ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีนี้ที่เพิ่งผ่านมา ซึ่งมีโอกาสได้หยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน จึงวางแผนเที่ยวแบบใกล้ๆ คลายร้อนแบบสะดวก ค่าใช้จ่ายไม่มาก และที่สำคัญคือ ชอบการเดินทางด้วยตัวเองตามแผนการท่องเที่ยวที่ออกแบบไว้เอง จึงจัดแจงจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมไว้ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม หลังจากกลับจากทริปซาปา (ตั๋วเครื่องบิน ยิ่งจองก่อน ยิ่งถูก) ... ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า ทริปนี้ไม่ได้เชียร์หรือโปรโมทอะไร เพราะไม่ได้มีสปอนเซอร์ใดๆ แต่อยากจะบันทึกการเดินทาง เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่อยากท่องเที่ยวฮ่องกงแบบง่ายๆ ในเวลา 5 วัน 4 คืน และไม่ได้หมายถึงการท่องเที่ยวด้วยทัวร์จะไม่ดี เพียงแต่เป็นทางเลือกสำหรับการท่องเที่ยวที่อาจแตกต่างจากฮ่องกงที่เคยพบเจอมาก่อน
เป็นข้อกำหนดแรกของทริปนี้ว่า ไปฮ่องกง ขอบินด้วย Emirates ด้วยเครื่อง Airbus A380-800 เท่านั้น จึงเลือกจองผ่าน www.expedia.co.th ที่ใช้บริการเป็นประจำ ด้วยการเลือกจอง ตั๋วเครื่องบิน+โรงแรม มักจะได้ดีลที่ราคาพิเศษ ซึ่งครั้งนี้ก็เลือกจองตั๋วเครื่องบิน พร้อมโรงแรมติดสถานี MTR Jordan ถนนนาธาน ซึ่งเมื่อจองเสร็จ จะได้รับ E-mail จาก Emirates กลับมา และสามารถเลือกจองที่นั่งได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยสมัคร Emirates Skywards สำหรับสะสมไมล์ ขอแนะนำให้สมัครไว้เลยผ่าน www.emirates.com ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะได้รับ 2,500 ไมล์ เริ่มใช้ครั้งแรก และสำหรับ BKK-HKG จะได้รับ 700 ไมล์ รวมทั้ง HKG-BKK อีก 700 ไมล์ รวม 3,900 ไมล์ เผื่อมีการบินบ่อยๆ
ด้วยความสะดวกในการทำ Internet Check-in ที่สามารถดำเนินการได้ 48 ชั่วโมงก่อนการบิน และสำหรับการท่องเที่ยวให้สะดวกแนะนำให้ติดตั้ง Mobile App ต่างๆ เป็นตัวช่วยที่ดีมาก ช่วยตั้งแต่เริ่มต้นการจองทุกอย่าง, การเช็คอิน รวมทั้ง ยังมีการแจ้งเตือนต่างๆ ผ่าน App และ E-mail เมื่อใกล้เดินทางอีกด้วย
ก่อนออกเดินทาง 48 ชั่วโมง ให้ดำเนินการทำ Internet Check-in ไว้เลย และพิมพ์เป็นเอกสารถือไปด้วย พอไปถึงสนามบิน ก็นำกระเป๋าไปช่องที่ทำเช็คอินล่วงหน้ามาแล้วได้ทันที แถวจะว่างโดยไม่ต้องต่อแถวของผู้ที่ยังไม่เช็คอินมาก่อน ซึ่งข้อดีอีกอย่างที่สำคัญคือ เราได้เลือกระบุที่นั่งที่ต้องการไว้แล้ว ยื่นเอกสารพร้อมพาสปอร์ตเพื่อโหลดกระเป๋า ไม่เสียเวลาเข้าแถวยาว แถมวันนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ยังพามาโหลดกระเป๋าที่เคาท์เตอร์ Business Class อีกด้วย
เมื่อผ่าน ต.ม. เรียบร้อยก็ไว้เวลาช๊อปปิ้ง และทานอาหารนิดหน่อยก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งข้อดีของสายการบินที่ลำใหญ่ ที่นั่งก็สบาย
