มองจากจัตุรัสซานมาร์โก (San Marco) ไปยังโบสถ์ซานจอร์โจ มัจโจเร (San Giorgio Maggiore) ซึ่งโดดเด่นและแสงจันทร์กระทบน้ำเพิ่มความงามอีกด้วย เริ่มมืดลงแล้วแต่คืนนี้พวกเราจะต้องไปทำภารกิจ พิชิตพิซซ่ากันคนละถาด

จากจุดนี้หากมองไปทางขวามือ ก็จะมองเห็นโบสถ์ "Basilica della Salute" ที่เคยพาเที่ยวไปแล้ว ยิ่งช่วงเวลานี้แสงฟ้ากระทบพื้นน้ำสวยไปอีกแบบ

เดินต่อไปเพื่อไปลงเรือ ระหว่างทางก็ไม่พลาดเก็บบันทึกสีสันยามนี้

เดินมาถึงบริเวณตรงข้ามของโบสถ์ Salute พอดี (+) กดที่นี่เพื่ออ่านเรื่องราวและชมภายในโบสถ์ พร้อมทั้งภาพถ่ายจากดาวเทียมในย่านนี้ที่ชัดเจนมาก

หลังจากลงเรือแล้ว ก็เริ่มชมความงามของสถาปัตยกรรมข้างทาง ซึ่งมีโรงแรมริมน้ำ รวมทั้งสถานบันเทิงยามราตรีอยู่จำนวนมาก

รวมทั้งยังมีวังหลายแห่งในเวนิส และตั้งอยู่ริมน้ำ

เริ่มเห็นเรือกอนโดล่าที่หยุดพักการให้บริการสำหรับวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

ล่องเรือผ่านคลองแกรนด์คาแนล มีท่าเรืออยู่ตามจุดต่างๆ ที่เรือโดยสารแวะรับ-ส่งผู้โดยสาร

บรรยากาศยามนี้ สวยไปอีกแบบ ไม่นานนักเราก็มาถึงท่าเรือที่จะขึ้น เพื่อเดินต่อไปยังร้านพิซซ่า

มีร้านแกลลอรีภาพถ่ายแถวนี้ ชื่นชมภาพงามๆ ของเมืองเวนิส

หน้ากากแฟนซีพอเข้าใจได้ว่าใส่ได้ แต่บั้นท้ายนั้นสวมได้ด้วยเหรอ

อากาศเริ่มเย็นลง ทำให้เดินได้ไม่เหนื่อยเลย

ขอบันทึกภาพน้ำนิ่งๆ พร้อมแสงสะท้อน เหมือนภาพในแกลลอรีที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ... แช๊ะ!

มีมุมร้านอาหารและเครื่องดื่มอยู่ตามจุดต่างๆ ที่เดินผ่าน

ช่วงเวลานี้ ถ่ายภาพยามค่ำคืนได้สวยที่สุด เพราะท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท

สีสันจากบ้านเรือนและธรรมชาติ ประสานกันได้อย่างลงตัว

มาถึงร้าน Due Colonne กันแล้ว หิวพอดีเลย ... เริ่มต้นจากการสั่งเครื่องดื่ม

ออเดิฟจานแรก ... ตามมาด้วย สลัดจานโตๆ

ตามมาด้วยจานหลัก ซึ่งปกติแล้วคนยุโรปเขาจะสั่งอาหารจานหลักคนละ 1 อย่าง นั่นหมายถึง พิซซ่าถาดนี้สำหรับ 1 คน และเขาจะไม่มีการตัดแบ่งกันแบบคนไทย

พวกเราสั่งกันหลากหลายหน้า หลายถาด แล้วแบ่งปันกันตามสไตล์คนไทย

ซึ่งได้ชิมหลากหลายแบบ สำหรับพิซซ่าจากต้นตำรับนี้ อาจไม่ได้หมายถึง เป็นจุดกำเนิดของพิซซ่าที่นี่ แต่ถือว่ามาถึงประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นต้นตำรับของพิซซ่า

นี่ก็อีกแบบ แม้จะถาดใหญ่ แต่แป้งบางกรอบ อิ่มอร่อยได้ไม่มีเหลือ

ต้องขอสั่งขนมหวานสไตล์อิตาเลียนซักหน่อย พนักงานของร้านภูมิใจนำเสนอ

อร่อยจากครีมนุ่มๆ ถามเขาเหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร แต่จำไม่ได้แล้ว ... ความจำสั้น แต่รักอาหารอิตาเลียนนั้นยาว

ได้เวลาเดินกลับ ผ่านตลาดรีอัลโต (Realto Market) เก็บภาพแสงเงาที่ทอดผ่าน ไว้จะนำภาพและรายละเอียดของตลาดที่มีชื่อเสียงแห่งนี้

บริเวณ Grand Canal เริ่มเงียบ ไม่มีเรือกอนโดล่าพลุกพล่านเหมือนช่วงกลางวัน

ร้านอาหารและเครื่องดื่มอยู่เรียงรายในบรรยากาศสุดโรแมนติค

ไม่แปลกใจว่าทำไมคนยุโรปจึงชอบนั่งดื่มและคุยกันหลังอาหารค่ำ เพราะดื่มด่ำบรรยากาศ ชิล ชิล ของแท้

มองจากสะพานรีอัลโต้ (Rialto Bridge) ไปในความมืดมิดของแกรนด์คาแนล

แต่มองไปอีกฝั่งของสะพาน ก็ยังมีแสงไฟสวยๆ ไว้ตอนต่อไปจะพาไปเดินเที่ยวเวนิสยามราตรี มีอะไรให้ชมอีก แล้วมาติดตามกันต่อนะ