เข้าสู่วันที่สามของทริปสัญจร ซึ่งยังมีโปรแกรมช๊อปปิ้ง เข้าวัดเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเดินเที่ยวอีกตลอดทั้งวัน มาติดตามกันต่อ เพื่อพาไปชมมุมสวยๆ ของกรุงโซลกันต่อไป
เช้านี้อากาศไม่สดใสนัก แถมยังมีฝนตกปรอยๆ ระหว่างเดินทางจากโรงแรมที่พัก ไปยังจุดช๊อปปิ้งเครื่องสำอางค์กันอีก
สำหรับสาวๆ ก็เข้าไปเลือกซื้อกันอย่างถูกใจ
ได้ของติดไม้ติดมือกัน มากน้อยแล้วแต่ความยาวของโพยของฝากซื้อ แต่นี่ยังถือว่าน้อย เพราะบ่ายนี้จะพาไปร้านเครื่องสำอางค์ที่ถูกใจคนไทย ซึ่งกันราวกับเหมามาทั้งร้านกันเชียว โพยยาวเป็นหางว่าว
ระหว่างรอเพื่อนๆ ก็ดึงเพื่อนบางส่วนมาเป็นนางแบบ บันทึกภาพกับใบไม้ผลิของต้นฤดูกาลกันหน่อย
สีสันสวยงาม หลังจากมีแต่กิ่งก้านไร้ใบช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา เมื่อรวมพลกันครบ ก็ขึ้นรถบัสเพื่อนำคณะพวกเราไปยังวัดแห่งหนึ่งในกรุงโซล ซึ่งในกรุงโซลจะมีวัดอยู่เพียง 2 แห่ง
ถึงแล้ว "วัดโชเกซา" (Jogyesa Temple) วัดที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายเซนที่มีชื่อเสียงในประเทศเกาหลี
ถึงแม้จะเป็นวัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมือง แต่ภายในวัดมีความเงียบสงบ และมีความสวยงามไม่ต่างไปจากวัดอื่นๆ ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมักจะตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา หรือริมชายทะเล
พวกเราจึงถือโอกาสมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันไปด้วย
ด้วยความพิเศษที่วัดแห่งนี้ มีการรับบริจาคข้าวสาร ซึ่งทางวัดจะนำข้าวสารเหล่านั้น ส่งไปยังเกาหลีเหนือ เพื่อมอบให้ประชาชนชาวเกาหลีเหนือ เราจึงได้โอกาสพิเศษที่ได้ร่วมทำบุญแม้จะมีส่วนช่วยเพียงเล็กน้อยแต่ก็สุขใจ ซึ่งได้เคยชมข่าวหรือสารคดีถึงความอดอยากแร้นแค้นของชาวเกาหลีเหนือ
พาเดินชมบริเวณโดยรอบของวัดแห่งนี้
ภาพจิตรกรรมที่แสดงออกถึงเรื่องราว แต่ทว่าเราไม่ทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากนัก จึงยากที่จะเข้าใจความหมาย
แต่ทว่าภาพนี้เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาโดยตรง ย่อมเข้าใจได้ทันที
ยังมีภาพวาดอื่นๆ โดยรอบ ... ถูกใจภาพเณรน้อยน่ารัก
มีหอกลองขนาดใหญ่ ซึ่งพอดีทางวัดกำลังต้อนรับคณะอื่นเป็นพิเศษ และเปิดทางขึ้นพอดี จึงถือโอกาสขึ้นไปบันทึกภาพกันใกล้ๆ
นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังมีความสำคัญในการจัดพิธีแห่โคมไฟรูปดอกบัว ในวันก่อนวันประสูติของพระพุทธเจ้า ซึ่งตรงกับวันที่ 8 เดือน 4 ของปีจันทรคติ โดยขบวนแห่นี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่สนามกีฬาทงแดมุน (Dongdaemun Stadium) เคลื่อนขบวนไปตามถนนชงโน (Jungno) และมาสิ้นสุดที่วัดแห่งนี้
สำหรับคนที่เขามาเป็นคู่ ก็จะกอดคอกันถ่ายภาพน่ารักแบบนี้
แต่ถ้ามาเดี่ยว ก็คงต้องโอบเกี่ยวต้นไม้โดดเดี่ยวไปก่อน ... ภายในวัดมีต้นไม้ใหญ่ที่มีความสูงกว่า 26 เมตร, อาคารเก่าแก่ และเจดีย์ที่แกะสลักจากหินสูง 7 ชั้น
