Disable Preloader




ร้อนนัก ไปพักร้อน : ตอนที่ 25 "เดินไปสไตล์ชิลชิลใน เวนิส"

เมื่อคืนนี้ เพิ่งนัดไปทานอาหารอิตาเลียนกันแถวเอกมัย กับเพื่อนๆ ร่วมก๊วนทริปนี้กับเพื่อนอีกคนที่ติดงานเลยไม่ได้ไปทริปนี้ด้วย รวมกัน 4 คน และลองติดต่อ Skype ไปคุยกับเพื่อนร่วมก๊วนที่อยู่เยอรมัน ... คุยกันเพลิดเพลิน อิ่มไปกับอาหารอร่อยพร้อมไวน์รสนุ่ม ทำให้ย้อนนึกถึงบรรยากาศในเวนิส จึงทำให้ต้องรีบมาเขียนเอนทรีนี้

เพื่อนถามว่าตั้งใจจะเขียน "ร้อนนัก ไปพักร้อน" ซักกี่ตอนล่ะเนี่ย! เลยตอบไปว่า ซัก 50 ตอนดีมั้ย ... ล้อเล่น! คงไม่อยากทรมานเพื่อนๆ หรือคนอ่านขนาดนั้น เอาเป็นว่าเขียนไปเรื่อยๆ เพราะยังประทับใจกับภาพตรงหน้า

ไม่รู้จะเบื่อภาพกันหรือยัง แต่ตั้งใจจะให้เป็นบล๊อกที่นำเสนอภาพเวนิสที่ชัดเจนที่สุด เพราะเคยประสบปัญหากับตัวเองก่อนเดินทาง เพราะอยากเห็นภาพเมืองนี้จากเว็บไซต์ต่างๆ แต่ก็เป็นภาพมุมซ้ำๆ กัน ไม่ได้เห็นความเป็น "เวนิส" ในหลากหลายบรรยากาศ

อย่างเมืองเวนิส ไม่ได้มีแต่เรือกอนโดล่า แต่สิ่งที่ได้มาพบเจอนั้น มันซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ อีกมากมาย

การทำความรู้จักเมืองต่างๆ นั้น วิธีที่ง่ายและได้ผลดีมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ ดูภาพจาก "โปสการ์ด" ยิ่งลองเปรียบเทียบภาพจากโปสการ์ดของเมืองเวนิส จะรู้ได้ทันทีเลยว่า เมืองแห่งนี้เหมือนเป็นเมืองโบราณที่ยังคงรักษาสภาพบ้านเรือนเหมือนเมื่อครั้งอดีต

เมืองเวนิสนั้น ก็มักเกิดอุทกภัย ซึ่งจะเกิดจากน้ำขึ้นในช่วงเดือน ตุลาคม - มีนาคม ซึ่งสร้างความอลหม่านให้ชาวเวนิสมานาน พอได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น ชาวบ้านก็จะลากรองเท้าบู๊ตกันออกมา เจ้าของร้านก็รีบสร้างคันกั้นน้ำ คนกวาดถนนจะวางแผ่นกระดานสำหรับเดิน ... โชคดีช่วงที่เดินทางไปไม่เจอกับปัญหานี้ แต่ก็เห็นคนกำลังเก็บแผ่นกระดานทางเดินอยู่เหมือนกัน

เดินผ่านร้านค้า ใครเป็นแฟนเพลงของ The Beatles คงจะถูกใจ

มีร้านขายภาพวาดอยู่มากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นภาพแห่งเมืองเวนิสทั้งนั้น

จิตรกรเขาสร้างสรรค์ผลงานด้วยสีน้ำมัน ... ตากล้องอย่างเรา ขอสร้างสรรค์ผลงานด้วยสายน้ำของเวนิส ก็แล้วกัน แช๊ะ!

เคยเดินผ่านมุมนี้ไปแล้วเมื่อคืนนี้ สำหรับเมืองเวนิสนี้ คงต้องเดินซัก 1 เดือน จึงจะจำทางได้ เพราะรู้สึกว่าเหมือนกำลังเดินอยู่ในเขาวงกต

คนพายเรือกอนโดล่า กำลังยืนคุยกัน เผื่อมีลูกค้าจะเรียก ... ชุดที่เห็นสีขาวและหมวกมีริบบิ้นสีแดงนี้ เป็นชุดดั้งเดิมของฝีพาย และมีอีกแบบที่เป็นเสื้อลายแถบขาวดำที่เห็นนั้น

เวลาเดินไป เห็นเรือกอนโดล่าผ่านมา ก็อดไม่ได้ที่จะบันทึกภาพบรรยากาศ ซึ่งเคยไปเห็นสถานที่ท่องเที่ยวในหลายประเทศที่พยายามจำลองบรรยากาศแบบนี้ แต่ยังยกให้ต้นฉบับอยู่ดี ที่ยังไม่มีใครทำสำเนาถูกต้องได้ซักราย กดที่นี่! เพื่อชมภาพขยาย

