เชื่อได้เลยว่า แสงสียามค่ำคืนของฮ่องกงนั้น เปรียบเสมือนเป็นแม่เหล็กอย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ได้มาสัมผัสกับเมืองที่สว่างไสว ระยิบระยับ สร้างความเพลิดเพลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในมุมสูงอย่าง The Peak ที่ตั้งอยู่บนเขา
ซึ่งเราสามารถเดินทางขึ้นมาโดยรถรางอย่าง Peak Tram หรือพวกเราเลือกที่จะเดินทางขึ้นมาโดยรถบัส เพราะไม่ต้องรอคิวยาวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
เพื่อขึ้นมาสัมผัสกับความหนาวเย็น เรียกได้ว่า ลมหนาวพัดแรงมากๆ
ขนาดใส่ฮู๊ดแล้ว ใบหูและหัวเย็นมากแทบทนไม่ไหว
พวกเราเดินหามุมในการถ่ายภาพ ซึ่งการมาที่ The Peak นั้น จะมีแหล่งร้านค้า ช๊อปปิ้ง รวมถึงร้านอาหาร
มีทั้งมุมที่ต้องเสียตังส์ เพื่อไปถ่ายภาพ แต่พวกเราเลือกมุมฟรีๆ ก็ได้ภาพสวยๆ แบบนี้เหมือนกัน โดยทั้ง 2 ฝั่งของอาคาร จะมีประตูเปิดออกไปได้ จะเป็นระเบียง
ข้อดีอีกอย่างคือ ไม่ค่อยมีคน ทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้ตามใจชอบ แบบฟรีๆ
เพราะยืนถ่ายภาพได้ประมาณ 3-4 นาที ก็ขอวิ่งเข้าไปหลบในอาคารแล้ว เพราะหนาวมากๆ เรียกว่า ลมหนาวพัดแรง ทำเอาปวดหัวได้เหมือนกัน เหมือนเวลาดื่มน้ำปั่นผลไม้ แล้วปวดจี๊ดในสมอง
แค่นี้ ก็ได้ภาพประทับใจ มาเป็นโปสการ์ดทำเองแล้ว ... แช๊ะ! แช๊ะ!
ขอหลบลมหนาว ไปหาอะไรหม่ำก่อน
ซึ่งภาพนี้ จะมองเห็นไฟสปอตไลท์ที่สาดส่องจากบนตึกต่างๆ กว่า 40 ตึก ในเวลา 2 ทุ่ม เพราะเป็นการแสดงชุด A Symphony of Lights จากทั้งสองฝากฝั่งของอ่าววิคตอเรีย
แต่ในทริปนี้ เรามาไม่ทันในช่วงการแสดงดังกล่าว เพราะมัวแต่อยู่บน The Peak อยู่หนึ่งคืน ส่วนอีกคืนก็กลับมาจาก Macau ไม่ทัน แต่ในคืนนี้ เรามัวแต่อร่อยกับอาหารเย็นจนเลยเวลาแสดง
ดังนั้น ขอเก็บภาพแสงสี ซึ่งแค่นี้ก็ประทับใจแล้ว
มองเห็นการเตรียมไฟและทดลองนับ Count Down บนตึกสูงนั้น
เป็นเมืองที่มีสีสัน ทำให้ฉันหลงแสงสีได้ง่ายๆ
เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ ยิ่งได้บรรยากาศความหนาวสะใจ
ตามด้วย "เกี๊ยวกุ้ง" ชามใหญ่ แก้หนาวได้ชะงักดีนัก ซิบอกให้