บ่ายวันนี้ ไม่มีโปรแกรมอะไรมากไปกว่าการช๊อปปิ้ง ซึ่งบางคนมีรายการของฝากซื้อยาวเหมือนหางว่าว ก็ต้องทำการช๊อปร้านโน้นเข้าร้านนี้ จิ้มโปรแกรมคิดเลขในโทรศัพท์มือถือ แปลงค่าเงินวอนเป็นบาทให้วิงเวียนเล็กน้อย
แต่สำหรับเรา เจออะไรน่าหม่ำก็ลองไปซะหลายอย่าง อย่างไอศกรีมร้านนี้ หากจะเสริฟใส่โคนธรรมดา คงจะเดินผ่านไป
แต่ถ้าลองฉีดไอศกรีมเข้าไปในแท่งข้าวโพดบิดงอ ทำให้อยากลองชิมดู ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าคงไม่ค่อยอร่อยนัก
ถือเป็นการลองของแปลก แล้วก็อุดหนุนคนขายด้วย ซึ่งส่งเสียงเชิญชวนให้ลองชิมก็แล้วกัน ซึ่งบริเวณที่กำลังเดินอยู่นี้ เรียกว่า ตลาดอินซาดง (Insadong)
ซึ่งถือเป็นถนนสายศิลปะ ถนนสายเล็กๆ ที่รวบรวมร้านค้าขายของที่ระลึกตามสไตล์เกาหลี ร้านขายของเก่า และแกลลอรีแสดงผลงานศิลปะต่างๆ ซึ่งย่านนี้ในสมัยราชวงศ์ Joseon (ค.ศ.1392-1910) ถนนสายนี้เป็นย่านการเรียนศิลปะของเหล่าศิลปิน
แนะนำให้เดินเล่นตามตรอกซอกซอยไปด้วย เพราะจะมีห้องแสดงผลงานศิลปะของศิลปินทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่น รวมทั้งร้านขายของเก่า หากถูกใจก็เลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย แต่ทว่าจะเดินชมเฉยๆ ก็ได้เหมือนกัน
เดินเข้าไปในอาคารช๊อปปิ้ง 4 ชั้น ในภาพก็จะมีร้านขายของเล็กๆ รวมทั้งร้านขายขนม
มือหนึ่งถือกล้อง อีกมือที่ว่างก็ถือขนมไปด้วย ... ในย่านนี้ยังมี ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านน้ำชาแบบเกาหลีแท้ๆ บรรยากาศชิลๆ น่านั่ง
ยังมีร้านขายขนมและเครื่องดื่ม สังเกตเห็นหนุ่มสาวจะเดินมาซื้อแผ่นที่เห็น และเขียนคำหวานๆ (เดาว่าเช่นนั้น) ก่อนนำไปแขวนไว้
เดินไปเก็บภาพบรรยากาศไป โดยเฉพาะชื่นชอบตัวบ้านโบราณตามสไตล์เกาหลี
ซึ่งยังมีหลงเหลืออยู่ และต้องขอชื่นชมไว้ด้วย
ซึ่งในช่วงค่ำน่าจะคึกคักกว่านี้ เพราะร้านอาหาร และร้านเหล้า จะเปิดกันอย่างคึกคัก
มองเห็นศิลปินกำลังวาดภาพเหมือนอีกด้วย ... มีเหตุการณ์ประทับใจคนเกาหลีอยู่เรื่องหนึ่งที่ตลาดแห่งนี้เมื่อต้นปีที่แล้ว จำได้ว่า ซื้อหมวกกันหิมะหนึ่่งใบ จำราคาไม่ได้ สมมุติว่า 3000 วอน พอซื้อเสร็จเราก็ไปชวนเพื่อนมาซื้อกับพ่อค้าคนนี้เหมือนกัน โดยต่อราคาเขาเหลือ 2800 วอน เชื่อหรือไม่? พ่อค้าคนนั้นเขาหยิบเงิน 200 วอน คืนให้เรามาเอง โดยที่เราไม่ได้ร้องขอ และก็ไม่ได้คิดอะไรว่าเพื่อนซื้อได้ถูกกว่า ทำให้เรารู้สึกเลยว่า แบบนี้ซิที่คนเกาหลีสร้างความประทับใจได้จริงๆ ทำให้ยังอยากกลับมาท่องเที่ยวอีก
เสร็จจากการช๊อปปิ้งที่ตลาดนี้แล้ว เรายังไปช๊อปปิ้งกันต่อที่ ตลาดเมียงดง (Myeongdong)
มองเห็นหอคอย N Seoul Tower อยู่ตรงนั้น
ณ นาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก PSY ที่เรียกว่า โด่งดังไกลไปทั่วโลกจริงๆ