เพราะบรรยากาศของสถาปัตยกรรมต่างหาก ที่ช่วยให้การนั่งเรือกอนโดล่าสมบูรณ์แบบ รวมไปถึงการร้องเพลงของฝีพาย

มุมนี้เด็ด มองเห็นสะพานไม้ Accademia Bridge ได้ชัดเจน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1932 โดยวิศวกรตั้งใจจะสร้างเป็นสะพานชั่วคราวก่อนจะออกแบบสะพานให้แข็งแรงกว่านี้ขึ้นมาแทน แต่ปัจจุบันสะพานแห่งนี้กลายเป็นถาวรวัตถุ ไว้ชมวิวสวยๆ ของ Grand Canal ได้จากสะพานแห่งนี้ไปซะแล้ว

เจอฝีพาย ยืนรอลูกค้า เก๊กหล่อ! ซะ พอเห็นเรายกกล้องขึ้นถ่าย ก็ไม่ขัดเขิน ... แช๊ะ!

สงสัยกันมั้ยว่า "ทำไมเรือกอนโดล่า ... จึงมีแต่สีดำ?"

มาเฉลยกันเลยว่า เดิมเรือทาสีสว่างสดใส แต่ที่เห็นทาสีดำในสมัยนี้นั้น เป็นคำสั่งของวุฒิสภา เพื่อป้องกันการอวดรวยมากเกินไป

แล้วภาพที่เห็นนี้คืออะไรเอ่ย? คนถามเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดาว่าจะเป็นบ่อน้ำ มีฝาปิดทำด้วยโลหะ ซึ่งเห็นอยู่หลายๆ จุดในเมือง

 

วันนี้รู้สึกว่าเดินมากจริงๆ แต่ก็ไม่รู้สึกเมื่อยแต่อย่างใด คงเพราะเพลินไปกับการถ่ายภาพ

อยากให้มีกล้องเหมือนเรากำลังใส่แว่นตา พอชอบมุมไหน กระพริบตาก็บันทึกภาพไว้เลย จะได้ไม่ต้องแบกกล้องหนักมือ ... มีคนถามว่า ทำไมชาวเวนิสไม่ซ่อมแซมอาคารที่แตกออก? เพราะเป็นกฏระบียบเข้มงวดเกี่ยวกับส่วนหน้าของอาคาร ให้ใช้ปูนฉาบที่เป็นรูพรุนเท่านั้นในการซ่อมแซมอาคาร เพราะวัสดุอื่นมีแนวโน้มที่จะหลุดร่อนจากความชื้นและลมแรง เป็นอันตรายกับคนเดินผ่านไปมา ดังนั้น อาคารที่เพิ่งฉาบปูนใหม่ๆ ก็จะหลุดร่อนแตกออกภายในไม่กี่สัปดาห์ เพราะความชื้นสูงและเกลือในอากาศ

รู้หรือไม่ว่า "เรือกอนโดล่า" ราคาลำละเท่าไร? .... เป็นเรือที่สลับซ้ำซ้อน เพราะต้องใช้ไม้ต่างชนิดกันถึง 8 ชนิด จากไม้ทั้งหมด 280 ชิ้น เพื่อนำมาประกอบเป็นเรือที่รูปทรงไม่สมดุล และมีน้ำหนักมากกว่า 350 กิโลกรัม รวมทั้งเหล็กแขวนโดมตรงหัวเรือที่หนัก 30 กิโลกรัม เพื่อถ่วงน้ำหนักตัวของคนพาย ... เฉลย ราคาลำละ 25,000 ยูโร อยากรู้ว่าเป็นเงินไทยเท่าไร ลองคูณด้วย 45 บาท ดูนะ

ความจริงแล้ว แค่มาเดินชมสะพานแต่ละแห่งไม่เพียงแต่มีชื่อแต่ละสะพานแตกต่างกัน ยังมีเรื่องราวในหลายๆ สะพานอีกด้วย ไว้จะทยอยนำมาฝากกัน

เริ่มแอบนั่งกันบ้างแล้ว ... ป่าวนะ! แค่นั่งชมวิว ไม่ได้เมื่อยขาซะหน่อยอ่ะ! ... เชื่อดีมั้ย?

เดินไป ... ดื่มไป ... พักบ้าง ... เดินบ้าง ... ชิลชิล

เดินผ่านร้านนี้ ถือเป็นผลงานศิลปะแบบมีดีไซน์จริงๆ จะได้นำเข้าเรื่องในเอนทรีต่อไป

ภาพนี้ไม่ได้ตั้งใจให้มองที่พิซซ่าถาดโต แต่จะให้มองป้าย "GUGGENHEIM MUSEUM" ในร้านพิซซ่า ซึ่งพวกเรากำลังเดินไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์นั้น แล้วจะนำมาฝากในเอนทรีถัดไป

ภาพปิดท้ายของเอนทรีนี้ ดูแล้วสดชื่นดีจัง ไว้มาติดตามตอนต่อไปเร็วๆ นี้