Disable Preloader




ร้อนนัก ไปพักร้อน : ตอนที่ 41 "จัตุรัสซานมาร์โก้ โชว์รูมแห่งนครเวนิส"

หากใครมาถึงเวนิส แต่ไม่ได้มายังบริเวณจัตุรัสซานมาร์โก้แห่งนี้ อาจถือได้ว่า ยังมาไม่ถึงเวนิสเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดื่มด่ำความงามของจัตุรัสแห่งนี้ คือ รุ่งอรุณ นั่นเอง

เป็นศูนย์รวมกิจกรรมทางศาสนาและการเมืองของเวนิสมานาน แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าที่นี่เคยเป็นเพียงอุทยานในโบสถ์ที่มีลำธารไหลผ่าน อาคารโบสถ์ และวังของผู้ครองนครที่อยู่ทางด้านตะวันออกของจัตุรัส

ตลอดจนคฤหาสน์โอ่อ่าอื่นๆ รายรอบ ที่ตั้งโดดเด่นเป็นฉากหลังให้ขบวนแห่ฉลองชัยชนะ ต้อนรับอาคันตุกะสำคัญ และเทศกาลต่างๆ

แต่วันนี้กลายเป็นสถานที่ในฝัน สุดโรแมนติค ไม่เว้นให้คู่บ่าวสาว ได้มาใช้เป็น Wedding Studio กลางแจ้งแบบนี้ ... แช๊ะ!

โบสถ์ซานมาร์โก้ (Basilica San Marco) ซึ่งเป็นโบสถ์แบบไบแซนไทน์ ที่ตั้งตระหง่านเชิญชวนให้เข้าแถวรอ เพื่อเดินเข้าชมภายในโดยไม่เสียตังส์

มองเห็นรูปปั้นม้าจำลอง (Loggia dei Cavalli) ยืนตระหง่านเหนือระเบียง แต่ถ้าต้องการเดินออกมาที่ระเบียงที่มองลงไปยังจัตุรัสซานมาร์โก้ ต้องเสียตังส์ แต่จะมองเห็นรางน้ำตะกั่วโบราณ ตลอดจนเสาหินต่างขนาดและลวดลาย ซึ่งบ่งบอกแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกันได้

มองเห็น Western Facade โดม เสากลม ประตูรูปโค้งและยอดแหลม ซ้อนต่อกันไม่สิ้นสุด โดยมีรูปปั้นหินอ่อน ฉาก และโมเสกวาววับสลับคั่น

ประตูโค้งทางเหนือสุดติดโมเสกจากศตวรรษที่ 13 ส่วนโมเสกด้านอื่นๆ เป็นงานลอกเลียนแบบศตวรรษที่ 17 และ 18

ภาพแบบเอ็กคลูซีฟบริเวณภายในโบสถ์ มี Pala d'Oro ฉากทองคำประดับอัญมณีที่ได้รับการว่าจ้างให้ผลิตขึ้นที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ในปี ค.ศ. 976 แต่งเติมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วยฉาก 250 แผ่น ประดับอัญมณี 1,927 ชิ้น และแผ่นสลักลงยา

มองเห็น Ascension Dome โดมตรงกลางประดับโมเสกจากต้นศตวรรษที่ 13 แสดงภาพจากพระคัมภีร์ใหม่ มีภาพ Christ in Glory อยู่เหนือภาพเหล่าทูตสวรรค์

งดงามเหนือคำบรรยายจริงๆ

มองออกจากประตูโบสถ์ไปยังจัตุรัส

มองเงยขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะบันทึกความงดงามแบบสุดอลังการงานสร้าง

มองเห็น Campanile ซึ่งเป็นหอระฆังสูง ที่ถูกจำลองไปไว้ในสถานที่ท่องเที่ยวในหลายประเทศ ซึ่งต้นฉบับอยู่ที่นี่ ที่อื่นๆ คงเป็นแค่ฉบับสำเนา

งามวิจิตรในรายละเอียด

ผลงานเหล่านี้เป็นโมเสกทองคำเปลว (Atrium Mosiacs) เป็นเรื่องในพระคัมภีร์เก่า และในคัมภีร์ไบเบิล

มองเห็น "ปอร์ตา เดย์ ฟิโอรี" เป็นประตูทางเข้าด้านเหนือ ซึ่งมีภาพจากศตวรรษที่ 13 แสดงการประสูติพระเยซู ล้อมประดับด้วยเถาวัลย์และโค้งประตูเป็นแบบมัวร์ ถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมเด่นของโบสถ์หลังนี้

ข้างๆ โบสถ์ยังมีหอนาฬิกาสไตล์เรอเนซองซ์ที่มีตุ๊กตาสำริดรูปแขกมัวร์ 2 ตัว ใช้ค้อนทุบบอกเวลาอยู่บนระเบียงชั้นบน ในวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ จะมีขบวนแห่ออกมาทุกชั่วโมง

เล่าลือกันว่า ช่างทำนาฬิกาถูกทำให้ตาบอด เพื่อไม่ให้ไปสร้างนาฬิกาแบบนี้ได้อีก

มองเห็นวังผู้ครองนคร (Doge's Palace) เป็นที่พำนักของผู้ครองแคว้นถึง 120 คน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 697 - 1797 ซึ่งพวกเราได้แต่เที่ยวชมความงามอยู่ภายนอกเท่านั้น ... มาติดตามกันต่อนะว่าจะพาไปเที่ยวไหนกันต่อ ซึ่งทริปในเวนิสงวดเข้ามาทุกที เหลือเวลาเพียงบ่ายวันนี้ เราก็ต้องบินกลับไปแฟรงค์เฟิร์ตกันแล้ว