ตลาดย่านนี้เป็นศูนย์กลางแฟชั่นเกาหลีเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง ทั้งสินค้าแบรนด์เนม และโลคอลแบรนด์ อย่างร้านเครื่องสำอางที่คุ้นหูคนไทยก็ Etude, The Face Shop, Skin Food หาได้ไม่ยากในตลาดแห่งนี้ อีกทั้งยังมียี่ห้อเดียวกันอยู่หลายซอย อาจทำให้จำผิดและหลงทางได้ง่ายๆ
แต่ข้อดีของตลาดนี้ คือ ทางเดินจะขนานกันไปหลายๆ เส้น ดังนั้น ให้เราจำเส้นหลักได้ ก็จะไม่หลง สำหรับผมซึ่งมาตลาดนี้เป็นครั้งที่ 2 ติดใจ UNIQLO ที่นี่ เพราะจะมีขนาดใหญ่มากและยังมีถึง 4 ชั้น เดินเพลินเชียว แต่ทว่าช่วงที่มานี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ เสื้อผ้าจึงคล้ายๆ กับของบ้านเราเลยไม่อยากแบกกลับบ้าน ซึ่งต่างกับที่เคยช่วงฤดูหนาว จะมีเสื้อผ้ากันหนาว Sale กันมาก และไม่มีขายในเมืองไทย จึงเสียตังส์ไปพอสมควร
เจอกลุ่มวัยรุ่นกำลังร้องเต้น คงโปรโมทสินค้าไปด้วย
เดินไป เดินมา ร้านค้าก็ซ้ำๆ กัน ตัดสินใจหาร้านกาแฟ เติมคาเฟอีนในกระแสเลือดซะหน่อย
มาเจอร้านเปิดใหม่ ซื้อ 1 แถม 1 แบบนี้ยิ่งโดนใจ เลยอุดหนุนทันที
เมื่อใกล้เวลานัด ก็มายังจุดนัดพบ เพื่อเดินขึ้นไปทานอาหารชั้นบน ซึ่งประทับใจในอาหารเกาหลี ด้วยรสชาดและความสดอร่อยของผัก ผลไม้
งานนี้จัดหนักกันเป็นการใหญ่ หลังจากเสียพลังไปกับการเดินช๊อปปิ้งตลอดบ่าย
อิ่มหนำสำราญ ก็ขึ้นรถบัสที่รอพาพวกเรากลับไปยังที่พัก
คืนนี้ท่าทางจะหลับสนิท เว้นแต่ต้องคอยฟังข่าวที่ เกาหลีเหนือ ทดลองยิงขีปนาวุธ ทำให้ข่าวทีวีกำลังพูดถึงการเตรียมความพร้อมทางการทหาร
ดีแล้วที่ไม่เกิดเหตุอะไร ไม่งั้นอาจตกเป็นข่าวดัง ... ห้องพักดูกระทัดรัดและไฮเทคดี
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนตื่นมาด้วยความสดใส อาจเพราะจะได้กลับบ้านแล้วในช่วงเย็นวันนี้
แต่ก็ยังมีโปรแกรมช๊อปปิ้งเพิ่มเติมอีกที่ร้าน Duty Free และต้องยอมรับว่า "น้ำหอม" ที่นี่ถูกจริงๆ หากใครอยากซื้อน้ำหอมต้องไม่พลาดที่นี่
เจอกันดาราไทยหนูน้อยน่ารัก
พอซื้อของเสร็จก็รีบเดินลอดใต้ถนนไปเที่ยวยังเจดีย์หอย (Spring) และคลองช็องกเยช็อน (Cheonggyecheon Stream)
คลองแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้ายองโจแห่งราชวงศ์โชชอน อายุเก่าแก่กว่า 600 ปี ด้วยระยะทางประมาณ 6 ก.ม. เดิมเป็นคลองน้ำเน่า สลัมเพียบ รถติดสุดๆ จนมีการสร้างทางด่วนทับคลอง ไม่มีใครอยากจะเดินผ่าน (ภาพขวามือ)
ต่อมาปี ค.ศ. 2003 รัฐบาลได้บูรณะคลองใหม่ ทุบทางด่วนทิ้ง แล้วทุ่มงบกว่า 3 แสน 8 หมื่นล้านวอน พัฒนาจนน้ำใสสะอาด
มีสะพานข้ามคลองที่มีถึง 22 แห่ง
กับทางเดินตลอดทั้ง 2 ฝั่งคลอง
มองเห็นความใสสะอาด จนคิดไปว่า น่าจะมีทางเนรมิตคลองแสนแสบของบ้านเราให้ใสได้เหมือนกัน หากคิดจะทำอย่างจริงจัง และความมีวินัยของประชาชน
