ออกจากพิพิธภัณฑ์กันแล้ว ก็เดินกันต่อในบ่ายวันนี้ รู้สึกได้ซึมซับความเป็นศิลปิน มองอะไรเป็นศิลปะไปหมดแล้วในตอนนี้ แม้แต่มองลูกกรงประตูก็กลายเป็นงานศิลปะไปแล้ว
สงสัยจะตาลาย เดินตามสองสาวไปดีกว่า
เป็นที่สังเกตเองว่า ไม่เห็นสาวคนไหนถึงขั้นตุ้ยนุ้ย คงเป็นเพราะเธอเดินไปไหนมาไหนทั้งวัน ได้ประโยชน์เหมือนเป็นการออกกำลังกายไปด้วย เห็นสาวสวยคนหนึ่งหุ่นดี ยืนทานพิซซ่าเป็นถาดในสถานีรถไฟ ... ใครว่าทานพิซซ่าแล้วอ้วน ไว้จะนำภาพมาพิสูจน์ให้ชมกัน
ตู้ไปรษณีย์ก็ยังไม่เว้น ... ถ่ายทำไมไม่รู้ซิ!
ต้องแบบนี้ซิ ค่อยน่าจะบันทึกไว้ แอบศิลป์ไปทั้งเมือง
เดินไม่นานนัก พวกเราก็มาถึงโบสถ์ที่จะเข้าไปชมความงามภายในกัน
โบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า "Santa Maria della Salute" ซึ่งเป็นโบสถ์แบบบาโรก (Baroque) เด่นตระหง่านอยู่ตรงทางเข้า Grand Canal ทางใต้สุด ลองกดที่นี่ (+) เพื่อดูภาพถ่ายจากดาวเทียมในจุดนี้
เป็นผลงานการออกแบบของ "ลอนเกนา" (Baldassare Longhena) ในปี ค.ศ. 1630
สวยตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน ตามมาซิ จะพาเข้าไปชมภายในกัน
สิ่งที่สะดุดสายตาแรกสุดก็คือ พื้นลวดลายสวยงาม และภายในที่กว้างขวางสว่างไสว
โบสถ์นี้มีภาพยอดเยี่ยม ฝีมือของทิเชียน (Titian) และตินโตเรตโต (Tintoretto) ที่ห้องบรรจุเครื่องสักการะภายในโบสถ์
อลังการงานสร้างดีแท้
มีรูปปั้นต่างๆ อยู่รายรอบภายในอีกด้วย
นี่แหล่ะ! เสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาท่องเที่ยวยุโรป ได้เสพศิลป์อย่างเต็มอิ่ม
รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่ใหญ่โต แต่มีการลงรายละเอียดต่างๆ มากมาย
พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน
เป็นศาสนศิลป์ที่ทรงคุณค่าทั้งงานศิลป์และความศรัทธา
จุดเทียนเพื่อถวายสักการะ
สว่างไสวและมีพลังศรัทธา ... มีภาพโบสถ์แห่งนี้ที่มองมาจากหน้าต่างเครื่องบินให้ได้ชมด้วยลองคลิ๊กที่นี่ (+) กดเพื่อดูภาพขยายผ่านหน้าต่างเครื่องบิน หรือ (o) กดเพื่อดูภาพอื่นๆ อีก 3 ภาพ และสังเกตโบสถ์หลังคงเป็นโดมโค้งๆ มุมขวาของภาพ นั่นล่ะโบสถ์ "Santa Maria della Salute" หลังนี้
มองเห็น Campanile ยอดแหลมๆ นั้น ซึ่งเป็นหอระฆังสูง 98.5 เมตร อีกทั้งยังเป็นประภาคาร หอสังเกตการณ์ และห้องทรมานนักโทษอีกด้วย ไว้ค่อยพาไปเที่ยวกัน ... แต่ตอนนี้เดินข้ามสะพานไปอีกทาง มองเห็นบ้านหลังนี้เขียวด้วยไม้เลื้อยชอบมากเลย
พวกเราก็เดินกันต่อ ซึ่งในเอนทรีต่อไป จะพาไปนั่ง "เรือกอนโดล่า" มาติดตามกันต่อไปนะ