Disable Preloader




เหนือความคาดหมายในเมือง ย่างกุ้ง : ตอนที่ 2

มาต่อกันในเช้าวันที่สองในเมืองย่างกุ้ง ใกล้ๆ กับโรงแรม ก็มองเห็นเจดีย์อีกแห่งมีชื่อว่า "Sule Pagoda" ว่ากันว่ามีอายุราว 2,000 ปี มีฐานทรงแปดเหลี่ยมและเจดีย์คล้ายระฆัง โดยยอดเจดีย์มีความสูง 46 เมตร

ใกล้ๆ กันนั้น จะมองเห็นสถาปัตยกรรมโบราณ และมีหอนาฬิกาอยู่ด้วย ... ขอซูมอีกซักนิด จะได้มองเห็นแบบชัดเจน

ที่เห็นหอนาฬิกานั้นก็คือ "ศาลฎีกา" (High Court) นั่นเอง เป็นสถาปัตยกรรมที่ดูสวยงาม และมีมนต์เสน่ห์ในการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มองเห็นแม่น้ำย่างกุ้งอยู่ไม่ไกล ... เรียกว่า เราพักอยู่ใจกลางเมือง ถ้ามาท่องเที่ยวคงจะสะดวกมาก แต่เรามาทำงานกลับมาช่วงค่ำ ร้านค้าก็ปิดหมดแล้ว

ในระหว่างการเดินทางที่ลูกค้าให้รถตู้มารับที่โรงแรม เราจะสังเกตวิถีชีวิตของชาวพม่า ซึ่งผู้คนมากมาย พระสงฆ์เดินบิณฑบาตตลอดทั้งวันอยู่หลายรูป ผู้คนก็เดินเท้าไปทำงาน และที่เห็นชายผู้นี้ เดินขายบุหรี่บนท้องถนนพร้อมจุดบุหรี่ให้ด้วย

ผ่าน "วัดแขก" ซึ่งชาวพม่าบางส่วนจะเหมือนคนแขกคงเพราะพม่าเองก็มีพรมแดนติดกับอินเดีย ก็ทำให้มีผู้คนไปมาหากัน และการผสมผสานทางเชื้อชาติ ... มีผู้คนนั่งทานอาหารเช้าริมทาง ที่เห็นดีด้วยคือ ประเทศพม่าจะไม่ยอมให้มีรถมอเตอร์ไซด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพราะปัญหาการจราจรในเมืองใหญ่ มักมีสาเหตุจากปริมาณรถมอเตอร์ไซด์ที่ควบคุมปริมาณไม่ได้ และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยกว่ารถยนต์

มีการใช้รถสาธารณะกันจำนวนมาก และการจราจรนั้น ก็ไม่ค่อยมีปัญหา คงเพราะการวางยังเมืองไว้อย่างดีคงได้มาจากทางยุโรป ส่วนรถยนต์นั้นก็ใช้รถพวงมาลัยซ้ายกัน ... สำหรับโทรศัพท์มือถือ คงไม่ต้องพูดเลย เพราะแพงมากๆ ต้องจ่ายค่าใบอนุญาตหลายหมื่นบาทจึงจะได้สิทธิ์ซื้อใช้ได้ สำหรับการนำมือถือบ้านเรามาใช้นั้น หมดสิทธิ์เพราะไม่มีบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (International Roaming)

ขอนำเสนออาหารพื้นเมืองแบบพม่ากันซักหน่อย ร้านนี้เหมือนร้านข้าวแกงในบ้านเรา แต่อาหารทะเลที่นี่สุดยอดมาก ภาพที่เห็น คือ กุ้งแม่น้ำขนาดยักษ์ทอดราดด้วยน้ำพริกมะขาม, ปูนิ่มทอดกระเทียม, แหนมสด และอื่นๆ ต้องขอบอกว่าอร่อยมากๆ ราคาก็ไม่แพง ... ชอบวิถีชีวิตของคนพม่าที่จะหิ้ว "ปิ่นโต" สำหรับอาหารกลางวันกัน โดยเฉพาะคนทำงานในสำนักงาน ช่วยให้ประหยัด สะอาด และยังมานั่นทานรวมกันได้ ซึ่งบ้านเราคงไม่ได้เห็นใครหิ้วปิ่นโตกันแล้ว

