มาติดตามกันต่อเนื่องในตอนที่ 2 นี้ ซึ่งอยากส่งผ่านความประทับใจ ไปทางภาพถ่ายบรรยากาศพร้อมคำบรรยายเล็กน้อย ซึ่งในฉากนี้เริ่มจากการฉายแสงสีเหลืองและสีแดง เหมือนเป็นการแบ่งข้างกันอยู่ในปัจจุบัน
ต่อจากนั้นก็เริ่มมีดอกไม้ผลิบานขึ้นทั้งสองฝั่งสี เพื่อหลอมรวมสีเหลืองและสีแดง เป็นสีชมพูเดียวกัน
ต้องขอปรบมือและชื่นชมการร้องเพลง "สงบสันติสามัคคี" ในตอนนี้ของ "พลพล พลกองเส็ง" ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มแต่มีพลัง บวกกับคำร้องของผู้ประพันธ์เพลงนี้
ซึ่งเนื้อหาของเพลงดีมากๆ และเป็นการสื่อถึงการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน ฟังแล้วตรงใจมาก
รู้สึกมีความสุขมากในบรรยากาศตอนนี้
ขอชื่นชมอีกอย่าง คือ ภาพยนตร์ที่นำมาฉายกล่าวถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน โดยถ่ายทอดด้วยการบอกเล่า สลับกับการร้องเพลงของนักร้อง
ซึ่งได้มีการแจกซีดีพระราชทานชุดนี้ แก่ผู้มาร่วมงานด้วย
ได้ยินพิธีกรกล่าวว่า การแสดงชุดนี้ จะนำไปจัดแสดงในต่างจังหวัดด้วย เวียนไปในหลายๆ จังหวัดตลอดปีหน้านี้ ซึ่งเป็นการดีและอยากให้ประชาชนทุกคนได้มีโอกาสชมได้ทั่วถึง
ในวันนี้ที่มาชมการแสดง ผู้ชมส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างจังหวัดอีกด้วย ซึ่งทุกคนมี "ใจ" เดียวกัน มี "พ่อ" เดียวกัน
เป็นโอกาสที่ประทับใจ ในการแสดงและที่สำคัญคือ บรรยากาศที่รู้สึกมีความสุข
ชอบในคำบรรยายช่วงหนึ่งของการแสดง ตัวอย่างเช่น "ตาเคยบอกว่า ตาทำงานหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัว แต่พระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านต้องทรงงานหนัก เพื่อคนไทยทั้งประเทศ ... ทำไมการเป็นพระราชา ถึงต้องทรงงานหนักขนาดนั้นด้วย"
หลาน : ทำไมคุณตาถึงรักพระเจ้าอยู่หัวฯ
คุณตา : สิ่งที่ทำให้ตารักพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากได้เห็นท่านทรงเหน็ดเหนื่อยกับพวกเรามาช้านานแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทำให้ตาภูมิใจ อบอุ่นใจ ที่มีพระเจ้าอยู่หัวฯ ... นานมาแล้วในวันที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องเสด็จออกนอกประเทศ มีคนตะโกนขึ้นว่า "ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน" ขาดคำนั้น ทุกๆ คนต่างร้องไห้โหร้องออกมาดัง เหมือนหัวใจของพวกเราถูกตัดออกไปแล้ว ... ตามารู้ทีหลังว่า ท่านทรงได้ยินคำพูดนั้นด้วย ทรงมีพระราชดำริว่า "เมื่อประชาชนไม่ทิ้งท่าน แล้วท่านจะทิ้งประชาชนของท่านไปได้อย่างไร"
คุณตา : สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ตามีความมั่นใจและอบอุ่นใจว่า พระเจ้าอยู่หัวฯ จะอยู่เป็นมิ่งขวัญของพวกเราตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระเจ้าอยู่หัวฯ จะไม่ทิ้งพวกเรา ... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระเจ้าอยู่หัวฯ จะไม่มีวันทอดทิ้งประชาชนของท่าน ... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระเจ้าอยู่หัวฯ จะไม่มีทิ้งลูกๆ คนไทยของท่าน ไม่ว่าจะอยู่ทีไหน ท่านอยู่ในใจของพวกเราทุกคน
หลังจากได้ฟังบทสนทนาในภาพยนตร์นั้น น้ำตาผมก็หยดแหมะออกมาเอง ขอบอกอย่างไม่อาย
แต่เป็นน้ำตาที่มีความสุข ตื้นตันใจจริงๆ
และผมเชื่อว่าหลายๆ คนในขณะนั้น อาจรู้สึกแบบผมก็ได้
ระหว่างนั้น ได้ยินเสียงพลุจากทางด้านหลัง ซึ่งคงมีการจุดเฉลิมฉลองจากด้านถนนราชดำเนิน จึงหันไปบันทึกภาพไว้
ได้ภาพบรรยากาศแบบ 360 องศา จริงๆ
หลาน : ตอนนี้หนูรู้สึกได้ว่า โชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินของพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เกิดมาภายใต้ร่มพระบารมีของท่าน
หลาน : หากมีพรศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ที่หนูจะขอได้ สิ่งเดียวที่หนูจะขอก็คือ ขอให้พวกเราคนไทยทุกคน ได้มีพระเจ้าอยู่หัวฯ อยู่เป็นมิ่งขวัญตราบเท่านานแสนนาน
หลาน : ขอให้แผ่นดินไทย ได้มีพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นร่มโพธิ์ตราบเท่านานแสนนาน ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ
เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ประทับใจตลอดไป เมื่อได้กลับมาชมภาพต่างๆ เหล่านี้ ก็รู้สึกถึงวันนั้นได้อย่างไม่ลืม
ในวันนั้น พวกเราทุกคนยังได้ร่วมใจกัน พร้อมกันจุดเทียนชัยถวายพระพร มีการส่งต่อไฟจากเทียนเล่มหนึ่งไปอีกเล่มหนึ่ง จนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ
ทั้งเปล่งคำ "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้อง
เปล่งออกมาจากหัวใจ
ด้วยหัวใจเดียวกันของคนไทยทั้งชาติ "ขอพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"