หลังจากขึ้นรถบัสจากหอคอย N Seoul Tower พวกเราก็มุ่งสู่เกาะนามิ เป็นจุดหมายต่อไป มาตามกันต่อรับรอง ฮา..นามิ ได้หัวเราะ หรืออมยิ้มอย่างแน่นอน
ระหว่างนี้ ก็ชมบรรยากาศสองข้างทางไปพลางก่อนอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง
ซึ่งโปรแกรมเดินทางในวันนี้เราเปลี่ยนแผนใหม่ทั้งหมด ซึ่งความจริงแล้วหลังจากที่ออกจากสถานบินอินชอน เราต้องเดินทางไปหมู่บ้านโพรว๊องซ์ และตรงไปเกาะนามิ แต่ทว่าวันนี้ตรงกับวันพระใหญ่ คล้ายกับวันวิสาขบูชาบ้านเราพอดี ทำให้เป็นวันหยุดยาว 3 วันของชาวเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเกาหลีที่ขับรถกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด
ทำเอารถติดยาว ไม่ต่างกับสงกรานต์บ้านเราที่ยาวจาก กรุงเทพฯ ถึงโคราช แบบขยับไปทีละนิด ทำให้ระยะเวลาการเดินทางจากกรุงโซลไปยังเกาะนามิ จังหวัดคังว็อน ระยะทางเพียง 63 กิโลเมตร ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง กลายมาเป็น 4 ชั่วโมงกว่า
ทั้งนอนหลับไป ตื่นมาชมดอกไม้ข้างทาง ก็ไม่ถึงซักที
ดอกที่เห็นก็คือ ต้นกุหลาบพันปี ออกดอกเยอะมาก หลายๆ จุดตามเส้นทาง หากเทียบกับบ้านเรา ก็คงเหมือนต้นเฟื่องฟ้า ซึ่งก็ปลูกกันอยู่ทั่วไป
มองไปทางไหน ก็มีเส้นทางจักรยานขนานไปกับถนน และภูเขาที่ยังสมบูรณ์อยู่มาก เขียวชอุ่มทั้งที่ฤดูหนาวคงผลัดไปออกหมด ยกเว้นแต่ต้นสนที่ยังคงความเขียวอยู่ได้ ... มีรถไฟแล่นผ่านไปมา แม้จะไม่ใช่รถไฟหัวจรวดหรือรถไฟความเร็วสูง แต่ก็ทำให้คิดไปได้ว่า อยากนั่งไปตอนนี้่ เพราะรถบัสเราขยับได้เพียงทีละนิดมา 2-3 ชั่วโมงแล้ว
จากความเพลินเริ่มเป็นความเมื่อย หาทางขยับตัว ขยับมือ หยิบกล้องมาเก็บภาพข้างๆ ทางไป
เห็นคนกำลังเล่นกีฬาทางน้ำอยู่ ทั้งสกีน้ำ และเรือยาง หากนั่งอยู่บนเรือยางลำนั้น คงได้อยู่บนเรือเหาะแน่ๆ
ประมาณ 6 โมงเย็น พวกเราก็เดินทางมาถึงบริเวณที่เทียบเรือ เพื่อข้ามไปยังเกาะนามิ อากาศกำลังเย็นลง และท้องฟ้าก็สวยไปด้วยปุยเมฆ
สำหรับบางคนที่ต้องการความสนุกในการข้ามไปยังเกาะนามิ ก็สามารถเลือกใช้บริการชิงช้า แบบนั่งได้ 2 คน ลอยข้ามไป โต้ลมหนาว
ซึงเกาะนามิแห่งนี้ โด่งดังเมื่อครั้งมีซีรีส์เกาหลี เรื่อง เพลงรักในสายลมหนาว (Winter Love Song)
ทำให้ต้องกลายเป็นสถานที่อีกหนึ่งแห่งในโปรแกรมเที่ยวเกาหลีไปด้วย
ระหว่างรอตั๋วเรือข้ามไปยังเกาะนามิ พวกเราก็ไม่เคยปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปเฉยๆ ซักแช๊ะ สองแช๊ะ ก็ยังดี
