Disable Preloader




ร้อนนัก ไปพักร้อน : ตอนที่ 20 "ตามไปมองดู เวนิส จากฟากฟ้า"

พวกเราเดินทางมาถึงสนามบินของเมือง Frankfurt เพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง Venice ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการเดินทางที่สะดวกมาก ตั้งแต่นั่งรถไฟมาถึงสนามบิน และมายังเครื่องสำหรับเช็คอินและออก Boarding Pass อัตโนมัติ พร้อมทั้งจิ้มเลือกที่นั่งตามใจชอบอีกด้วย และเพื่อนก็จัดแจงเลือกที่นั่งริมหน้าต่างทางขวาให้ตากล้องอย่างเรา เพราะเพื่อนนั้น บินไปมาเมืองเวนิสหลายๆ ครั้งแล้ว จึงแนะให้บันทึกภาพช่วงที่บินลงเมืองเวนิส ซึ่งจะมองเห็นได้ทั้งเมือง จึงเป็นที่มาของภาพในเอนทรีนี้

เพื่อนช่วยจองตั๋วล่วงหน้าไว้หลายเดือน ทำให้ค่าเดินทางไป-กลับระหว่าง Frankfurt และ Venice นั้น ถูกมาก ตกคนละประมาณ 100 ยูโร หรือประมาณ 4,500.- บาท เอง

ซึ่งเครื่องที่บินนั้นก็เป็นเครื่องขนาดใหญ่ และยังเป็นสายการบิน Lufthansa อีกด้วย

ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ซึ่งเพื่อนที่อยู่เยอรมัน ก็บินล่วงหน้าไปก่อนแล้วคนเดียว เนื่องจากจองล่วงหน้าในเที่ยวบินเดียวกันไม่ทัน ก็เลยบินล่วงหน้าไปรอที่ Venice ก่อนประมาณ 2 ชั่วโมง

ปล่อยให้พวกเราเดินเล่น นั่งทานอาหาร และยังมีเวลาย้อนวัยไปเล่นแบบเด็กๆ แบบนี้ ... แอบเอารูปเพื่อนมาโพส แซวเล่นขำขำ เจ้าตัวยังไม่รู้ แต่เดี๋ยวคงรู้ตอนเปิดเข้ามาดู

ใช้เวลาในการบินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ระหว่างผ่านเทือกเขาแอลป์ (Alps) ก็อดไม่ได้ที่จะบันทึกภาพแบบนี้

เทือกเขาขนาดใหญ่ สลับกันไป เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ เลยต้องบันทึกความประทับใจไว้

เป็นปฏิบัติการเหนือเมฆจริงๆ

เริ่มเข้าใกล้ประเทศอิตาลีเข้าไปทุกที

ชอบมองวิวนอกหน้าต่างแบบนี้จัง

เครื่องบินเริ่มลดระดับ และเห็นพื้นดินของประเทศอิตาลีกันแล้ว

พื้นน้ำโอบล้อมพื้นดิน หรือพื้นดินเริ่มจมอยู่ใต้น้ำ เพราะสภาวะโลกร้อนก็อาจเป็นได้ เรามักจะได้ยินข่าวว่าน้ำท่วมเวนิสบ่อยๆ ซึ่งประมาณ 100 วันต่อปีที่ระดับน้ำจะสูงขึ้น จนต้องเดินบนทางเดินไม้ที่นำมาวางไว้ คล้ายบ้านเราทำกันตอนน้ำท่วมนั่นแหล่ะ รวมไปถึงข่าวที่ว่า "ในอนาคตเมืองเวนิสแห่งนี้ อาจต้องจมอยู่ใต้น้ำก็เป็นได้"

ได้เห็นภาพแรกของเมืองเวนิส (Venice) มองเห็นเรือสำราญขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ตรงนั้น

วันนี้ถือเป็นโชคดีจริงๆ ที่ท้องฟ้าสดใสเป็นใจ เพราะทริปนี้เจอฝนอยู่บ่อย และท้องฟ้ามักจะขมุกขมัว

เริ่มเห็นความหนาแน่นของสถาปัตยกรรมของเมืองเวนิส ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งพวกเรายังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ 3-4 วัน ซึ่งบันทึกภาพไว้จำนวนมาก โดยจะนำมาฝากกันได้อีกหลายๆ เอนทรี อย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนล่ะ

มองเห็นโบสถ์และมุมต่างๆ จากมุมสูงแบบ Angle's Eyes View ไปก่อน แล้วจะพาไปชมแบบใกล้ๆ รับรองจะต้องหลงไหลเมืองเวนิส ... เมืองสุดโรแมนติคเมืองนี้อย่างแน่นอน

มองเห็นสะพานทางขวามือ ซึ่งข้ามผ่านเข้ามายังเมืองเวนิส แล้วรถต่างๆ ซึ่งที่เห็นเส้นๆ ไขว้ไปมานั้น คือ รางรถไฟ ซึ่งมองเห็นสถานีรถไฟ ส่วนผู้ที่นำรถชนิดต่างๆ มา จะต้องจอดในอาคารจอดรถ เพราะในเมืองที่เห็นนี้ ไม่มีถนนให้รถวิ่ง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างเดียว คือ "ขา 2 ข้าง" ในการเดินเที่ยวชมตลอดทั้งวัน ยันเที่ยงคืน แต่ก็ยังสามารถสัญจรโดยเรือได้

เห็นหนาแน่นแบบนี้ มีตรอกซอกซอยที่ทำให้หลงทางได้ง่ายมาก เรียกว่า ไม่ต้องพกแผนที่หรอก เพราะยังไงก็หลงแน่นอน

แต่เดินซักวัน สองวัน ก็พอจะคุ้นแล้ว

มองเห็นร่องน้ำที่ให้เรือแล่นผ่านเข้ามายังเมืองเวนิส ... เครื่องบินลดระดับลงสู่สนามบิน Marco Polo และร่อนลงอย่างนุ่มนวลปลอดภัย

เนื่องจากเราถือวีซ่าเช็งเก้นที่ทำผ่านสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ซึ่งผ่านเข้าเวนิสได้โดยไม่ต้องทำวีซ่าของประเทศอิตาลี ... มาถึงสายพานกระเป๋า ช่างน่าแทงพนันซะเหลือเกิน ว่ากระเป๋าของเราจะมาในเลขไหน

นั่งรถบัสจากสนามบิน เพื่อตรงมายังเมืองเวนิส มองเห็นป้าย "Welcome to Venezia" แล้ว "ยินดีต้อนรับสู่เมืองเวนิส" สถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้ง

รถบัสวิ่งข้ามสะพานที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ และมองเห็นเรือสำราญได้ใกล้มากขึ้น เหมือนตึก 10 ชั้นลอยน้ำได้

มองเรือแบบนี้แล้วทำให้นึกถึงภาพยนตร์ซีรีส์เก่าชื่อ "เรือรักเรือสำราญ" (Love Boat) ไว้ตอนต่อไปจะพาไปชมเรือที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ "เรือกอนโดล่า" โดยจะนำภาพมาฝากกัน ตามติดตามต่อเร็วๆ นี้