ระหว่างเส้นทางกลับมายังโรงแรม รถของเราจะผ่านทางด้านหน้าโบสถ์ St. Mary's Cathedral ที่เรามองเห็นจากมุมสูงจากห้องพัก สวยงามมาก และมองเห็นชาวพม่านุ่งโสร่งเดินผ่านพอดี ซึ่งช่วยยืนยันได้ว่า ถ่ายภาพนี้จากประเทศพม่า ไม่ใช่ประเทศในยุโรป

ในบริเวณล๊อบบี้ของโรงแรม มองเห็นองค์พระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม้ งดงาม อ่อนช้อยมาก ซึ่งมีป้ายราคาเป็น US$ สำหรับผู้ที่ต้องการเช่ากลับมาสักการะบูชา เพราะเป็นการแกะสลักขึ้นใหม่ ไม่ใช่วัตถุโบราณ  เพราะถ้าเป็นของเก่าจะไม่อนุญาตให้นำออกนอกประเทศพม่า

เราก็ทำงานกันจนถึงช่วงเย็น รถตู้ก็มาส่งที่โรงแรมเพื่อให้เตรียมตัวไปรับประทานอาหารจีนรสเลิศในคืนนี้ ... เราก็เดินเล่นแถวๆ โรงแรมก่อนถึงเวลานัดหมาย ซึ่งตึกสูงๆ นั้น เราเพิ่งขึ้นไปทานอาหารฝรั่งเมื่อคืนในชั้นบนสุด และถ่ายรูป "เจดีย์ชเวดากอง" ยามค่ำคืน ... ข้างๆ จะเป็นโรงภาพยนตร์ซึ่งกำลังฉายเรื่อง "IRON MAN" หนังที่ผมชอบที่สุดในปี 2008 นี้

พวกเราขอทำตัวเป็นนายแบบ ... แบบว่าขำขำ กันซักหน่อย เก็บไว้เป็นที่ระทึก ... เอ๊ย! ที่ระลึก

สำหรับค่ำคืนนี้ พวกเราและลูกค้าก็อิ่มหนำสำราญกับอาหารกว่า 10 อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ขาหมูพะโล้" จานนี้สูตรยูนนาน ขอบอกว่า เป็นขาหมูที่อร่อยที่สุดที่เคยทานมา ... ที่เห็นกระเทียมนั้น คือ "กั๊งตัวโตๆ ทอดกระเทียม" อร่อยเด็ด และที่สำคัญ "ปลาเก๋าตัวเบ้งที่เพิ่งว่ายน้ำ ก็มาอยู่ในจานผ่านการนึ่งซีอิ้ว" ไม่เชื่อดูรอยยิ้มบ่งบอกถึงความสุขในการทานอาหารในมื้อนี้

ซึ่งถ้าใครมาเยือนเมืองย่างกุ้ง ต้องหาโอกาสมาลิ้มลองที่ร้านนี้ "Yin Fong Sea Food" อยู่ตรงข้ามกับ "โรงแรมกันดอจี" (Kan Daw Gyi) ... มื้ออร่อยมื้อนี้ จ่ายเงินสดไป 150,000.- เอง ... ไม่ใช่เงินบาทนะ แต่เป็นเงินจ๊าด ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 4,000.- บาท ซึ่งถ้าทานในกรุงเทพฯ มื้อนี้คงจะเป็นหมื่นบาทอย่างแน่นอน ... วิธีการจ่ายเงินนั้นง่ายมาก แค่ยื่นเงินปึกใหญ่ ปึกละหนึ่งแสนจ๊าดให้คนเก็บเงินเขาจะนับด้วยวิธีการของเขา รวดเร็วมาก และนำเงินส่วนที่เหลือกลับมาคืนให้เรา ซึ่งทำอย่างนี้กับทุกร้าน ... เชื่อใจในความซื่อตรงของชาวพม่าได้เลย น่านับถือจริงๆ

คาดไม่ถึงว่าเมืองย่างกุ้ง จะเป็นแหล่งอาหารทะเลสดอร่อยและราคาไม่แพง ... ขออภัยหากทำให้น้ำย่อยในกระเพาะกระเฉาะเล็กน้อย ไว้มาติดตามในวันที่สามในตอนต่อไปนะ

กล้อง : Canon PowerShot A620