ฟ้าก็เริ่มมืดจนเห็นพระจันทร์ นี่คงเป็นโอกาสที่ไม่ได้หาง่ายๆ ที่พวกเราจะได้มาเที่ยวเกาะนามิ ยามค่ำคืนเหรอนี่ ซึ่งปกติเขาจะกันตอนกลางวัน ... พูดปลอบใจตัวเอง
กองตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) ของเกาะนามิ ไม่น่าให้บุคคลนี้ข้ามไปยังเกาะ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะไปสร้างความฮา และความไม่สงบบนเกาะนั้น
ในที่สุดก็เดินมาขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะนามิ (남이섬 종합휴양지) ภาษาเกาหลีอ่านว่า ฮันกึล
เกาะที่มีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำ อยู่กลางแม่น้ำฮั่น ซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนช็องพย็อง
ใกล้ถึงฝั่งแล้ว มีสาวสวยมาคอยต้อนรับอยู่
ไม่นานนักเราก็ข้ามมาถึงฝั่งเกาะนามิ และนัดเวลาลงเรือกลับในเวลา 19:30 น
ทุกคนก็รีบจ้ำไปยังรูปปั้น สามีภรรยา เจ้าของเกาะ ... เอ๊ย! ไม่ใช่ เพื่อให้ทันก่อนจะมืด มองอะไรไม่เห็น
รถไฟจะแล่นมา หรือใครจะเดินกลับ เราก็ไม่สน ต้องไปยังจุดหมายเดียวกัน อุตส่าห์ฝ่ารถติดมา 4 ชั่วโมงกว่า
เดินฝ่าความมืด เหมือนกำลังเดินตามอะไรซักอย่าง
นี่ล่ะน้า แค่ดูซีรีส์เกาหลียังไม่พอ ต้องอินไปกับบทบาท อยากไปกอดพระเอกซะงั้น ก็แค่รูปปั้นแข็งๆ
อุ้ย! ตะ ที่ว่าไปนั่น นี่ตัวแม่เลยเนี่ย! พูดยังไม่ทันขาดคำ
หลังจากนั้น ชีวิตคู่ของเบยองจุนและแชจีอู ก็ไม่สงบขึ้นมาทันที ... ทั้งโอบ ทั้งโหน
ทั้งสัมผัส ทั้งเกาะ
ทั้งพรากความรัก ทั้งโอบกอดชายหญิง
ทั้งมีพยานรักด้วยกัน
ทั้งรัก ทั้งอิจฉา
ทั้งยอมพ่ายรัก หรือรักสามเส้า
หรือแม้แต่นางเอกเกาหลีคนใหม่ ที่มาซ้อมบทสำหรับ Winter Love Song ภาค 2
ทั้งเหนี่ยวรั้ง ไปไหน ไปกัน
ทั้งที่มาแสดงความยินดีกับความรักของเขาทั้งคู่
สำหรับตากล้อง ต้องขอหอมซักฟอดให้หายคิดถึง หลังจากที่ได้เคยมาเป็นมือที่สาม และหอมนางเอกไปเมื่อต้นปีที่แล้ว
กดลิงค์นี้ เมื่อฉันไปเป็น "มือที่สาม" ไกลถึงเกาะนามิ เพื่อชมภาพเกาะนามิในตอนกลางวันช่วงฤดูหนาว แถมความฮา ซึ่งได้เห็นเกาะนามิอีกบรรยากาศอย่างชัดเจน และอยากชวนให้กลับมาเที่ยวอีก
หลังจากที่พวกเรา สร้างความไม่สงบให้กับคู่สามีภรรยา ก็ได้เวลากลับข้ามไปฝั่งกระโน้น
เพื่อไปอิ่มอร่อยกับ "ทัคคาลบี้" (Dak Galbi) ซึ่งเป็นอาหารเกาหลีสไตล์ ข้าวผัดซ๊อสคาลบี้กับไก่ หรือข้าวผัดซ๊อสรสเผ็ด ทานคู่กับผักสดกรอบ อิ่มอร่อยถูกปากกันทุกคน และคงเพราะความหิวของทุกคนด้วย
จบการรายงานวันแรกแต่เพียงเท่านี้ ยังเหลือทริปความมันส์อีก 3 วัน ไว้มาติดตามกันต่อนะ