เสริฟอาหารพร้อมเครื่องดื่ม อิ่มอร่อยกำลังดี จิบไวน์ไป 2 ขวด แกล้มกับวิวนอกหน้าต่างๆ ไปพลาง ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง กำลังสบายๆ
ก่อนเดินทางได้ลองค้นข้อมูลว่ามีบริการอะไรบ้างบนเที่ยวบินนี้ พบว่ามีบริการ Free WiFi บนเครื่องบินด้วย ซึ่งให้ใช้งานปริมาณข้อมูลได้ 10 MB แต่ถ้าต้องการใช้มากกว่านี้ ก็สามารถจ่ายเพียง US$ 1 สำหรับปริมาณ 500 MB (ค่าบริการนี้ ทางสายการบินเขานำไปบริจาค) ... แต่จากที่ลองใช้งานมา 10 MB ก็เพียงพอในการเปิด Facebook และ LINE ซึ่งก็สามารถใช้ได้เกือบตลอดการเดินทาง มีหยุดบางช่วงที่บินประเทศจีน ที่ปิดให้บริการชั่วคราว หลังจากนั้นก็ใช้ได้ปกติ ซึ่งก็เล่นไป ดูหนังเรื่อง Steve Jobs ไปพลางๆ
รู้สึกว่าไม่นานนักก็ผ่านไป 3 ชั่วโมง เครื่องบินก็ลงสู่สนามบิน Chek Lap Kok ของ ฮ่องกง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็ผ่าน ต.ม. เดินมาที่สายพานโดยที่กระเป๋าใบแรกยังไม่มา ... เมื่อได้กระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เดินตรงประตูทางออกมาก็พบกับจุดขายตั๋วรถไฟ Airport Express ซึ่งทริปนี้เดินทางมา 2 คน และพักที่ฝั่งเกาลูน แนะนำให้ซื้อแบบ Group of 2 Single Journey (Kowloon Station) จะประหยัดกว่าซื้อแยกคนละใบ รวมทั้งซื้อ Octopus Card อีก 2 ใบ ซึ่งไว้ใช้จับจ่ายค่าสินค้ารวมทั้งไว้ขึ้นรถไฟหรือลงเรือได้ เป็นบัตรที่วิเศษจริงๆ ... จากนั้นเดินตรงไปเข้ารถไฟ Airport Express (AE) ได้ทันที ซึ่งมีที่นั่งสะดวก ใช้เวลาเพียง 24 นาที ถึงสถานีเกาลูน และเดินทางต่อด้วยรถบัสที่เป็นบริการฟรีเชื่อมโยงจาก AE ไปยังจุดต่างๆ ในเมือง ดูรายละเอียดได้จาก www.mtr.com.hk/en/customer/services/complom_free_bus.html ซึ่งต้องดูว่าโรงแรมที่เราอยู่ จะต้องเดินทางด้วยรถบัส สายไหน อย่างโรงแรมที่พักติดสถานี Jordan เลือกเดินทางด้วยสาย K1 และลงที่ป้ายแรก
ออกจากรถไฟ AE ให้ขึ้นลิฟท์มายังชั้น G จุดขึ้นรถบัส (Exit B) แสดงบัตร AE ให้เจ้าหน้าที่ดู และลากกระเป๋าเดินทางไว้ที่เก็บสัมภาระใต้รถบัส จากนั้นเดินขึ้นรถบัส หาที่นั่งได้เลย เมื่อมาถึงจุดแรก Jordan Station (Austin Road) ก็ลงรถ และคนขับรถจะเปิดฝาที่เก็บสัมภาระอัตโนมัติ และเราก็หยิบกระเป๋าของเราได้สะดวก ... แต่สำหรับผู้ที่ไม่อยากใช้รถบัส สำหรับบัตร AE นั้น สามารถใช้เดินทางด้วย MRT ได้ฟรีภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากเดินทางมาถึงสถานีปลายทาง AE อย่างกรณีนี้ หากจากใช้รถไฟใต้ดินจากสถานี Kowloon มายัง สถานี Jordan จะต้องลากกระเป๋าไปขึ้นรถไฟข้ามไปฝั่งฮ่องกง เพื่อเดินทางด้วยสายสีแดงอีก 3 สถานี ทำให้เสียเวลา ดูแผนที่รถไฟใต้ดิน MTR ได้จาก www.mtr.com.hk/archive/en/services/routemap.pdf
เมื่อเช็คอินเรียบร้อยได้ เปิดประตูห้อง วางกระเป๋าแล้ว มองเห็นสี่แยกจากหน้าต่าง ขอรีบไปหาร้านบะหมี่เกี้ยวกุ้ง ที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมให้รู้สึกอุ่นในคืนฝนพรำเช่นนี้