หลังจากได้เวลานัด พวกเราก็เดินไปขึ้นรถบัสกันต่อ ซึ่งบริเวณที่ติดกับวัด ยังมีสำนักงานไปรษณีย์ถูกใจเพื่อนที่ชอบส่งโปสการ์ดวิ่งเข้าไปซื้อแสตมป์ทันที เสียดายที่ไม่ได้ซื้อแสตมป์ของหนุ่มใหญ่ PSY โอปะ กังนัมสไตล์
จากนั้น พวกเราก็เดินทางกันต่อ ระหว่างทางนั่งรถผ่าน พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) ซึ่งไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทริปนี้ของพวกเรา แต่ก็ได้มีโอกาสเข้าไปเที่ยวชมภายในมาแล้วเมื่อ 12 ปีก่อน
เมื่อลงจากรถบัส เพื่อตรงไปเที่ยวยังหมู่บ้านโบราณ มองเห็นไหกิมจิ ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปถ่ายภาพเพื่อเปรียบเทียบขนาดกัน
จากบริเวณนี้ เดินอีกไม่ไกลเพื่อไปยังจุดที่น่าสนใจในกรุงโซล นั่นก็คือ หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)
เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของเกาหลีที่มีประวัติยาวนานที่เรียกว่า ฮันอก (Hanok)
ตั้งอยู่ระหว่าง พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace), พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) และอารามหลวงจองเมียว (Jongmyo Royal Shrine)
คำว่า บุกชอน (Bukchon) มีความหมายว่า หมู่บ้านทางตอนเหนือ ตามตำแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านที่อยู่ทางทิศเหนือของคลองชองเกชอน (Cheonggyecheon Stream) และชงโน (Jongno)
หมู่บ้านประกอบด้วยตรอกซอกซอย อันเป็นที่ตั้งของบ้านแบบดั้งเดิมกว่าร้อยหลัง
และเป็นที่เก็บรักษาสภาพแวดล้อมของเมืองไว้ เพื่อเป็นการบอกเล่าประวัติศาสตร์ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอนที่มีอายุกว่า 600 ปี
สถานที่ท่องเที่ยวโดยรอบของหมู่บ้าน ได้แก่ Bukchon Traditional Culture Center, Seoul Museum of Chicken Art, บรรดาร้านค้ามากมายได้ ร้านอาหาร, ร้านชา เป็นต้น เพื่อเป็นการเรียนรู้และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี
แต่ทว่า บ้านแต่ละหลังในชุมชนชั้นสูงแห่งนี้ ก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่มายาวนานตั้งแต่โบราณ จึงขอความร่วมมือในการเงียบเสียง เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อยู่อาศัย
พวกเรามาเจอะกันหนูน้อยน่ารัก ซึ่งอดไม่ได้ที่จะขอถ่ายภาพกันหน่อย ... แช๊ะ!
โตขึ้นต้องเป็นดารานักร้องแน่เลย เพราะไม่กลัวกล้องถ่ายรูปเลยนะ
สามารถมองเห็น N Seoul Tower ได้ขัดเจนจากมุมนี้ และแอบชอบมุมนี้เป็นพิเศษ ที่ผสานความทันสมัยกับความเก๋าไว้ด้วยกันในภาพ
ต้องขอชื่นชมความพยายามในการเก็บรักษาสถาปัตยกรรมทรงคุณค่าไว้ร่วมกันอย่างดี มองย้อนกลับมาบ้านเมืองเราแล้วอดเศร้าใจไม่ได้ ที่ไม่ค่อยจะใส่ใจการอนุรักษ์บ้านโบราณมากนัก
คงไม่ต้องจ้างใครยืนคุ้มครองหรอก เพราะมีความรู้สึกสงบและปลอดภัยดี
หลังจากพวกเรามาสร้างความไม่สงบเพียงไม่นาน
ก็ได้เวลาเดินกลับไปยังจุดนัดพบ เพื่อรอรถบัสมารับพวกเราไปช๊อปปิ้งละลายเงินวอนกันต่อ ไว้ติดตามกันอีกนะ