เมื่อเดินทางมาถึงจุดนี้ ซึ่งถือเป็นยอดของพระราชวังบูดา ซึ่งว่าภารกิจที่ตั้งใจในวันนี้ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ... เมื่อมองไปโดยรอบ 360 องศา ก็จะมองเห็นสถาปัตยกรรมแบบย้อนยุค เบื้องหน้าเป็นสะพาน Szchenyi Chain Bridge ที่มีเจ้าสิงโต 4 ตัว อยู่ตามหัวสะพาน มองถัดไปจะเห็นพระราชวัง Gresham ที่มียอดสูงๆ ในภาพ

หันมองมาทางซ้าย ก็พบกับซุ้มประตูสวยงามมาก และมีเจ้านก Turul เกาะอยู่ด้านบนทางขวามือ

มามองเจ้านกยักษ์ Turul กันชัดๆ น่ากลัวพอสมควร ซึ่งเราสามารถมองเห็นเจ้านกตัวนี้ได้ แม้ยืนอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำดานูบ

มองหันต่อมาอีกจนครบ 180 องศา ก็พบกับอนุสาวรีย์ พร้อมทั้งยอดสูงสุดของพระราชวังแห่งนี้

เมื่อเดินต่อไปเพื่อลงจากพระราชวัง ระหว่างทางก็ได้พบกับรถม้าผ่านมาพอดี ซึ่งเข้ากันได้ดีกับอาคารสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นหินเป็นแผ่นๆ ทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น บ่งบอกถึงความเก่าแก่ เพราะถ้าเป็นพื้นซีเมนส์เรียบๆ จะทำให้รู้สึกจืดชืดไปทันที

บางช่วงที่เดินอยู่และท้องฟ้าเปิด มีแสงแดดและท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส ช่วยทำให้อาคารสถานที่ยิ่งดูเด่นยิ่งขึ้น แม้กระทั่งหลังคา ยังใส่รายละเอียดลวดลายอีกด้วย

เราเริ่มลดระดับการเดินลงสู่พื้นราบเบื้องล่าง เดินผ่านกำแพงปราสาท ซุ้มประตู รวมทั้งป้อมปราการต่างๆ ดูแล้วนึกว่าหลุดเข้าไปในฉากหนังย้อนยุคที่พระเอกขี่ม้าขาว โดยมีนางเอกนั่งอยู่เบื้องหน้า ควบม้าวิ่งผ่านไป

ระหว่างทางจะมองเห็นต้นสนแบบเดียวกับที่เขาตัดไปทำเป็นต้นคริสต์มาสในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพื่อประดับตกแต่งของขวัญ แต่นี้เป็นต้นเป็นๆ ขนาดใหญ่ยักษ์ และมีดอกติดอยู่ด้วย ดูเหมือนที่มีการนำไฟกระพริบหรือสิ่งของมาประดับต้นคริสต์มาส

หลังจากเดินลงมาทางทิศใต้ของพระราชวัง เราก็มองหาร้านอาหารเพื่อเติมพลัง หลังจากที่ใช้ไปในภารกิจพิชิตยอดเขา เราก็พบกับร้านอาหารแบบ Out Door ดูบรรยากาศน่านั่ง ก็เลยแวะทานอาหารเที่ยง แม้จะหลุดมาเป็นบ่ายกว่าๆ แล้ว ... เพิ่งเขาไปดูข้อมูลร้านนี้จากอินเตอร์เน็ต พบว่าเขาทำเป็นโรงแรมขนาดเล็กซึ่งอยู่ด้านหลัง โดยตกแต่งแบบย้อนยุคไป 250 ปี ... สำหรับเมนูที่ผมสั่งและอยากแนะนำให้ผู้มาเยือนฮังการีต้องลองชิม คือ "ซุปกูลาช" (Goulash Soup) ซึ่งผมลองเปรียบเทียบกับร้านอื่นที่เคยสั่ง และร้านนี้รสชาดกลมกล่อม ใช้ได้เลย

เมื่อมองไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งก็เป็นร้านอาหารและน่าจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กด้วย ... ผมก็เกิดขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เพราะภาพเบื้องหน้านี้ ผมเคยเห็นมาก่อนในความฝัน หรือที่เราเรียกความรู้สึกนี้ว่า "Deja vu" (เลยถ่ายรูปนี้เก็บไว้) ซึ่งผมจะเป็นบ่อยเวลาเดินทางไปที่ที่ยังไม่เคยไป ... อย่างในทริปนี้ ผมเกิดแบบนี้ถึง 3 ครั้ง ... นี่เป็นครั้งที่ 1 ส่วนอีก 2 ครั้งผมรู้สึกได้ที่ Berlin ซึ่งผมจะเขียนต่อไปหลังจากจบเรื่องฮังการีนี้ เพราะพวกเราจะบินต่อไปยังกรุงเบอร์ลิน มีสถานที่น่าประทับใจไม่แพ้กันเลย

เริ่มหิวท้องร้องแล้ว ขอพักยกก่อน ... คราวหน้าผมจะนำเสนอเป็นตอนปิดทริปที่บูดาเปสต์นี้ ซึ่งจะนำเสนอภาพบูดาเปสต์ ยามค่ำคืน ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กลางวัน พร้อมเรื่องระทึกใจ และข้อควรระวังต่างๆ ... แต่ถือว่ามีความปลอดภัยในการเยือนเมืองนี้ แต่ก็อย่าประมาทเลยเชียว