อิ่มแล้วฝนเริ่มซา เลยเดินเล่นแถวใกล้ๆ ในย่าน Temple Street ทานบัวลอยน้ำขิงเป็นของหวานก่อนกลับโรงแรม และเช็คอากาศวันพรุ่งนี้จะยังมีฝนอีก แต่ก็ไม่รู้จะสลับแผนอย่างไร เพราะยังมีฝนตกอีก 2 วัน
ตื่นเช้ามายังไม่มีฝนตก ได้เวลาทานอาหารเช้าแบบติ่มซำและโจ๊กไข่เยี้ยวม้า แถวๆ โรงแรมตามเคยเพื่อไม่ให้เสียเวลา ซึ่งในวันนี้วางแผนจะไปไหว้ขอพรพระใหญ่เทียนถาน (Tien Tan)
การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน MRT สะดวกมาก และสามารถเปิด MRT Tourist App โดยป้อนสถานีต้นทาง Jordan ไปยังสถานีปลายทาง Tung Chung โปรแกรมจะแนะนำเส้นทาง รวมทั้งการเปลี่ยนสายรถไฟที่ สถานี Lai Ling ที่ชานชาลา Platform 3
ใช้เวลาประมาณ 37 นาที ก็เดินทางมาถึงสถานี Tung Chung ติดกับ Citygate Outlets ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สำหรับใครที่ชอบช๊อปปิ้ง ขอแนะนำว่าที่นี่จะราคาถูกกว่าในเมือง
แต่เรายังไม่จับจ่ายอะไรในตอนนี้ แต่จะเดินข้ามไปขึ้นกระเช้านองปิงกันก่อน ไว้กลับมาเที่ยวจุดนี้ในขากลับจากกระเช้าดีกว่า
สำหรับบัตรขึ้นกระเช้านองปิง 360 (Ngong Ping) นั้น ซื้อจาก Agent ในเมืองไทยจะดีกว่า หรือดูจาก www.np360.com.hk เพราะเคยมีประสบการณ์มายืนต่อแถวเพื่อรอซื้อบัตรเกือบ 2 ชั่วโมงมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้จึงซื้อมาจากเมืองไทย โดยติดต่อที่ www.hongkongpackage.net ซึ่งติดต่อซื้อ บัตรกระเช้านองปิง, บัตรขึ้นรถราง Peak Tram+Sky Terrace และ SIM โทรศัพท์ของ CSL แบบ 4G (1.5 GB)+โทรฟรีตลอด 5 วันในฮ่องกงแบบไม่จำกัด ซึ่งใช้ง่ายแค่เปิดเครื่องโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่ใส่ SIM เพื่อกระจายสัญญาน WIFI ก็พร้อมใช้งานได้ทันที (ใช้งานได้ดี สัญญานใช้ได้ทุกจุด รวมทั้งไปใช้งานที่เกาะลัมมา (Lamma Island) และระหว่างนั่งเรือเฟอร์รี่)
เดินทางมาช่วงสงกรานต์ แน่นอนว่าเจอคนไทยเยอะมาก ซึ่งก็ซื้อบัตรแบบเดียวกันมาต่อแถวเพื่อรอนำไปแลกบัตรขึ้นกระเช้านองปิง แต่แถวสั้นกว่าแถวที่ไม่ได้มีบัตรจาก Agent มาก รวมแล้วยืนเข้าคิวราว 40 นาที ก่อนจะได้ขึ้นกระเช้า ... สำหรับกระเช้าจะมีแบบปกติ และแบบพื้นใส (Crystal Cabin) สำหรับใครที่ชอบความหวาดเสียว
เมื่อเข้าไปในกระเช้า ก็เริ่มเคลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ น่าเสียดายที่วันนี้เจอฝนตก ทัศนวิสัยไม่ดีเลย
แต่อากาศก็เย็นสบาย พอมองเห็นสนามบิน Chek Lap Kok อยู่ไม่ไกล ... กระเช้าเลื่อนไป มีช่วงที่หยุดพร้อมลมแรงทำให้กระเช้าแกว่งให้ตื่นเต้น ถือโอกาสชมวิว 360 องศา แบบขมุกขมัว
นั่งกระเช้าประมาณ 25 นาที ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร ไม่นานนักก็มาถึงจุดปลายทางกระเช้าบนหมู่บ้านนองปิง
ความจริงแล้วตั้งใจมาเพื่อแก้มือ อยากเห็นแดดแรงๆ ฟ้าใส เพราะทริปที่แล้วเดินทางมาปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 ก็เจอบรรยากาศหมอกหนา และหนาวมากเพราะลมแรงพร้อมฝนพรำ แต่วันนี้กลับเจอซ้ำสองซะอีก ต้องมีแก้มืออีกครั้งแน่ๆ