กระทั่งปี ค.ศ. 2002 นายอี มย็อง-บัก ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโซล เขาได้เสนอโครงการฟื้นฟูคลองช็องกเยช็อน โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนต่อต้านจำนวนมาก จนต้องมีการประชุมร่วมกันมากกว่า 4,300 ครั้ง
แต่โครงการก็เริ่มขึ้นได้ด้วยดี โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 เริ่มทุบทางด่วน และรื้อถนนโดยรอบมากมาย จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2005
มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2005 ท่ามกลางประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ใช้งบประมาณกว่า 380,000,000,000 วอน (3 แสน 8 หมื่นล้านวอน) หรือราว ๆ 1 หมื่นล้านบาท
ฟื้นฟูธรรมชาติสองฝั่งคลอง ตลิ่งถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม และใช้วิธีขุดท่อผันน้ำจากแม่น้ำฮันเข้ามาที่ต้นคลอง แล้วไล่น้ำเสียออกทะเล
มีการสร้างน้ำพุตลอดแนว เขื่อนชะลอความเร็วน้ำ ลานกิจกรรม ที่พักผ่อน และมีน้ำตกเป็นแนวกั้นน้ำฝน มีทางเดินเลียบคลอง และสะพานกว่า 22 แห่ง
ซึ่งจัดให้ประชาชนร่วมออกแบบสะพานประกวด ทำให้สะพานทุกแห่งล้วนมีรูปแบบที่ไม่ซ้ำกัน และแสดงออกถึงความเป็นเกาหลี
ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบมีราคาเพิ่มสูงขึ้น กลายเป็นแหล่งที่อยู่ของคนรวย สำนักงานบริษัทชั้นนำ และคลองช็องกเยช็อนแห่งนี้ยังได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในกรุงโซล
แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้ว่าการกรุงโซลผู้นั้น
แม้ว่าจะลงทุนอย่างมาก แต่ภาพที่เห็นในวันนี้ ถือว่าคุ้มค่ามาก แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
ได้เวลานัดที่รถบัสแล้ว จึงต้องวิ่งจนลิ้นห้อย ก็มัวแต่เล่นถ่ายภาพใต้น้ำคลองช็องกเยช็อน ซึ่งได้ภาพสาหร่ายใต้น้ำแสดงถึงความใสสะอาดของน้ำจริงๆ
ได้เวลาอาหารเที่ยงด้วย ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี
เสริฟกันแบบร้อนระอุ ซดแบบคล่องคอ โดยมีการยัดไส้ข้าวเหนียวในตัวไก่ หากมาเกาหลีแล้วไม่ได้ทาน คงเหมือนยังมาไม่ถึง
ปิดท้ายด้วย ไอศกรีมเกาหลี ท่าทาง ฟินมากๆ
ได้เวลาไปร้านละลายเงินวอนกัน เหมือนซุปเปอร์มาเก็ตที่รวมขนม อาหาร และของฝากให้ได้ช๊อปปิดท้าย เพื่อแพ๊คเป็นกล่องโหลดกันสบายก่อนไปสนามบิน ใครมีเงินวอน ก็เป็น วอนบิน ล่ะคราวนี้
ยังไงก็ต้องซื้อของฝากให้ตัวเอง และคนที่เรารัก
ก่อนเดินทางกลับบ้าน ด้วยความสนุกประทับใจ และต้องมาเที่ยวอีกอย่างแน่นอน
เก็บความประทับใจไว้ในภาพถ่าย และความทรงจำไว้อย่างดี ซึ่งภาพนี้มักจะเป็นภาพแรกในกล้องของผู้ที่มาเที่ยวกรุงโซล อย่างแน่นอน เพราะเป็นภาพสนามบินอินช็อน (Incheon Internation Airport) เหมือนประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว และในขณะเดียวกันก็พานักท่องเที่ยวกลับบ้านอย่างปลอดภัย ไว้พบกันใหม่ ... จบบริบูรณ์