หากจะพูดถึงขนมหวานที่รับเอาวัฒนธรรมแบบโปรตุเกสมาแบบเต็มๆ คงหนีไม่พ้น "ทาร์ตไข่" (Egg Tart) ที่โด่งดังของ "มาเก๊า" เช่นเดียวกันกับขนมทองหยิบทองหยอดของบ้านเราก็ได้รับมาเช่นกัน

ด้วยกลิ่นหอมยั่วยวน สีสันเหลืองอร่าม ชวนในหม่ำอย่างมาก สนนราคาชิ้นละ 7 HK$ หรือประมาณ 28 บาทต่อชิ้น

อดใจไม่ไหวที่ต้องรับประทานทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยือนมาเก๊า ... มาสัมผัสเสน่ห์แห่งความเป็นยุโรปกลางเอเชีย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องทานทาร์ตไข่ที่ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul's) ที่มองเห็นอยู่เบื้องหน้า ตามมาเดี๋ยวพาไปชมใกล้ๆ

มองเห็นประติมากรรมตามจุดต่างๆ

สร้างความน่าสนใจและเพิ่มมุมในการถ่ายภาพได้มากขึ้นอีกด้วย

สถานที่แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ประวัติศาสตร์มาเก๊า แหล่งมรดกโลก

อ้าว! ตามพวกเรามา จะพาไปสัมผัสแบบใกล้ชิด

มุมนี้เด็ด ... แช๊ะ! ขอกด "ถูกใจ" (Like)

ซากโบสถ์ เซนต์ปอล คือ ด้านหน้าส่วนที่เหลือของโบสถ์มาแตร์ เดอิ (Mater Dei) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1602-1640

ซึ่งโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยเซนต์ปอล (St. Paul 's College) และเป็นมหาวิทยาลัยตามแบบตะวันตกแห่งแรกของเอเชียตะวันออก ซึ่งเกิดเพลิงไหม้ในปี ค.ศ. 1835 ทั้งวิทยาลัย และโบสถ์ถูกทำลายจนเหลือแต่ด้านหน้าของตัวอาคาร

เดินขึ้นบันไดขึ้นไปด้านบน เพื่อชมภาพจากมุมสูง

มองลอดประตูโบสถ์มองเห็นโรงแรมแกรนด์ลิชบัว (Grand Lisboa Hotel) ได้ชัดเจน และบ่ายนี้ พวกเราก็เข้าไปเดินเล่นภายในโรงแรมนี้ด้วย

มองย้อนกลับไปอีกฝั่ง บริเวณที่เคยเป็นตัวอาคารของโบสถ์ที่ถูกเพลิงเผาทำลายไปกว่า 175 ปีมาแล้ว หลังจากที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ ในปี ค.ศ. 1991 มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาขึ้นเพื่อรวบรวมภาพเขียนและจัดแสดงอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา หลุมฝังศพของบาทหลวง วาลิคนาโน ผู้ก่อตั้งโบสถ์ และโครงกระดูกของชาวคริสต์ญี่ปุ่นและเวียดนามที่เสียชีวิต เมื่อคราวเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่

มองดูแผนผังแสดงรายละเอียดของตัวโบสถ์ St. Paul 's อย่างชัดเจน

มองย้อนขึ้นไป เห็นคนกำลังเดินอยู่บนทางเดินตะแกรงโลหะ ไม่เหมาะกับรองเท้าส้นแหลมอย่างยิ่ง

จากมุมนี้ มองเห็นชื่อ มาแตร์ เดอิ ได้อย่างชัดเจน

และมุมนี้ถ่ายจากทางขึ้นไปยัง ป้อมมองเต (Monte Fort) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1642 ซึ่งในอดีตใช้เป็นกำแพงเมือง เพื่อป้องกันการรุกรานของชาวดัทซ์ ไว้ในโอกาสต่อไปจะนำมาบันทึกการเดินทางให้ได้ชมกันนะ