง Frankfurt ในค่ำคืนนี้ ใกล้จะปิดทริปเต็มทีในตอนต่อไปกันแล้ว ไว้มาติดตามกันต่อนะ