พวกเรายังวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่บนเกาะมูราโน เมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำแก้ว ซึ่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ชื่นชมกับบ้านเรือนสีฉูดฉาด สร้างความสดใสให้เมืองนี้ได้ดี
ตลอดทางเดินริมน้ำ ทำให้ได้สัมผัสกับอีกบรรยากาศที่ต่างจากการเดินบนเวนิส เนื่องจากเวนิสนั้น เรามักจะเดินให้ตรอกซอกซอย ซึ่งหนาแน่นไปด้วยบ้านและร้านค้า ทำให้ไม่ค่อยได้เห็นภาพมุมกว้าง เว้นแต่บางช่วงที่เราเดินผ่านคลอง
บนเกาะมูราโนแห่งนี้ ยังได้ชื่นชมกับเรือหลากหลาย
คงเป็นสวรรค์แห่งหนึ่งของนักแล่นเรือ ที่มาแวะพักผ่อน
เดินไปเจอพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ไม่เสียค่าเข้าชมอีกด้วย เลยถือโอกาสเข้าไปแวะสักครู่
ถือโอกาสบันทึกภาพ เล่นกับแสงเงา
ลวดลายเหล็กดัดสวยได้ใจ
สังเกตว่ามีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องในการปลูกฝัง ความรู้ด้านศิลปะตั้งแต่เด็ก
เราจึงควรส่งเสริมการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในบ้านเราให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน
มีมุมสดชื่นแอบอยู่ตรงนี้ อยู่เวนิสมา 2-3 วัน ไม่เห็นไม้ดอกเลยซักต้น
ขอชนไอศกรีม หรือ เจลาโต ซะหน่อย ... ซึ่งคำว่า "Gelato" เป็นภาษาอิตาเลียน ซึ่งแปลว่า "ไอศกรีม" นั่นเอง ... ต้องไม่พลาดการชิมแต่ละร้าน หากมาเยือนอิตาลี
วิ่งขึ้นสะพาน ขอบันทึกภาพมุมสูงเพราะคงไม่เดินต่อเข้าไปแล้ว แต่ข้ามไปอีกฟากแทน ... ตามมาดูว่ามีอะไรดึงให้ข้ามสะพานมา
ถ่ายภาพย้อนกลับไป ให้เห็นสถาปัตยกรรมครบทั้งหลัง
เหตุผลที่ข้ามมาเพราะอยากมาเก็บภาพกับบ้านกำแพงสีเหลืองหลังนี้
นี่ไม่ใช่ปกอัลบั้มเพลงนะ
ด้วยฝีมือตากล้องคนนี้ไง กับปกอัลบั้มเพลงสีเหลืองนั้น
เดินไปชมไป ความเก่าแต่แอบศิลป์
จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ โรแมนติคไม่เบา
ได้เวลากลับเวนิสกันแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะบันทึกภาพสองข้างทาง
มักเห็นเรือบรรทุกสินค้า แล่นไปมา คึกคักมาก
ด้วยการอนุรักษ์ความเก่าของอาคารบ้านเรือนไว้อย่างดี ถือเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ได้มาชื่นชมกัน
แล่นเรือเที่ยวชมบรรยากาศ ก็คงเหมือนการย้อนเวลาไปในอดีต เพราะสถาปัตยกรรมเหล่านี้ผ่านวันเวลามายาวนาน แต่ยังคงสภาพเดิมอย่างที่เห็น
เรือแล่นออกมาอีกทาง และเริ่มเห็นเกาะซานมิเกเล อยู่ไม่ไกล
มองเห็นอาคารแต่ไม่แน่ใจว่าคืออะไร
มองเห็นอาคาร Marina e Susanna Sent เป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ แต่เลียนแบบอาคารเก่า โดยเปลี่ยนหลังคาเป็นแบบทันสมัย ใจหนึ่งก็ว่าสวยดี แต่ใจจริงอยากให้คงแบบเก่าไปทั้งเมือง
สร้างใหม่ แต่ให้คงแนวเดิมแบบนี้ดูดีกว่า
ได้คลายสงสัยว่า พวกเรือต่างๆ นั้น ไปเติมน้ำมันจากไหนกัน หลังจากได้เห็นปั้มน้ำมันบนเกาะ
เรือแล่นมายังเกาะซานมิเกเล เพื่อเทียบท่ารับ-ส่งผู้โดยสาร
จากนั้นเรือก็แล่นสู่เกาะเวนิส ซึ่งในย่านนี้ เรียกว่า "กัสเตลโล" (Castello) ถือเป็นส่วน "หางปลา" ของเวนิส โดยตั้งชื่อตามปราสาทที่อาจสร้างขึ้นตรงนี้ในสมัยโรมัน
เหลือบไปเห็นเรือกอนโดล่าสีแดงสด ... ว้าว! ซึ่งปกติมีแต่สีดำเท่านั้น
มองตามไป ที่แท้คือ โรงงานผลิตเรือกอนโดล่า ตั้งอยู่ที่นี่นี่เอง ชอบสีเขียวลำนั้นจัง อยากนำมาพายให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาคงจะดี