Disable Preloader




พระธาตุอินทร์แขวน ดินแดนสวรรค์ บนพื้นดิน : ฉากที่ 1

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสเดินทางมาเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นได้เปลี่ยนความคิดเดิมๆ ที่ว่า เป็นประเทศที่ปิดและผู้คนน่ากลัว ซึ่งความจริงแล้ว เป็นประเทศที่มีความประทับใจและต้องบอกว่ารู้สึกปลอดภัยมากกว่าหลายๆ เมือง หรือหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วเสียอีก ... มาถึงปีนี้ ได้มีโอกาสกลับมาเยือนอีกครั้ง เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง หลังจากเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึง สนามบินมิงกะลาดง แห่งเมืองย่างกุ้ง ในเวลาเพียง 45 นาที พวกเราก็มุ่งสู่เมืองหงสาวดี แวะพักทานอาหารกลางวัน และเดินทางต่อไปถึงเมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "พระธาตุอินทร์แขวน" แห่งนี้ทันที เพราะใช้เวลาเดินทางด้วยรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง จากเมืองย่างกุ้ง

เมื่อเดินทางมาถึง เราก็ต้องต่อเครื่องบิน ... เอ๊ย! ไม่ใช่ อาจจะเรียกว่า "รถหกล้อบิน" ก็ไม่น่าจะผิด แม้จะไม่มีงวงช้างเพื่อนำผู้โดยสารขึ้นเครื่อง แต่ก็มีบันไดแบบนี้ในได้ขึ้นสู่เครื่องเช่นกัน

ผู้โดยสารเลือกที่นั่งได้เองตามต้องการ ไม่มีเซฟตี้เบ๊ลล์ ไม่มีแอร์โฮสเตส มีแต่มือของตัวเองที่ต้องหากมุมเกาะไว้ให้แน่นๆ เพราะขอบอกว่า ยิ่งกว่ารถแรลลี่เปิดประทุนเสียอีก สาดโค้ง เร่งเครื่องแบบไม่ต้องยั้ง

ซึ่งนำขึ้นมายังบนเขาได้อย่างปลอดภัย และเป็นประสบการณ์ความมันส์อย่างแท้จริง ไม่ลอง ... ไม่รู้

เครื่องเล่นสวนสนุกชุดแรกผ่านไปแบบชุดใหญ่ มาต่อด้วยเครื่องเล่นชุดที่สอง เบาลง แต่ว่าสนุกไม่แพ้กัน นั่งคือ "ขึ้นเสลี่ยงไปกราบนมัสการพระธาตุ"

ถือเป็นเสน่ห์ของการมาเที่ยวที่นี่ และแนะนำว่าให้ลองประสบการณ์แบบนี้ ซึ่งไม่ได้หานั่งกันได้ง่ายๆ

ไม่ต่างจากการนั่งเก้าอี้ชายหาดบางแสน แต่เหมือนเหาะขึ้นเขาได้ จะไปดินแดนสวรรค์ทั้งที จะให้เดินขึ้นแบบปกติได้อย่างไร ... จัดไป

ขอกด "ถูกใจ" (Like) ใส่ Facebook ซะหน่อย

ซึ่งคนแบกก็หยุดพักกลางทางเพียงครั้งเดียว ไม่นานนักก็แบกต่อ เพราะเขาก็ต้องทำเวลาเช่นกัน

ไม่ใช่เรื่องง่ายในการแบกเสลี่ยงขึ้นเขาชัน ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ด้วยระยะเวลา 35 นาที

ต้องอาศัย พลกำลัง ความสามัคคี ความอดทน อย่างยอดเยี่ยม สังเกตเห็นการยกเสลี่ยงเวลาเปลี่ยนไหล่ที่แบกน้ำหนัก ชนิดที่ไม่ต้องมีการชะลอความเร็ว สามารถยกข้ามศีรษะได้พร้อมเพรียงกัน

ถือเป็นอาชีพหนึ่งของชาวบ้านในท้องถินนี้ ซึ่งเราก็ต่างอดไม่ได้ที่จะทิปคนละ 2,000 จ๊าด (รวม 8,000 จ๊าด) หรือคิดเป็นเงินไทยก็รวมประมาณ 350 บาท)

ยิ่งไต่ความสูงขึ้น ก็เริ่มมีเมฆลอยคล้อยต่ำลงมา

สำหรับชาวบ้านเอง หากไม่เดิน ก็ใช้บริการ รถหกล้อ อย่างที่เห็น

ถือว่า นักท่องเที่ยว ก็ได้รับความเพลิดเพลินมากเช่นกัน

อากาศเย็นสบาย และถือเป็นโชคดีของพวกเรา ที่ไม่เจอฝนในตอนนี้ เพราะเราเจอฝนตกมาตลอดทางจากเมืองย่างกุ้ง

แล้วพวกเราก็มาถึงจุดหมายกันแล้ว

ลงจากเสลี่ยง และเดินเท้าต่อประมาณ 300 เมตร ก็ถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งเราจะนอนบนนี้กัน 1 คืน และสามารถเดินไปยังพระธาตุอินทร์แขวนได้สะดวกและไม่ไกล

แม้จะมีกลิ่นอายและบรรยากาศคล้ายกับการไปเที่ยวดอยในภาคเหนือของบ้านเรา แต่ที่แตกต่างคือ ที่แห่งนี้ เราจะเห็นวัดและเจดีย์สีทองเรียงรายเต็มไปหมด

ยืนที่ระเบียงหลังห้องพักของพวกเรา จะมองเห็นพระธาตุต่างๆ รวมถึง พระธาตุอินทร์แขวน ในมุมขวาบนนั้น

อีกทั้ง บรรยากาศโดยรอบแบบพาโนรามาแบบนี้ จะไม่เรียกว่า ดินแดนสวรรค์ ได้อย่างไร

หลังจากวางสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็นัดกันเพื่อเดินขึ้นไปบนวัด เพื่อให้ทันเห็นบรรยากาศก่อนจะมืด และมองพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า พร้อมแสงสีที่งดงาม

มองย้อนกลับไป เห็นเมฆลอยเต็มทั่วบริเวณ

ต้องขอบันทึกภาพประทับใจกัน ด้วยความสุขและรอยยิ้มกันทุกคน

เป็นสถานที่หนึ่งที่มีความตั้งใจไว้นาน ที่อยากเดินทางมาถึง

ด้วยความน่าอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งจะขอนำรายละเอียดและประวัติ มาฝากกันในเอนทรีถัดไป

และให้เอนทรีนี้ เป็นการพรีวิวกันก่อน

เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่า ก้อนหินขนาดใหญ่นี้ สามารถวางหรือแขวนอยู่บนภูเขาหินนี้ได้อย่างไร หากลองสังเกตจากภาพนี้

รวมถึง พลังศรัทธาของผู้ที่มาสักการะทั้งชาวพม่า, ชาวต่างชาติ และผู้ที่เดินทางมาจากที่อื่นไกล

รวมถึง พระสงฆ์และเณร ที่เดินทางมาสักการะในสถานนี้ ซึ่งในเอนทรีต่อไปจะนำภาพมาให้ชมกัน

รวมถึง ชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาวพม่า ที่เชื่อว่า ผู้ทีได้มาท่องเที่ยว จะรู้สึกประทับใจในความยิ้มแย้ม เอาใจใส่ และ ความขยันอดทนของชาวพม่า ที่น่ายกย่อง โดยจะนำเสนอหลากหลายบรรยากาศ เปรียบเสมือนการเปลี่ยนฉากของการแสดง