หาเครื่องดื่มร้อนๆ จิบแก้หนาวซะหน่อย และถือโอกาสเช็คอินอีกครั้งที่สาขานี้
ได้เวลาเดินกันต่อ ไปยังบันได 268 ขั้น ทางขึ้นไปไหว้พระใหญ่
เมฆหมอกหนาทำให้มองแทบไม่เห็นองค์พระใหญ่เทียนถาน (Tien Tan)
แต่ตั้งใจมาถึงแล้วก็ขอเดินขึ้นบันไตไปถึงฐานองค์พระและเดินไปโดยรอบ พระใหญ่มีความสูงถึง 34 เมตร สร้างจากทองสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพระหัตถ์ด้านขวายกขึ้น ความหมายคือ ขจัดปัดเป่าความทุกข์ พระหัตถ์ด้านซ้ายวางที่หน้าตักเพื่อรับคำขอพรจากผู้ที่มีกราบไหว้ รอบข้างองค์พระมีเทวดา 6 องค์ กำลังถวายสิ่งของมีความหมายถึง ความดี เมตตา อดทน สงบ สมาธิ และปัญญา ใต้ฐานบัวมีพิพิธภัณฑ์ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ได้แก่ ภาพวาดสีน้ำมันบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพระพุทธเจ้า วงล้อพระพุทธธรรม และพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา
เดินย้อนกลับลงมาเพื่อไปยืนอฐิษฐานบนแท่นเทียนถาน ซึ่งมีจุดยืนกึ่งกลางเพื่อยืนสักการะขอพรองค์พระใหญ่
และเดินไปยังวัดโปหลิน เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนแท้ๆ วัดนี้ชาวจีนนิยมมาไหว้เจ้าแม่กวนอิม และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารเจอีกด้วย
ซึ่งแผนการเดินทางที่วางไว้ในทริปนี้ อยากจะเดินทางด้วยรถบัสสาย 21 จากบริเวณวัดแห่งนี้ ไปยังหมู่บ้านไม้ค้ำไทโอ (Tai O Fishing Village) ประมาณ 30 นาที ถึงสถานีรถบัส Tai O แล้วเดินเที่ยวในหมู่บ้าน ก่อนเดินทางกลับลงมายัง Citygate Outlets ในตอนเย็น แต่ทว่าวันนี้อากาศไม่ดี จึงเปลี่ยนใจไม่ได้ไปหมู่บ้านดังกล่าว ฝากไว้ทริปหน้าแล้วกัน
หมู่บ้านไทโอแห่งนี้ สร้างบนไม้ค้ำเหนือที่ราบลุ่มน้ำขึ้นถึงของเกาะลันเตามาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว โครงสร้างเชื้่อมถึงกันใหม่ทำให้เกิดเป็นชุมชนตั้งบนผืนน้ำ มีสะพานชักมือที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นทางข้างคลองแคบๆ แบ่งเมืองนี้ออกเป็นสองส่วน โดยสะพานนี้สร้างแทนสะพานข้ามฟากโดยใช้เชือกแบบโบราณอันเดิมที่ใช้งานมากว่า 85 ปีแล้ว
จึงต้องเดินย้อนกลับมายังหมู่บ้านนองปิง เพื่อนั่งกระเช้ากลับลงมา และได้เวลาอาหารเย็นก่อนช๊อปปิ้งที่ Citigate Outlets แห่งนี้ ซึ่งมีร้านค้ามากมาย แบรนด์ต่างๆ ที่คุ้นเคย ซึ่งนำมาลดราคา Sale กระหน่ำ และมี Supermarket ขนาดใหญ่ชั้นล่างสุด ซึ่งมีสินค้าหลากหลาย ราคาดี ขอซื้อสตรอเบอร์รี่ขนาดยักษ์ในราคากล่องละ HK$ 70 ซึ่งไม่แพง และเพื่อนก็ซื้อขนม Ferrero กลับไปเป็นของฝาก
ระหว่างเดินไปยังสถานีรถไฟ MTR Tung Chung เจอเข้ากับร้านขายซูชิ (Sushi) ราคาชิ้นละ HK$ 3 เลยจัดไปซัก 10 ชิ้นกลับไปแกล้มกับสตรอเบ้อเริ่มที่ห้องพักกัน ซึ่งในวันพรุ่งนี้หลังจากเช็คสภาพอากาศ ยังมีฝนตกต่ออีกหนึ่งวัน จึงสลับโปรแกรมที่วางแผนไว้มาเที่ยวในเมืองแทนการนั่งเรือไปเที่ยวเกาะลัมมา (Lamma Island) ไว้มาติดตามกันต่อนะ
Photography : Samsung Galaxy S6 (Mobile Phone)